webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

182

บทที่ 182 ก้าวหน้า

การกระทำของเผยอี้ช่างดูอบอุ่นเหลือเกิน ตอนแรกหลินซีเหวินนึกว่าที่เขายอมลงทุนขนาดนี้ก็เพราะว่าชอบเท่านั้น แต่ที่ไหนได้ พอดูอีกทีแล้วคงไม่ใช่แค่ชอบเฉยๆ เพราะดูประคบประหงมกันราวกับไข่มุกเลอค่าแบบนี้

“เซ่อเซ่อ หนาวมากหรือเปล่า?”

เขารวบตัวเจียงเซ่อมาไว้ในอ้อมกอด เสื้อกันหนาวเองก็ยังมีไออุ่นของเขาอยู่ ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกดีไม่น้อย

“ช้าๆ หน่อย”

ตอนที่ถ่ายหนังก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร พอตอนที่เดินลงมาแล้วเจียงเซ่อถึงเพิ่งรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ตอนนี้เธอรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างกาย อากาศของเดือนกุมภาพันธ์ในมณฑลซีหนานค่อนข้างหนาวเย็นมากที่เดียว และความหนาวมันก็หนาวไม่เหมือนในตี้ตูด้วย พอตกดึกก็จะเริ่มมีฝนพรำๆ ตอนนี้เจียงเซ่อรู้สึกว่าแขนขาของตัวเองมันไม่ขยับตามที่ตัวเองคิดเสียแล้ว ขยับทีก็เหมือนมีเข็มพันๆ เล่มมาทิ่มไปทั่วร่างกาย

มือข้างหนึ่งของเธอเกาะไหล่เผยอี้เอาไว้ โม่อานฉีเองก็วิ่งเข้าไปกางร่มให้ มืออีกข้างของหล่อนมีกระติกน้ำร้อนพร้อมกับอุ้มเอาผ้าหมาดมาด้วย เผยอี้รับผ้าหมาดผืนนั้นมาเช็ดหน้าเช็ดมือให้เธอ กับแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ เขาก็ยังทำมันด้วยความตั้งอกตั้งใจ เจียงเซ่อเองก็ยืนนิ่งๆ ให้เขาจัดการ ดูก็รู้แล้วว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ

คนที่ยืนอยู่รอบๆ ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปรบกวนสองคนนั้น จนกระทั่งเจียงเซ่อบอกให้หยุด เธอจิบน้ำร้อนเข้าไปถึงได้รู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง เธอตีๆ เผยอี้แล้วลงจากรถม้าด้วยตัวเอง ก่อนจะเดินไปหาหลินซีเหวิน หลินซีเหวินเองก็ยิ้มให้

“ลำบากแล้วนะเจียงเซ่อ”

ในซีนๆ นี้ถือว่ายากมากทีเดียว เลยต้องให้เจียงเซ่อต้องลำบากถ่ายหลายครั้งขนาดนี้ไงล่ะ

ที่จริงแล้วหลินซีเหวินแค่ต้องการจะถ่ายเอาไว้หลายๆ ครั้งอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้ฉากที่ดีที่สุด สุดท้ายก็ต้องเลือกฉากใดฉากหนึ่ง

แต่ผิดคาดจากที่หลินซีเหวินคิดเอาไว้มาก เพราะที่ถ่ายตั้งรอบแรก เจียงเซ่อก็ทำได้ดีแล้ว แต่ยิ่งให้เธอถ่ายใหม่เท่าไหร่ ก็เหมือนเธอจะยิ่งเข้าถึงบทบาทได้ดีขึ้นเท่านั้น

ในตัวเจียงเซ่อมีศักยภาพบางอย่าง ยิ่งกดดันเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่ได้ลดละความตั้งใจลงเลยสักนิด กลับกันทุกครั้งที่กดดันไป เธอกลับทำได้ดีกว่าเดิมตลอด

เผยอี้เองก็ยังอยู่ตรงนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ทำเป็นมีคนคอยหนุนหลัง กลับกันทุกครั้งที่หลินซีเหวินตะโกนว่า ‘เอาใหม่’ เธอก็นอนลงรอถ่ายใหม่โดยที่ไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ และทุกครั้งที่ถ่ายใหม่ การแสดงของเธอก็เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายของเขาตลอด

ยิ่งร่างกายเหนื่อยอ่อนเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเข้าถึงบทบาทได้มากเท่านั้น ราวกับว่า นอกจากเธอจะรู้ในสิ่งที่โหวซีหลิ่งจะพูดถึง ‘โต้วโค่ว’ แล้ว ทั้งร่างกายของเธอก็ยังรับรู้และสามารถอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับในเนื้อเรื่องเช่นกัน และนั่นก็เป็นสิ่งที่หลินซีเหวินรู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก

ในฉากๆ นี้เจียงเซ่อทำได้ดีมากจริงๆ หลินซีเหวินพอจะเดาออกได้เลย ว่าถ้าหนังเข้าฉายแล้ว พวกคนที่ออกมาพูดว่า ‘เซ่อเซ่อไม่มีฝีมือการแสดง’ มาเห็นฉากนี้แล้วละก็ จะต้องอ้าปากค้างกันแน่ๆ และคงพูดอะไรไม่ออกอีก!

“ไม่ลำบากอะไรหรอกค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว”

เจียงเซ่อส่ายหน้า ก่อนจะหันไปมองผู้คนรอบๆ ด้วยสายตารู้สึกผิด “ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาด้วยนะคะ”

เพราะยังมีทีมงานหลายคนที่ต้องคอยเปียกฝนไปด้วย และตัวประกอบอื่นๆก็เช่นกัน ที่จริงทั้งฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซียนเองก็สามารถถือโอกาสนี้กลับไปพักผ่อนได้แล้ว แต่พอเผยอี้นักลงทุนใหญ่ของเรื่องมาแบบนี้ จะใครหน้าไหนก็ไม่กล้ากลับทั้งนั้น ทุกคนก็เลยยังอยู่ที่กองถ่ายกันหมด

“ไม่หรอกครับ/ค่ะ”

ทีมงานทั้งหลายต่างพากันส่ายหน้า โม่อานฉีจึงถือโอกาสนี้พูดออกไป “คืนนี้ลำบากทุกคนมากเลย งั้นวันหลังต้องให้เจียงเซ่อเลี้ยงมื้อดึกเสียหน่อยแล้วใช่ไหมล่ะคะ”

ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพากันขอบคุณกันใหญ่ เจียงเซ่อยกยิ้มขึ้น “อานฉีพูดถูก”

“ฉากนี้แสดงได้ดีมากเลยนะ”

โหวซีหลิ่งถือโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังคุยกัน ดูฉากที่เจียงเซ่อแสดงไปเมื่อครู่จนจบไปสองรอบแล้ว ยิ่งดูก็ยิ่งพอใจ จนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมออกมา

ถึงแม้ว่าซีนๆ นี้เจียงเซ่อจะต้องใช้เวลาในการถ่ายทำนานมาก แต่พอจะต้องเอาไปใช้จริง มันก็เหลือแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นแหละ หลังจากที่ต้องเอาไปผ่านการตัดต่อแล้ว ในตัวหนังก็เหลือเพียงไม่กี่วิเท่านั้นเอง

แต่หนังที่โดดเด่นขึ้นอยู่กับความยอดเยี่ยมไม่ใช่ปริมาณ ในฉากนี้ทำให้โหวซีหลิ่งหมดความกังวลต่อสิ่งที่กังวลมากที่สุดไปแล้ว

เขาก็อายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ก็พยายามฝืนไม่หลับตามเวลาที่เคยชิน เพราะเขากลัวว่าตัวละครจากปลายปากกาของเขามันจะไม่มีชีวิตชีวาขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าจะต้องเสียจุดสำคัญอีกจุดของเรื่องนี้ไป ตอนนี้เหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในใจจะได้ปล่อยวางลงบ้างแล้ว

“ผู้กำกับหลิน ในส่วนที่ต้องแสดงของฉันหมดแล้วใช่ไหมคะ?”

“ใช่แล้ว”

หลินซีเหวินพยักหน้า ฉากที่ได้ถ่ายในวันนี้เขาพอใจมากแล้วจริงๆ ตอนที่เขาพูดออกมาใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มอยู่เลยด้วยซ้ำ “หลังจากถ่ายที่นี่เสร็จอีกห้าวัน ก็เตรียมตัวที่จะไปถ่ายที่เมืองเหยียนโจวที่มณฑลฟู เดี๋ยวสถานที่จะให้คนส่งไปที่โม่อานฉีอีกทีนะ”

ถ้าเอาตามแผนการจริงๆ แล้วละก็ เจียงเซ่อจะต้องบินกลับพร้อมๆ ทีมงานกองถ่าย แต่ตอนนี้เผยอี้มาหาเธอถึงที่นี่แล้ว เจียงเซ่อก็เลยอยากจะขอตัวกลับก่อน เพราะยังไงตอนนี้ก็ไม่มีคิวถ่ายของเธอแล้ว หลินซีเหวินเองก็ไม่ว่าอะไรถ้าเธอจะกลับก่อน แต่แค่กำชับว่าถ่ายฉากต่อไปอย่ามากสายก็พอ

เจียงเซ่อเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อของตัวเองพร้อมเสื้อกันหนาว และส่งเสื้อของเผยอี้คืนให้เจ้าของไป เหมือนว่าข้างในเสื้อของเขาก็เปียกๆ แล้วด้วย แต่เขาก็ใส่มันอย่างไม่ใส่ใจนัก และได้ทีมงานในกองถ่ายขับรถมาส่งถึงที่โรงแรมด้วย

ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด ตอนที่เผยอี้มาถึงก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะหาที่พักเอาไว้ก่อนด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นการสื่อว่าเขาจะไม่เปิดห้องอยู่คนเดียวแน่นอน

โม่อานฉีเองกลับมาถึงก็ไม่ได้อยู่ในห้องของเจียงเซ่อนานนัก แค่เข้ามาเอาหยูกยาในกระเป๋าไว้ให้แล้วก็กลับห้องตัวเองทันที

เจียงเซ่ออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมา ก็เพิ่งรู้ว่าโม่อานฉีไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

เผยอี้ถือโอกาสตอนที่เจียงเซ่อกำลังเช็ดผม เข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อยเช่นกัน พอนุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาแล้ว ก็เห็นว่าเธอกำลังนั่งเปิดกระปุกยามาทาแผลอยู่

ตอนนี้เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำเอาไว้ เรียวขาขาวผุดผ่อง ราวกับหิมะอย่างไรอย่างนั้น แต่บนผิวขาวๆ ของเธอก็ยังมีรอยฟกช้ำดำเขียวต่างๆ อยู่ด้วย เหมือนเอวเธอก็ดูเล็กลงด้วย เหมือนว่าถ้าให้ใช้มือโอบก็โอบได้ทั้งหมด

เผยอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเข้าไปที่ด้านหลังเธอ ไม่ให้เธอได้รู้สึกตัวรวบเอวเธอและอุ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนไปวางที่เตียงทันที

“อาอี้......”

เธอตกใจสะดุ้งร้องเสียงหลง พอโดนเผยอี้วางลงเตียงแล้วเขาก็ตามขึ้นมากักตัวเธอไว้บนเตียงทันที ยังไม่ทันจะได้คิดที่จะพลิกตัวหนี เผยอี้ก็กดมือเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เธอหนีไปไหนได้

เขากดเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะเลื่อนมือข้างหนึ่งไปเปิดชุดคลุมอาบน้ำของเธอออก จนได้เห็นว่าขาขาวหยกคู่นั้นของเธอตอนนี้มันมีแต่รอยช้ำเขียวๆ ม่วงๆ เต็มไปหมด และมันก็ดูน่ากลัวมากกว่าในรูปที่ได้เห็นเสียอีก

“ทำอะไรของนาย?”

“ไหนบอกว่าไม่ลำบากอะไรไง?”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าที่กำลังแสดงออกมาแบบนั้น แต่ในใจของเขากลับเจ็บปวด และตอนนี้เขาก็แสดงความอ่อนโยนออกมาไม่ไหวแล้ว

“ที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย” การถ่ายทำในวันนี้เขาเองก็ได้เห็นแล้ว เจียงเซ่อก็เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีก แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ แล้วละก็ ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนี้ ฝีมือการแสดงของเธอก็คงจะไม่มีวันที่จะพัฒนาขึ้นได้อีก

เขาเลื่อนมือไปถกแขนเสื้อเธอขึ้น ไอ้รอยช้ำจากตัวประกอบของสองคนนั้นมันยังอยู่อยู่เลยด้วยซ้ำ ถึงจะผ่านไปแล้วหนึ่งวัน แต่ก็เหมือนว่ามันไม่ได้จางลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งน่าตกใจ

เผยอี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ เขาลุกลงจากเตียง พอเจียงเซ่อกำลังจะลุกขึ้นบ้าง เขาก็หันไปตะคอกใส่

“ห้ามขยับ นอนลงไปเลย”

เพิ่งจะออกมาได้ไม่กี่วัน ก็ทำให้คนของเขามีรอยเขียวๆ ม่วงๆ แบบนี้แล้ว ถึงเธอจะทำท่าทางเหมือนไม่ได้เป็นอะไร แต่มันก็ทำให้คนที่เห็นคนนี้ปวดใจไม่น้อยเลย