webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

181

บทที่ 181 ถ่ายใหม่

เผยอี้มีบางอย่างที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลินซีเหวิน นั่นก็คือเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาในตอนที่หลินซีเหวินพูดว่า ‘คัต’

เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้พูดอะไร เดินหยิบบทขึ้นมาดูอีกครั้ง พออ่านมันวนไปมาหลายรอบแล้ว ก็ได้ยินฝีเท้าของโหวซีหลิ่งที่กำลังเดินฝ่าฝนมาอธิบายเนื้อเรื่องให้เธอได้เข้าใจมากขึ้น พอแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับเข้าไปในรถม้าอีกครั้ง

ฉากของฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซียนสองคนนั้นจะเอาไว้ถ่ายแก้หลังจากนี้ ผู้ควบคุมม้าก็กำลังบังคับให้รถม้าสองคันเข้ามาใกล้กันมากที่สุด

เจียงเซ่อนึกถึงคำพูดของโหวซีหลิ่งที่ว่า เวลาที่ถ่ายหนัง ‘แววตาต้องมีเรื่องราวของหนัง’ ด้วย และเธอก็เตรียมพร้อมมาดีแล้วด้วย

จนกระทั่งเสียงฝีท้าของม้าและเสียงล้อรถดังขึ้น กล้องค่อยๆ ซูมเข้าไป ตอนนี้โต้วโค่วอยู่ในสภาพที่หมดสภาพและน่าสงสารเพราะตั้งแต่ที่โดนจับขึ้นรถม้ามา เธอก็ไม่ได้กินอะไรมาถึงสองวันเต็มๆ อยากจะตายอย่างเดียว ใช้ความเงียบมาต่อต้าน

แต่ถึงเธอจะเป็นแบบนั้นก็ใช่ว่าจะยอมแพ้จริงๆ ก็แค่แสดงท่าทางอ่อนแอ และกำลังรอให้คนพวกนั้นลดการป้องกันลง แล้วค่อยฉวยโอกาสหนีเอาตอนนั้น

แต่การแอบหนีไปของหงโต้วทำให้การตัดสินใจของเธอมันสูญสลายไปในพริบตา เพราะการที่หงโต้วหนีไปได้ ทำให้แม่เล้าสั่งให้คนมาเฝ้าโต้วโค่วไว้ในรถม้า กลัวว่าสาวงามหายากแบบนี้จะต้องหลุดมือไปอีก เลยเฝ้าเธอเอาไว้อย่างเข้มงวด

ตอนนี้นี่เองที่แรงกดดันในใจของเจียงเซ่อมันมีมากขึ้น ตอนที่เจียงเซ่อลืมตาขึ้นมา แววตาของเธอมันดูเลื่อนลอยและดูว่างเปล่า ต่อจากนั้นเหมือนกับว่าได้ยินเสียงรถม้าผ่านมา เธอพยายามที่จะเกาะผนังรถม้าเอาไว้เพื่อที่จะลุกขึ้น พลางตีลงบนแผ่นไม้นั่น และตะโกนออกมา

“ช่วย……ด้วย……”

หลินซีเหวินขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือขึ้น

“คัต”

เผยอี้ไม่ได้พูดอะไร แต่โม่อานฉีที่ยืนอยู่ข้างสังเกตเห็นว่ามือเขาที่วางแบอยู่บนขากำลังบีบขาตัวเองแน่น และริมฝีปากก็ถูกกัดเอาไว้ราวกับว่ากำลังอดทน

“เอาใหม่อีกรอบ”

แต่หลินซีเหวินก็ไม่ได้พูดขึ้นมาว่ามีตรงไหนที่ผิดพลาด แค่บอกว่าให้เจียงเซ่อเริ่มใหม่เท่านั้น

ในกองถ่ายเริ่มมีความจริงจังกันมากขึ้น ซ่งเซียนและฟ่านจืออวิ๋นนั่งอยู่ใต้ร่ม พลางมองไปที่เจียงเซ่อเป็นพักๆ เจียงเซ่อเองก็เริ่มใหม่แล้วเริ่มใหม่อีกกับซีนเดิมๆ เริ่มใหม่จนสิบกว่าครั้งแล้วด้วย

มันเป็นฉากสั้นๆ ที่แสนยุ่งยาก จากที่ยังไม่ถึงสี่ทุ่ม จนตอนนี้ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าแล้ว ซีนๆ นี้ก็ยังไม่ผ่าน

ฝนเองก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมีละอองสาด หลินซีเหวินลูบหน้าตัวเอง แล้วสั่งออกไป

“ไปบอกให้คนไปทำรถม้าให้เป็นรูที”

ทีมงานเองก็รีบไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เผยอี้ยังคงนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน โม่อานฉีส่งน้ำร้อนๆให้เขาเขาก็ไม่เอา สายตาก็จ้องแต่เจียงเซ่อที่อยู่ในกล้องนั่น

เพราะว่าได้ ‘NG’ ต่อกันหลายครั้งหลายครา เจียงเซ่อเองก็เริ่มจะเหนื่อยแล้วจริงๆ แต่หลินซีเหวินก็ยังตะโกนว่าเอาใหม่ๆ ไม่หยุด ส่วนเธอก็เริ่มใหม่ๆ ตลอด แค่ประโยคง่ายๆ สองประโยค แต่กลับต้องพูดจนคอแหบคอแห้งไปหมด

“เอาใหม่”

ทางทีมงานได้ให้ทีมออกแบบฉากมาให้ตัวรถม้าเป็นรูจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน หลินซีเหวินเองก็พยักหน้าพอใจ

เจียงเซ่อสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง คิดอะไรนิดหน่อย แล้วใช้มือขยี้ตาตัวเองแรงๆ มือเธอไม่ได้สะอาดสักเท่าไหร่ พอขยี้ไปแบบนั้น ตาที่โดนสิ่งระคายเคืองเข้าก็เริ่มแดงไปหมด คงเป็นเพราะทรายมันเข้าตาเธอนั่นล่ะ ตอนนี้เธอเริ่มแสบตาไปหมดแล้ว

เธอพยายามอดทนเอาไว้ แล้วปีนขึ้นไปรถม้า

และพอถ่ายใหม่ครั้งนี้ ทั้งเสียงฝีเท้าของม้าและเสียงรถที่กำลังวิ่ง เสียงวุ่นวายที่อยู่ข้างนอกนั่นมันทำให้โต้วโค่วที่สลบไปตื่นขึ้นมา คิ้วสวยขมวดแน่น สีหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เม็ดฝนสาดเข้าช่องเข้าไปภายในตัวรถม้า จนโดนตัวเธอ

บนใบหน้าเธอตอนนี้เริ่มดูไม่ออกแล้วว่าอะไรคือเหงื่ออะไรคือน้ำฝน เส้นผมเปียกชุ่มจนแนบลู่ลงกับหน้า เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาแดงจนเส้นเลือดฝอยขึ้นพอกล้องจับภาพนั่นได้ หลินซีเหวินก็ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ

“ช่วย……ด้วย……”

เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีเคาะลงไปในรถ พยายามจะแกะกลอนประตูออก แต่ทุกการกระทำของเธอ มันช่างอ่อนแรงไร้กำลัง เพราะทุกครั้งที่เริ่มถ่ายใหม่ มันก็กินแรงเจียงเซ่อไปในทุกๆ ครั้ง ตอนนี้ท่าทางของเธอเลยดูเชื่องช้าไปหมด

“Close Up*การถ่ายภาพในมุมใกล้ๆ การถ่ายรายละเอียด”

หลินซีเหวินสั่งออกไป ผู้ช่วยผู้กำกับรับคำก่อนจะค่อยๆ ซูมกล้องไปที่บนใบหน้าของเจียงเซ่อ ตอนนี้ไม่ว่ามุมไหนของเธอก็ดูเหนื่อยล้าและจนตรอกสุดๆ แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไม ว่าตอนนี้เธอกลับมีรอร่าความสวยออกมาจนน่าหลงใหล

นัยน์ตาของเธอที่มีหยาดน้ำใสคลอราวกับเพชรเม็ดงาม ขอบตาแดงก่ำ จนกระทั่งเธอปล่อยความอดทนออกมา น้ำตาสีใสก็ไหลออกมาไม่หยุด เธอมีสภาพที่อ่อนแอและน่าสงสารไม่น้อย ราวกับอยากให้คนได้รู้ว่าถึงเธอจะมีรูปร่างที่งดงามคนคนนี้ก็มีความแข็งแกร่งและหยิ่งในศักดิ์ศรีมากแค่ไหน

“ช่วยข้าด้วย......” เจียงเซ่อกัดฟันแน่น แก้มสองข้างที่ใช้แรงมาอย่างหนักกลับสั่นระริก ไหล่ของเธอสั่นเทิ้ม และเธอยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะหนีออกจากรถม้าคันนี้

ครั้งนี้หลินซีเหวินไม่ได้สั่งให้หยุดอีก นักแสดงประกอบที่อยู่ข้างนอกก็เริ่มพูดบทตัวเองขึ้น

“โวยวายอะไรอีก?”

จนเจียงเซ่อได้ยินว่าเสียงฝีเท้าของม้าข้างนอกค่อยๆ ไกลออกไป และแม้แต่เสียงล้อไม้ที่กระทบกับพื้นดินแฉะฝนก็ค่อยๆ ไกลออกไปแล้วเช่นกัน เธอพยายามรีบเคาะต่อไปไม่หยุด แต่ก็เริ่มเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา เหมือนกับว่างเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดมันได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว และตัวเธอก็เริ่มสั่นเทิ้มไปทั่วร่างกาย

น้ำตาเธอที่เก็บกักน้ำตาเอาไว้มากมายก็ไหลทะลักออกมาเป็นเม็ดใหญ่ไม่ขาดสาย เธอก็ยังเบิกตากว้างเอาไว้ แต่จู่ๆ ก็ยกยิ้มขึ้นมาเบาๆ

ในบทหนังโหวซีหลิ่งได้บรรยายเอาไว้ว่า รอยยิ้มนั้นของเธอมันเหมือนเป็นการประชดประชันต่อน้ำตาของตัวเอง เธอกำลังยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาชีวิต ยิ้มให้กับความอ่อนแอและไร้กำลังของตัวเอง ราวกับว่ากำลังมองเห็นโลกที่มันบิดเบี้ยวนี้ และราวกับว่ากำลังรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองกำลังโดนชะตาชีวิตกลั่นแกล้ง

ตอนนี้นัยน์ตาของเธอมันช่างเศร้าโศกและอับจนหนทาง แต่เธอกลับหัวเราะไปด้วยทั้งๆ ที่น้ำตากำลังไหล เธอหัวเราะเสียงดัง จนกระทั่งสำลักออก ออกมา เธอไอจนน้ำหูน้ำตาไหล ถึงได้ค่อยๆ หัวเราะเบาลง ในสถานการณ์แบบนี้ ในรถม้าที่แสนมืดมิดแบบนี้ ในคืนที่ไม่มีแม้แต่แสงพระจันทร์ มีแค่เพียงม่านฝนที่โปรยปราย เธอต้องอยู่ในสภาพจนตรอก แต่รอยยิ้มของเธอกลับดูสวยงาม เหมือนว่ากำลังหัวเราะเยาะเย้ยให้กับละครฉากใหญ่ฉากนี้จริงๆ

เธอสามารถแสดงความรู้สึกจากปลายปากกาของโหวซีหลิ่งออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง

หลังกล้องถ่ายทำนั่น โหวซีหลิ่งประทับใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้น และเอาแต่พยักหน้าพอใจไม่หยุด

“OK” หลินซีเหวินพอใจกับซีนนี้มากจริงๆ เขาตะโกนขึ้นเสียงดัง โม่อานฉีเองก็ถอนหายใจโล่งอก พอกำลังจะลุกขึ้นไปดูแลเจียงเซ่อ แต่ก็มีใครบางคนเร็วกว่า

เผยอี้ที่นั่งนิ่งๆ อยู่บนเก้าอี้มานานลุกพรวดขึ้นไปทันที เขาก้าวเท้ายาวย้ำดินโคลนเข้าไปที่รถม้า แม้แต่ร่มสักคันก็ไม่กางไป พลางถอดเสื้อนอกของตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว

“เซ่อเซ่อ”

เขาถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาของตัวเองออกมา แล้วชะโงกตัวเข้าไปในรถม้า ข้างในตัวรถม้าเองก็เปียกไม่แพ้กัน เพื่อที่จะต้องถ่ายฉากนี้ของเธอ ตัวเธอจึงเปียกมากว่าสามสี่ชั่วโมงแล้ว

ตกกลางคืนมาอุณหภูมิในอากาศก็ลดต่ำลง ก่อนหน้านี้ในกล้อง เผยอี้เองก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ไอ้ท่าทางเหนื่อยล้าและอ่อนแรงของเธอนั่น ไอ้สี่สิบเปอร์เซ็นนั้นอาจจะแกล้ง แต่อีกหกสิบเปอร์เซ็นนี่ของจริงแน่นอน แต่เธอก็พยายามอดทนเอาไว้ทั้งหมด

ในทุกๆ ครั้งที่หลินซีเหวินไม่พอใจต่อการแสดงของเธอ เผยอี้เองก็สังเกตเห็นได้ว่ามือของเธอที่ต้องทุบตีแผ่นไม้มันแดงขึ้นเรื่อยๆ และเสียงเธอมันก็แหบขึ้นทุกทีๆ

เสื้อกันหนาวของเขาห่อตัวเจียงเซ่อเอาไว้ทั้งตัว และอุ้มเธอลงมาจากรถม้าทันที

จากคนเอาแต่นั่งนิ่งๆ ไม่หือไม่อือคนนั้น กลายเป็นคนที่แสนอบอุ่นเหลือเกิน เขายกมือขึ้นช่วยเธอเช็ดใบหน้าของเธอที่มันเปียกฝน ค่อยๆ ลูบลงไปบนแก้มทั้งสองข้างนั่น ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นเสียจริงๆ