webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

180

บทที่ 180 ตื่นรู้

“ซีนสุดท้ายของวันนี้แล้วนะ” เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจมากจริงๆ ที่จู่ๆ เผยอี้ก็บินตามเธอมาแบบนี้ ตอนนี้ใกล้จะถึงเทศกาลชุนเจี๋ยแล้ว ที่บ้านตระกูลเผยน่าจะมีงานกิจกรรมเยอะมากแน่ๆ ส่วนเรื่องกองถ่ายเองก็อาจจะต้องอยู่ต่อเพื่อถ่ายฉากภูเขาอีก แล้วสถานที่ตรงนี้ก็ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่ายๆ เสียหน่อย แต่เขาก็ยังมาถึงที่นี่ได้

เขายืนอยู่ด้านหลังเจียงเซ่อ เพราะหวังว่าตัวเองจะกันความหนาวให้เธอได้บ้าง ช่างแต่งหน้าชะงักไปเล็กน้อย แล้วถามขึ้นเบาๆ

“เซ่อเซ่อ หรือว่าเอาไว้ค่อยแต่งต่อดี”

เจียงเซ่อดูเวลา ซีนต่อไปหลินซีเหวินจะเริ่มถ่ายก่อนสองทุ่ม ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย เธอจึงพยักหน้า

ทุกคนต่างพากันหาข้ออ้างพาตัวเองออกจากตรงนั้นทันที เผยอี้ลากเก้าอี้มานั่งลง และอยากจะดึงมือเธอมากุมเอาไว้

“มันสกปรกอยู่นะ”

เธอชักมือเก็บ เพื่อความจนตรอกและความหมดสภาพที่สมจริงของ ‘โต้วโค่ว’ นอกจากจะต้องแต่งตัวให้มีสภาพเหมือนเมื่อวานแล้ว แม้มือรวมไปถึงเนื้อตัวก็ต้องมีดินโคลนเปื้อนด้วย เปื้อนแบบสกปรกเลย

แต่เผยอี้ก็ยังลากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้เธออีก ยังไม่ทันได้พูดอะไร ข้างนอกนั้นก็เหมือนจะมีเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางนี้ เป็นพวกหลินซีเหวินนั่นเอง

ตั้งแต่เมื่อคืนนี้หลินซีเหวินก็ได้รับสายจากนักลงทุนแล้ว เขาถามถึงที่อยู่ของสถานที่ถ่ายทำ ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็คิดว่าทางนักลงทุนอาจจะส่งคนมาตรวจสอบก็ได้ นี่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป ยังไงก็เป็นคนลงทุนรายใหญ่ที่สุดแบบนี้ ถึงแต่ก่อนจะไม่เคยได้ร่วมงานกัน แต่การมาสังเกตการที่กองถ่ายก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

แต่พอวันนี้ได้ยินมาว่า นักลงทุนคนนั้นมาถึงแล้ว แต่กลับมุ่งไปยังซุ้มที่ทีมงานตั้งเอาไว้เป็นที่แต่งหน้าแต่งตัวของนักแสดง

ตอนที่หลินซีเหวินเข้ามา ก็พอดีกับตอนที่เผยอี้นั่งอยู่ตรงหน้าเจียงเซ่อพอดี พอเห็นแบบนั้นแล้วก็ชะงักไป

เผยอี้หันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขารู้สึกโมโหที่หลินซีเหวิน และคนของเขามาขัดจังหวะเขากับเจียงเซ่อแบบนี้ หลินซีเหวินรู้ว่าเจียงเซ่อมีแฟนแล้ว เพราะในวงการก็พูดต่อๆ กันมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในงานเปิดกล้องหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอยอมรับด้วยตัวเองเลย

แต่ว่าแฟนหนุ่มของเธอที่บุกมาถึงที่นี่ ทำไมผู้ช่วยของเขากลับบอกว่าคนๆ นี้เป็นนักลงทุนรายใหญ่คนนั้นกันล่ะ?

เขารีบเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วนึกถึงข่าวลือที่พูดต่อๆ กันมา จากนั้นก็เริ่มเข้าใจแล้ว

เจียงเซ่อเองก็เคยยืนยันว่าแฟนหนุ่มของเธอเป็นพวกคนมีเงินและอำนาจ และนั่นมันก็ตรงกับข่าวลือที่ว่าเธอมีกลุ่มทายาทคอยหนุนหลังอยู่ เพราะงั้นเขาถึงได้ให้ทุนง่ายนัก ตอนนั้นหลินซีเหวินคิดแค่ว่าเป็นความโชคดี แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย พอตอนนี้ลองได้มาคิดดูดีๆ แล้ว ถึงได้รู้ว่าคนที่ออกเงินให้ก็คือคนของเจียงเซ่อนี่เอง

การที่จู่ๆ เผยอี้ก็มาเซ็นสัญญาลงทุนแบบนี้ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นคนมาเซ็นเอกสารด้วยตัวเอง แต่กลับเป็นทนายคนหนึ่งมาเซ็นสัญญากับบริษัทซ่างเจีย เขาเคยโทรคุยกับหลินซีเหวินไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลินซีเหวินยังไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่เซ็นเสร็จแล้ว กลับไม่มีคำสั่งหรือคำแนะนำให้เจียงเซ่อได้เล่นเป็นนางเอกแทนที่จะเป็นแค่ตัวประกอบแบบนั้นเลย หลินซีเหวินถึงได้ไม่ได้คิดไปในทางนั้นแม้แต่น้อย

“ผู้กำกับหลินคะ เดี๋ยวฉันก็จะแต่งตัวเสร็จแล้วล่ะค่ะ”

พอเจียงเซ่อเห็นว่าหลินซีเหวินมา เธอก็นึกว่าเขาจะมาเร่งเธอเสียอีก พอพูดจบ เธอก็หันไปมองเผยอี้แวบหนึ่ง

“คนนี้คือแฟนของฉันเองคะ ส่วนนี่คือผู้กำกับหลินซีเหวิน เจ้าของบริษัทซ่างเจีย”

เธอพูดแนะนำอย่างง่ายๆ โม่อานฉีและคนอื่นๆ เองก็เดินเข้ามาเช่นกัน คนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอเผยอี้ก็เคยเห็นมาแล้ว คนในกองถ่ายพากันแนะนำตัวอยู่ครู่หนึ่ง เผยอี้เองก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะรู้จักไปเสียทุกคน เขาก็แค่พยักหน้ารับไปงั้นๆ

หลินซีเหวินเองก็ดูออกว่าเผยอี้ดูไม่ค่อยสนใจคนพวกนี้เท่าไหร่ จึงรีบเอ่ยขึ้น

“หรือยังไง ซีนที่ต้องถ่ายในคืนนี้จะเลื่อนไปก่อนดีไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ”

ซีนของเจียงเซ่อเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้ว ถือว่าเป็นฉากสุดท้ายที่จะต้องถ่ายในมณฑลซีหนานด้วย ถ้าเธอถ่ายเสร็จไวก็จะได้กลับกับเผยอี้เลยทีเดียว

เขาอุตส่าห์บินมาหาขนาดนี้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้แล้ว อีกไม่นานตระกูลเผยต้องโทรศัพท์ตามเขากลับบ้านแน่ๆ

แต่ยังไงเขาก็มาถึงนี่แล้ว และดูท่าคงไล่ยังไงก็ไม่กลับ สู้ให้เธอถ่ายต่อให้เสร็จเรียบร้อยแล้วกลับพร้อมเขาเลยดีกว่า

แน่นอนว่าเผยอี้ไม่สามารถปฏิเสธหรือไม่เห็นด้วยกับเจียงเซ่อได้หรอก เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเธอ เขาเลยออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับโม่อานฉี ช่างแต่งหน้ากลับเข้ามาแต่งหน้าให้เธออีกครั้ง เงื่อนไขของหลินซีเหวินค่อนข้างยากพอสมควร รอยโคลนที่เคยเปื้อนบนหน้าเธอเมื่อวานคงจะทำให้เปื้อนเหมือนเดิมไม่ได้ จึงต้องใช้การแต่งหน้าตามรูปเอา

มาถึงประมาณสองทุ่ม ทุกคนก็ประจำที่กันหมดแล้ว เจียงเซ่อเองก็ปีนขึ้นรถม้าไป

หลินซีเหวินยังนั่งรอตั้งแต่ตอนที่ฝนมันตกปรอยๆ จนหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วถึงได้เริ่มถ่าย คนในรถม้านั่งเบียดอัดกันเป็นวงกลม ‘โต้วโค่ว’ นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง และในซีนนี้เป็นซีนที่ ‘โต้วโค่ว’ ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมาถึงสองวันแล้ว

จบจากฉากตรงภูเขา ทุกคนก็รีบเก็บอุปกรณ์แล้วเดินทางไปที่ถนนหมินกั๋ว โม่อานฉีเอาเสื้อกันหนาวตัวหนามาห่อตัวเจียงเซ่อเอาไว้ให้อย่างมิดชิด ฉากตรงนี้ถูกเซทเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พอลงมาจากรถ เจียงเซ่อก็ถอดเสื้อกันหนาวออกและเริ่มเติมหน้าใหม่ จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง

เผยนั่งอยู่ด้านหลังกล้องมอนิเตอร์ รอบตัวเขามีคนยืนกางร่มให้ เหมือนกลัวว่าเขาจะเปียกแม้เพียงนิด

สายตาของเขาจ้องมองไปยังเจียงเซ่อที่อยู่จอมอนิเตอร์ เธอกำลังหลับตาแน่น ลมหายใจดูจะติดขัดไปหมด ถึงแม้ว่าไอ้ท่าทางไม่สบายนั่นจะเป็นแค่การแสดงของเธอ แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกจริงจังขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“เธอไม่สบายรึเปล่า?” เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไป โม่อานฉียิ้มแห้ง

“พี่เผย มันเป็นแค่การแสดงน่ะค่ะ”

เขาชะโงกตัวเข้าไปอีกนิด คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นโบว์ ในตัวรถม้าภายในกล้องนั่น เจียงเซ่อเหมือนหายใจไม่คล่อง ตาก็เหมือนจะเปิดแค่ครึ่งเดียว ฟ่านจืออวิ๋นที่เป็นนางเอกก็คุกเข่าอยู่ข้างๆ และคอยเช็ดเหงื่อให้เธอไปด้วย

“นางไม่ได้กินไม่ดื่มอะไรมาสองวันแล้ว”

“Ok!”

ซีนนี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่เจียงเซ่อจะต้องแสดงก็คือ ‘โต้วโค่ว’ ที่กำลังอ่อนแอ แต่ส่วนใหญ่แล้วกล้องจะจับไปที่ฟ่านจืออวิ๋นเสียมากกว่า

เพราะเมื่อคืนเจียงเซ่อเกิดเป็นหวัดขึ้นมา และเหมือนว่าไข้ที่มันยังไม่ทันหายก็กลับหนักกว่าเดิม ฟ่านจืออวิ๋นเองก็แสดงได้ไม่เลวเลย แทบจะไม่ต้องถ่ายใหม่เลยด้วยซ้ำ

เมื่อตอนบ่ายฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซียนได้ถ่ายฉากหลบหนีและฉากช่วยเหลือไปแล้ว ซีนที่ต้องถ่ายในตอนนี้ก็คือซีนที่รถม้าของเซียวจือวิ่งผ่านรถม้าที่โต้วโค้วนั่งอยู่ไปอย่างไม่ใยดี

หงโต้วหลบตัวอยู่ในรถม้าของเซียวจือ และสวนผ่านรถม้าที่กำลังจะลักพาหญิงสาวไปขาย ในชั่วนาทีนั้น หล่อนตื่นตระหนกและกัดริมฝีปากตัวเองแน่น

ตัวเธอในกล้องกำลังค่อยๆ สั่น ราวกับว่ากำลังกลัวรถม้าอีกคันเป็นอย่างมาก เซียวจือที่เห็นอย่างนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็หันไปปลอบหล่อน

หล่อนบอกกับเซียวจือว่าครอบครัวของหล่อนได้เจอกับศัตรูเข้า เมื่อเซียวจือตอบตกลงว่าจะหาคนไปช่วยหญิงสาวที่ยังอยู่บนรถม้านั้นหล่อนจึงยอมสงบลง นี่ก็คือเป้าหมายและวิธีช่วยเหลือที่ดีที่สุดของ ‘หงโต้ว’ ในตอนนั้นแล้ว หล่อนพยายามจะเก็บกั้นความรู้สึกในใจของตัวเอง แล้วปิดตาลง มือทั้งสองข้างพนมเข้าหากันเพื่ออธิษฐานขอพร

แต่ภายในรถม้าอีกคันหนึ่ง โต้วโค่วเหมือนกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เหมือนได้ตาสว่างขึ้นมาจากความฝัน และเอื้อมมือออกไปตามสัญชาตญาณ

เสียงฝีเท้าม้าดังเบาลงเรื่อยๆ เมื่อมันผ่านไป เสียงล้อที่บดกับพื้นดังก้องอยู่ในหัว เธอดิ้นรนอยากจะลุกขึ้นยืน แต่เพราะอดน้ำมาหลายวัน ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัว แต่เธอก็ยังที่จะเกาะประตูรถม้าเอาไว้แน่น แล้วพยายามตะโกนออกไป “ช่วย……ด้วย……”

ตอนเจียงเซ่อคือ ‘โต้วโค่ว’ ที่กำลังพยายามร้องเรียกให้คนช่วยพาหนีจากการโดนจับตัว ดวงตาเธอก็เอ่อไปด้วยน้ำตา นอกจากแววตาที่ทอแสงแห่งความหวังออกมาแล้ว มือของเธอก็ยังจับยึดประตูของรถม้าไว้อีกด้วย

กล้องจับไปที่ใบหน้าของเธอ ริมฝีกปากเธอแห้งผาก แต่เธอกลับกำลังพยายามดึงประตูไม้นั่นอย่างสุดชีวิต ท่าทางก็ดูร้อนรนไม่น้อย

“ ช่วยด้วย……”

พอหลินซีเหวินมองไปที่เจียงเซ่อที่อยู่ในกล้อง ก็รีบตะโกนออกมาว่า “คัต” ทันที

เจียงเซ่อลุกขึ้นนั่งตัวตรง หลินซีเหวินพูดใส่โทรโข่ง และตะโกนออกไปด้วย “เซ่อเซ่อ ตอนนี้ฉันว่าตาเธอที่ยังขาดๆ อยู่นะ”

ทั้งๆ ที่เธอก็ทำได้ดีแล้ว ถึงจะป่วยอยู่แต่เธอก็ไม่เกี่ยงที่จะถ่ายอีกครั้ง แต่มันก็ยังไม่พอ ในตาของเธอมันไม่มีน้ำตาเลย นี่มันยังไม่เพียงพอต่อความผิดหวังของ ‘โต้วโค่ว’