webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

179

บทที่ 179 ดูการทำงาน

“ถ่ายหนังวันนี้ไม่มีอะไรลำบากใช่ไหม?”

จู่ๆ เผยอี้ก็รู้สึกจิตตกขึ้นมานิดหน่อย เขาพูดกับเธอไปพลาง และเปิดดูแอคเค้าท์โซเชียลของเธอไปพลาง และเปิดรูปเธอดูไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

พวกเนี่ยต้านยังเอาแต่ส่งเสียงเรียกเขา และเพราะกลัวว่าเจียงเซ่อจะได้ยินเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญของพวกนั้น เลยหันไปส่งสายตาเตือนให้เงียบ และพอพี่ๆ น้องๆ ทั้งหลายเบาลงแล้ว ถึงได้ถือมือถือเดินมานั่งอีกมุมหนึ่ง

พวกเนี่ยต้านที่กำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ พอเห็นเขาเป็นแบบนั้นก็พากันส่ายหัวกันใหญ่

“ไม่มี”

เจียงเซ่อมีสีหน้าลนลานนิดหน่อย โม่อานฉีที่เช็ดผมเธอจนหมาดแล้วก็โยนผ้าขนหนูลงทันที แล้วนั่งยองลงตรงหน้าเธอ เพื่อดูรอยฟกช้ำดำเขียวบนขาขาวนั้น ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้ และหยิบยามาทาให้เธอ

“จริงรึเปล่า?”

เผยอี้ถามเธออีกที แต่มือของโม่อานฉีที่กำลังทายาบนรอยช้ำของเธอมันทำให้เกิดเจ็บขึ้นมา เจียงเซ่อกลั้นเสียงเจ็บเอาไว้ แล้วตอบออกไป

“แน่นอนสิ มีอะไรให้ต้องลำบากกัน? ฉันเป็นแค่ตัวประกอบเองนะ ฉากที่ถ่ายวันนี้ก็นั่งอยู่แต่ในรถม้า ตัวสำคัญที่ต้องถ่ายคือฟ่านจืออวิ๋นต่างหาก” เธอไม่อยากให้เผยอี้ต้องมาเป็นห่วง พอเผยอี้ได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็บ่นออกมา “ถ้าหนังเข้าฉายแล้ว ฉันก็คงจะดูแต่เธอนั้นแหละ ไม่มองคนอื่นหรอก”

เจียงเซ่อหัวเราะออกมาเพราะเผยอี้กำลังพูดอะไรที่ดูเป็นเด็กน้อย โม่อานฉีทำท่าบอกให้เธอยกแขนขึ้น ปลายแขนเสื้อถูกโม่อานฉีถกขึ้นไป จนโม่อานได้เห็นรอยช้ำรอบจ้ำต่างๆ ที่มันเขียวช้ำดำม่วงไปหมด

“สองคนนั้นจะเกินไปหน่อยแล้วมั้ง ทำอย่างกับว่าเธอเป็นนักโทษจริงๆ อย่างนั้นแหละ”

เพราะผิวของเธอขาวมาก อีกทั้งยังเกลี้ยงเกลาและเนียนใส พอเกิดรอยช้ำพวกนี้ขึ้นถึงได้เห็นได้ชัดแบบนี้ โม่อานฉีรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“รู้งี้บอกให้ผู้กำกับหลินเปลี่ยนนักแสดงสองคนนั่นก็ดีหรอก”

วันนี้ในสถานที่ถ่ายทำ ตอนนั้นหลินซีเหวินเองก็พอใจมาก แต่ใครจะไปรู้ว่าสองคนนั้นจะจับเธอแรงขนาดนี้ นี่ไม่รู้ว่าบนตัวเธอยังมีส่วนไหนที่เป็นรอยช้ำอีกหรือเปล่าด้วย เจียงเซ่อยังคงพูดคุยอยากับเผยอี้ เขาเองก็อยากจะคุยกับเธอนานกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนเวลานอนของเธอ

ฉากของเธอใน ‘The Occasion of Beiping’ ยังเหลืออีกนิดหน่อยที่ต้องออกไปถ่ายในวันพรุ่งนี้ วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว น้ำเสียงก็ฟังดูเหนื่อยล้า เธอหาวออกมา และเผยอี้ก็ได้ยินมัน

“เหนื่อยแล้วเหรอครับ?”

“นิดหน่อย” เจียงเซ่อสูดจมูก คงเป็นเพราะเมื่อกี้กินยาแก้หวัดเข้าไป ตอนนี้หนังตาก็เลยหนักจนจะปิดอยู่รอมร่อ แทบจะเปิดไม่ขึ้นอยู่แล้ว

เผยอี้จึงทำได้แค่บอกลา “งั้นก็นอนเร็วหน่อยนะครับ ฝันดีนะ พรุ่งนี้ตอนเช้าโทรหาผมด้วยล่ะ”

“โอเค”

เธอพยักหน้าแล้วกดวางสายไป โม่อานฉีเองก็ได้ทายาบริเวณรอยช้ำเท่าที่มองเห็นเสร็จหมดแล้ว เจียงเซ่อเป่าผมตัวเองให้แห้ง จากนั้นก็ล้างหน้าอีกครั้ง ทาครีมบำรุงผิวจนครบแล้วถึงได้เข้านอน

ในฝั่งของตี้ตู เผยอี้เองก็เอาแต่เหม่อจ้องมือถือ พวกเนี่ยต้านเองก็เริ่มเรียกเขาอีกครั้ง

“พี่อี้ ทำอะไรอยู่เนี่ย ออกมาสองชั่วโมงแล้วนะ เอาแต่จ้องมือถืออยู่นั่นแหละ”

ทั้งที่เขาก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วแต่ก็ยังเอาแต่เขี่ยมือถือไปมา สติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนว่าตั้งแต่ที่เจียงเซ่อไป วิญญาณของเขาก็บินตามไปด้วยแล้ว

เผยอี้กลับไปนั่งที่เดิม จากนั้นมือถือของเขาก็มีเสียงแจ้งเตือนขึ้นมา เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู มันเป็นข่าวใหม่ของเจียงเซ่อนั่นเอง และเหมือนว่าแอคเคาท์นี้จะมีโม่อานฉีผู้ช่วยของเธอเป็นคนดูแล เผยอี้เองก็รู้

โม่อานฉีลงแค่รูปสองสามรูปเท่านั้น เป็นรูปที่เธอนั่งอยู่บนโซฟา สวมชุดคลุมอาบน้ำและกำลังคุยโทรศัพท์ บนใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ อยู่ด้วย

และเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครนั้น ในใจของเผยอี้รู้ดี แต่แค่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เวลาที่เจียงเซ่อคุยโทรศัพท์กับเขาจะยิ้มออกมาได้น่ามองขนาดนี้ ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ จิ้มลงไปบนหน้าจอมือถือตรงที่เป็นหน้าของเธอ จากนั้นก็เลื่อนไปอีกรูป คราวนี้เขาเห็นว่ามันเป็นรูปแขนของเจียงเซ่อที่โม่อานฉีถ่ายมา แถมบนแขนนั่นก็มีรอยช้ำอยู่หลายรอยเลย เห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกตกใจไม่น้อย

เขาบุกขึ้นยืนทันที เมื่อนาทีก่อนเขายังรู้สึกหวานแหววในใจอยู่เลย แต่นาทีต่อมากลับต้องรู้สึกเจ็บปวดเสียอย่างนั้น

มือของเจียงเซ่อก็เหมือนจะมีรอยแผลอยู่ด้วย ขาก็ช้ำเป็นจ้ำๆ เต็มไปหมด โม่อานฉีลงแคปชั่นเอาไว้ว่า ผลของการถ่ายหนังวันแรก!

เผยอี้ชะงักนิ่งไป แล้วนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เพิ่งได้คุยกับเธอ ทั้งที่เธอก็พูดยืนยันว่าตัวเองนั่งอยู่แต่ในรถม้าและไม่ได้ลำบากอะไรเลยแท้ๆ

ชั่วนาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนหัวใจมันหนักอึ้งและเจ็บแปลบไปหมด ตอนที่เธอคุยกับเขา เธอก็พยายามจะปิดบังตลอด ทั้งๆ ที่มีแผลเยอะแบบนี้ แต่ก่อนเธอเคยต้องเจ็บตัวขนาดนี้ด้วยที่ไหนกัน?

ถึงเมื่อคืนจะกินยาไปแล้ว แต่พอเจียงเซ่อตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา เธอก็ยังรู้กลึกครั่นเนื้อครั่นตัวและเจ็บไปหมดอยู่ดี

โชคดีที่หลินซีเหวินติดต่อมาแต่เช้าว่า ช่วงการถ่ายกลางวันจะต้องไปถ่ายที่ถนนหมินกั๋วในตัวมณฑลซีหนาน และคนที่ต้องเข้าฉากมีแค่ฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซียนเท่านั้น

ในฉากๆ นี้ โต้วโค่วโดนคนเหล่านั้นจับขึ้นรถมาและพาส่งไปที่หอนางโลม แต่เพราะว่าเธอดื้อไม่เชื่อฟัง อีกทั้งยังเอาแต่ต่อต้านคิดจะหนี จึงโดนอดข้าวอดน้ำจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด

ส่วนเพื่อนที่อยู่ในรถม้าอย่างหงโต้วหญิงสาวที่แสนอบอุ่นนั้น เป็นเพราะโต้วโค่วมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามสะสวย คนในหอนางโลมจึงกังวลว่าเธอจะตายเสียก่อน หงโต้วเองก็คอยดูแลเธอเป็นอย่างดี คนในหอนางโลมจึงพยายามไม่ทำอะไรเธออีก

ฉากที่ฟ่านจืออวิ๋นจะต้องถ่ายในวันนี้คือฉากที่แม่เล้ายอมให้หล่อนออกไปซื้อยามาให้โต้วโค่วนั่นเอง

ในหอนางโลมจะเข้มงวดกับหญิงสาวที่เอาแต่ต่อต้านและไม่เชื่อฟัง แน่นอนว่าไม่มีทางยอมให้ออกไปข้างนอกได้ง่ายๆ หงโต้วเองก็ขอร้องอยู่นาน แม่เล้าคิดว่าโต้วโค่วมีหน้าตาสวยหายากขนาดนั้น จึงยอมให้หล่อนออกไป แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะให้คนของหอนางโลมตามเธอไปด้วย

พอหงโต้วได้ออกมาจากหอนางโลมแล้ว หล่อนก็คิดจะหาทางหนีทันที และบังเอิญได้ไปเจอกับเซียวจือเข้า จึงขอร้องให้เซียวจือช่วยหล่อนหนี และหล่อนก็สามารถหนีจากคนของหอนางโลมได้สำเร็จ

ช่วงกลางวันฉากที่ต้องถ่ายก็คือฉากเหล่านั้นนั่นเอง เจียงเซ่อเองก็ยังมีอีกฉากที่ต้องถ่าย แต่คิวของเธอคือคืนนี้ ฉากของเธอที่ต้องถ่ายในวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ถ้าถ่ายฉากนี้เสร็จก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว

โม่อานฉีแตะๆ หน้าผากของเธออย่างเป็นห่วง “เหมือนว่าจะมีไข้อ่อนๆ นะ”

เจียงเซ่อครางรับในลำคอ เวลากลืนน้ำลายก็รู้สึกเจ็บคอด้วย แต่ว่าซีนที่เธอจะต้องถ่ายก็มีแค่นิดเดียว เธอยังพอกัดฟันทนได้อยู่

คิวถ่ายของเธอคือตอนเย็น ประมานหกโมงกว่าๆ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว เธอเปลี่ยนไปสวมชุดแสดงหนัง ในฉากๆ นี้ช่างแต่งหน้าต้องแต่งอ่อนๆ ให้เธอด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เห็นหน้าป่วยๆ ของเธอ แต่จู่ๆ โม่อานฉีที่ยืนอยู่ข้างนอกก็ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจไม่น้อย

“พี่เผย”

จากนั้นผ้าม่านก็ถูกเปิดออกทันที ลมหนาวพัดผ่านเข้าไปจนเจียงเซ่อต้องยกแขนกอดตัวเองเอาไว้ พอหันไปก็พบเผยอี้ยืนตัวสูงอยู่ตรงทางเข้า

“นายมาได้ยังไงเนี่ย?”

เจียงเซ่อแปลกใจมากจริงๆ เผยอี้ปล่อยม่านกันลมลงแล้วจ้องไปที่เธอ เธอสวมชุดที่เปื้อนโคลนตัวเมื่อวานนั่นเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าและผมที่ยาวสวยของเธอก็ดูแห้งเหี่ยวและหมดสภาพ เทียบกับรอบๆข้างอย่างช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์ที่สวมชุดกันหนาวหนาๆ แล้ว เสื้อที่เธอใส่อยู่ก็บางมากๆ แถมดูหมดสภาพสุดๆ

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ยิ่งเธอดูหมดสภาพเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เจียงเซ่อรู้สึกว่าการแต่งตัวของตัวเองในตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เผยอี้ที่เห็นเธอแบบนั้นกลับกัดริมฝีปากตัวเองแน่น

ผู้ช่วยของหลินซีเหวินที่ได้ยินว่าเขามาที่นี่ก็รีบวิ่งไปบอกกับหลินซีเหวินทันที

เขาเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดของหนังในตอนนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าเขามาสำรวจและดูการถ่ายทำ แต่ที่ไหนได้ เขามาถึงก็ถามหาเจียงเซ่อทันที

“ผมมาดูพี่นั่นแหละ”

เผยอี้รู้สึกคอตัวเองมันแข็งไปหมด เขารีบหันหน้าไปทางอื่น สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันกลับไปหาเจียงเซ่อพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

“ยังมีอีกกี่ซีนถึงจะถ่ายเสร็จเหรอ?