webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

178

บทที่ 178 เป็นกังวล

และครั้งนี้นักแสดงตัวประกอบคนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองกะแรงมากไปแล้ว พอหล่อนดึงเสร็จก็รู้สึกแย่ไม่น้อย เพราะกลัวว่าเจียงเซ่อจะหันกลับมาด่าด้วย

แต่หล่อนยังไม่ทันจะได้ปล่อยมือด้วยซ้ำ เจียงเซ่อก็ถอยหลังมาตามแรงกระชากทันที

สีหน้าของเธอในตอนนี้ซีดเผือดและเหยเกด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เหมือนจะพยายามอดกลั้นไว้จนแก้มสองข้างขึ้นสีไปหมด เธอล้มนั่งลงกับพื้น แต่ก็ยังจะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นเพื่อหนีต่อ

ตอนนี้ภาพที่เธอแสดงออกมามันดีกว่าที่หลินซีเหวินคิดเอาไว้เสียอีก ตอนนี้เธอในหน้าจอมอนิเตอร์ตัวสั่นแขนสั่นไปหมด พื้นที่มีดินโคลนเตรียมเอาไว้เปียกน้ำ จนมันเลอะเธอไปทั้งตัว แน่นอนว่าชุดแสดงของเธอก็มีแต่ดินโคลนด้วย

“ไม่ไปงั้นหรือ? ไปสิ จะได้ไปเจอวันดีๆ ไงล่ะ! ขึ้นรถซะ”เจียงเซ่อยังไม่หยุดตะโกนร้อง ตัวประกอบทั้งสองคนเห็นแบบนั้นก็สบายใจขึ้น และพยายามดึงเจียงเซ่อให้ลุกขึ้น ฉากๆ นี้หลินซีเหวินพอใจมากจริงๆ แล้วถึงได้บอกให้หยุด

โม่อานฉีรีบปรี่เข้าไปพยุงเจียงเซ่อขึ้นมา พลางส่งของอุ่นๆ ให้เธอดื่ม

มือของเจียงเซ่อยังเปื้อนดินโคลนอยู่ไม่น้อย เลยปฏิเสธที่จะรับผ้าเปียกจากโม่อานฉีที่กำลังจะเช็ดให้เธอ

“เดี๋ยวฉันต้องถ่ายต่ออีกค่ะ”

หลินซีเหวินยังนั่งดูฉากที่ถ่ายไปก่อนหน้านี้ เจียงเซ่อดื่มน้ำไปสองอึก จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ เข้าไปดูว่าตัวเองแสดงเป็นอย่างไร

เอาจริงๆ ฉากนี้เธอแอบซ้อมที่บ้านอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเธอก็ซ้อมเองคนเดียวตลอด พอมาถ่ายจริงๆ แล้ว ก็อยากจะรู้ว่าตัวเองยังขาดตรงไหน ตรงไหนที่ยังไม่ดีก็จะแก้ไขให้ดีขึ้น

ตอนที่ได้ถ่ายทำจริงก็มีคนแสดงด้วย ดังนั้นมันเลยออกมาได้ดีกว่าที่คิด

และอาจจะเป็นเพราะอากาศที่มันเย็น และบวกกับเสื้อผ้าที่มันบาง อีกทั้งยังเปื้อนดินเปื้อนโคลน ตัวเธอก็เลยสั่นไม่หยุด สีหน้าก็ซีดขาว อาจเป็นเพราะแปลกที่แปลกทางด้วย มันเลยกระทบต่อร่างกายไม่น้อย

และนักแสดงประกอบสองคนก่อนนี้ เพราะว่าได้คำพูดของเจียงเซ่อ ทำให้ตอนนี้พวกเธอยอมทำทุกอย่างแล้ว แต่ว่าการแสดงของเธอมันดีมาก และการแสดงที่ถ่ายทอดเข้ามาในกล้องก็สามารถดึงดูดให้หลินซีเหวินและทุกๆ คนต้องจ้องดู

“เซ่อเซ่อ ไม่คิดเลยนะว่าแค่ในระยะเวลาสั้นๆ ฝีมือการแสดงของเธอจะสามารถก้าวหน้าได้ถึงขนาดนี้”

หลินซีเหวินเองก็ดูไปรอบหนึ่งแล้ว และรู้สึกว่าพอใจพอสมควร ดูในกล้องแล้ว เจียงเซ่อมีท่าทีลังและและหวาดกลัว และก็ยังมีความกล้าที่แสดงออกมา ซึ่งมันเป็นคาแรคเตอร์ของ ‘โต้วโค่ว’ นั่นเอง “ต้องขอบคุณอาจารย์ฉาง ที่คอยชี้แนะให้อยู่เสมอ”

ตอนนี้มีเวลาพักอยู่นิดหน่อย จากนั้นจะมีการถ่ายทำอีกฉากไม่ว่า ‘โต้วโค่ว’ จะดิ้นรนสักแค่ไหน แต่ยังไงก็ต้องโดนลากขึ้นไปบนรถม้าอยู่ดี

และในรถม้ามีหญิงสาวหลายคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว และนางเอกอย่างฟ่านจืออวิ๋นเองก็อยู่ในนั้นด้วย เทียบกับคนที่นั่งอยู่ในรถม้าที่มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เธอก็ยังยืนหยัดว่าจะหนี

ตอนนี้กองถ่ายมีทุนงบประมาณเพียงพอแล้ว และเพราะก่อนหน้านี้หลินซีเหวินได้ไปยืมม้ามาหนึ่งตัว ข้างนอกนั่นก็เลยมีผู้เชี่ยวชาญการควบคุมม้าอยู่ด้วย ส่วนเส้นทางที่จะต้องให้ม้าเดินก็ได้กำหนดเรียบร้อยพร้อมๆ กับทางเดินกล้อง

กล้องถ่ายจับภาพไปที่ในรถม้า มือของ ‘หงโต้ว’ กำหมัดแน่นทั้งข้าง ริมฝีปากขบกันแน่นและเอาแต่มองไปที่นอกรถม้า หล่อนเองก็ลนลานและสั่นไปทั้งตัวเช่น

ในตอนที่ ‘โต้วโค่ว’ โดนคนผลักขึ้นรถไปแล้ว รถม้าก็สั่นไหวไปเล็กน้อย และ ‘หงโต้ว’ เองก็ล้มไปกับพื้นรถม้าเช่นกัน แต่ก็ยังกัดฟันลุกขึ้นมานั่งเช่นเดิม

การแสดงของทั้งสองคนในตอนนี้ถือว่าไม่เลวเลย เพราะถ่ายแค่สามครั้งก็ผ่านแล้ว

‘โต้วโค่ว’ พลิกตัวขึ้นมา ตอนนี้เธอรู้สึกสับสน ทรมานและจนตรอก เนื้อตัวเธอมีแต่ดินโคลน ทั้งมือ ทั้งบนใบหน้าก็เลอะไปหมด ผมก็คล้อยตกลงเพราะเปียกฝน เธอเอื้อมมือไปคว้าคนข้างๆ เอาไว้

“พวกมันคือใครกัน? แล้วจะพาพวกเราไปไหน?” เธอพูดเร็วและสั่นเครือ ฟังดูก็รู้ว่าตอนนี้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ปลายจมูกแดง ริมฝีปากกัดแน่น และสีหน้าก็ดูรั้นเป็นอย่างมาก

อาจเป็นเพราะเธอซ้อมมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นทุกฉากทุกตอนเจียงเซ่อจึงจำได้ขึ้นใจ และอาจเป็นเพราะเจียงเซ่อชื่นชอบผลงานของโหวซีหลิ่งมาก ถึงได้ใส่ใจอยู่พอสมควร ดังนั้นเลยง่ายต่อการเข้าถึงบทของเธอ

ตอนนี้เจียงเซ่อรู้สึกได้ว่าตัวเองคือ ‘โต้วโค่ว’ มือคนที่เธอคว้าเอาไว้ก็เป็นคนตามในสคริป คนๆ นั้นก้มหน้าลงมามอง

และพอมีแต่ความเงียบที่ได้กลับมา ‘โต้วโค่ว’ ก็ยิ่งใจเสียเข้าไปอีก แต่เธอก็ยังถามต่อ

“นี่พวกเราจะไปไหนกันแน่?”

“หยุดโวยวายได้แล้ว!”

มีคนจากด้านนอกตะโกนขึ้นมา เธอเลยหันตัวไปเพื่อที่จะหนีอีก แต่ก็โดนคนข้างนอกผลักเข้ามาอีกตามเคย เป็นแบบนั้นอยู่สองสามรอบ ‘หงโต้ว’ ที่นั่งอยู่ก็เอื้อมมือมาพยุงเธอให้ลุกขึ้น

“ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”

โหวซีหลิ่งเขียนถึงตอนนี้เอาไว้ได้อย่างสละสลวย แต่หลินซีเหวินจะไม่ยอมเสียเวลาที่เป็นเงินเป็นทองเพื่อให้ได้ฉากสวยๆ มาโดยเด็ดขาด

ช่างกล้องแพนกล้องไปบนตัวของฟ่านจืออวิ๋น หล่อนกำลังพยุงเจียงเซ่อขึ้นมา มุมปากยิ้มเย้ยต่อชะตาชีวิตตัวเอง

“โลกใบนี้มันบ้าสิ้นดี……”

น้ำเสียงของหล่อนยังสั่นอยู่เลยด้วยซ้ำ

ส่วนต่อไปก็เป็นฉากของฟ่านจืออวิ๋นคนเดียวแล้ว ส่วนเจียงเซ่อส่วนมากก็ต้องนั่งอยู่ในรถม้า และเวลาของวันทั้งวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทีมงานเก็บของและกลับมาถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อก็เหมือนจะมีอาการเป็นหวัดขึ้นมา

โม่อานฉีกำลังใช้กาน้ำร้อนต้มน้ำพลางหันไปเตรียมยาแก้หวัดที่เอามาเผื่อด้วย เจียงเซ่อเดินเข้าห้องน้ำไป ถอดเสื้อผ้าออกแล้วอาบน้ำทันที แล้วตอนนี้นี่เองที่เธอเพิ่งจะรู้สึกว่าปวดไปทั้งตัว

เมื่อตอนกลางวันที่ถ่ายทำอยู่ก็ไม่เห็นรู้สึกอะไร แต่พอตอนนี้ถอดเสื้ออกมาแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าทั้งข้อมือ ทั้งแขนมันเป็นรอยมือและช้ำไปหมด บริเวณเอวก็เหมือนจะมีรอบจ้ำด้วยเหมือนกัน บนขายิ่งไม่ต้องพูดถึง ล้มลุกคลุกคลานขนาดนั้นก็ต้องมีกระทบกระเทือนกันบ้าง

ในฉากเป็นสถานที่แวดล้อมทั่วๆ ไป ก่อนหน้านี้ที่เธอกลับมาถึงก็แค่ล้างมือล้างหน้าเท่านั้น แต่พอน้ำเดือดแล้ว ก็ได้เวลาล้างดินโคลนบนหัวบนตัวบ้างเสียที

เจียงเซ่อออกมาพร้อมกับแผ่นมาร์กหน้าที่แปะอยู่บนหน้าของเธอ พอโม่อานฉีเห็นว่าเธอก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว หล่อนชะงักไปนิดหนึ่งก่อนที่จะรีบหายาให้เธอกิน

ตั้งแต่ที่ออกจากตี้ตูมา อาจจะเป็นเพราะเตรียมทั่วๆ ไปมาเรียบร้อยแล้ว และฮีตเตอร์ในโรงแรมก็อุ่นพอดี พอเจียงเซ่อรับยาแก้หวัดไปแล้ว โม่อานฉีก็พูดขึ้น

“เซ่อเซ่อ เมื่อกี้นี้เผยอี้โทรมาหาเธอแน่ะ แต่เธออาบน้ำอยู่”

เจียงเซ่อลูบๆ จมูก นั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมา

บนหน้าจอขึ้นไว้ว่าเขาโทรมาหลายสายแล้ว และยังมีข้อความต่างอีกด้วย และมันก็เป็นของเขาทั้งหมด

“เซ่อเซ่อ”

น้ำเสียงของเขาที่ส่งผ่านสัญญานมาฟังดูแหบเล็กน้อย เหมือนกับว่าเพิ่งจะดื่มเหล้ามาอย่างไรอย่างนั้น และเหมือนจะกรึ่มๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วย ดูไม่เหมือนกับเป็นพวกเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ทั่วไปเลย

ตอนนี้ฮีตเตอร์ในห้องพักทำงานได้ดีมาก เธอเอนตัวพิงโซฟาและรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด รู้สึกเพลียและเมื่อยจนไม่อยากขยับตัวแล้ว

“เซ่อเซ่อ วันนี้ถ่ายหนังราบรื่นดีไหมครับ?”

เขาพูดเสียงเบาลง ตอนที่เรียกชื่อเธอออกมา ก็ฟังดูอ่อนโยนไม่น้อย

“ก็ดีนะ” เธอหันหน้าไป โม่อานฉันกำลังถือผ้าขนหนูและเช็ดผมให้เธอไปด้วย พอเผยอี้จับได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจียงเซ่อก็รีบอธิบาย

“อากาศที่นี่ดีกว่าน่า ฉากวันนี้ที่ต้องแสดงก็ไม่ได้อยู่ในเมือง ตอนนี้ก็เลยรู้สึกคัดจมูกนิดหน่อย ตอนนี้กลับมาถึงโรงแรมอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว โม่อานฉีกำลังเช็ดผมให้อยู่”

ตอนนี้เธอรู้สึกว่ายากมากที่จะพูดประโยคยาวๆ เผยอี้กำมือถือเอาไว้ รู้สึกว่าฟังเสียงเธอเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที

อาจเป็นเพราะว่าเขาชินกับการที่มีเธออยู่ในบ้านทุกวันแล้ว ดังนั้นสองวันที่เจียงเซ่อต้องออกไปถ่ายหนังที่อื่น เผยอี้ก็เลยรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย

เพราะทุกครั้งที่เขากลับถึงบ้านก็จะต้องมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอด เพื่อมองหาตัวเธอ แต่ตอนนี้มองไปทางไหนก็ไม่เห็นเธอเลย เพราะเธออยู่ที่ซีหนาน