webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

177

บทที่ 177 ถ่ายทำ

ในรูปโปสเตอร์โปรโมทของเจียงเซ่อ เป็นรูปสาวสวยที่กำลังนอนเอนกายอยู่บนโซฟา เส้นผมถูกรวบขึ้นไปคล้ายทรงก้อนเมฆดวงตาหยาดเยิ้มดึงดูด มือข้างหนึ่งค้ำเอาไว้สันคาง อีกข้างมีพัดผ้าไหมสีทอง เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย เหมือนกำลังจะหลับตา

เธอในรูปนี้สามารถลบภาพ ‘หญิงสาวในฝัน’ ในเรื่อง ’99 Love Letter’ ได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยถ้าดูจากภายนอกแบบนี้แล้ว ภาพโปรโมทหนังภาพนี้ของเธอก็ถือว่าไม่เลวเลย

หลินซีเหวินรู้สึกได้ว่าเจียงเซ่อในกล้องดูแพรวพราวเย้ายวนเป็นอย่างมาก เหมือนแมวตัวหนึ่ง ที่มีจิตวิญญาณแห่งความสวยหยาดเยิ้ม

ชุดกี่เพ้าที่เธอสวมใส่มันรัดรูปเสียจนสามารถเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างได้อย่างชัดเจน ถึงจะไม่ได้โชว์หน้าอกไม่ได้โชว์ขาอ่อน แต่แขนขาวๆ ที่พาดอยู่บนเอว ผิวขาวๆ ราวกับหิมะกับชุดกี่เพ้าสีเขียวดำมันดูเข้ากันมากทีเดียว ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็สามารถทำให้คนลุ่มหลงและไม่อยากมองไปทางไหนอีก

ตอนนี้เริ่มมีชาวเน็ตบางกลุ่มออกมาถามถึงเสื้อกี่เพ้าที่เธอกำลังสวมอยู่ว่าเป็นของแบรนด์อะไร เช่นเดียวกับคนที่มีชื่อเสียงในสังคมก็เริ่มแชร์รูปของเจียงเซ่อพร้อมๆ กับคำวิจารณ์

ตอนนี้ในขั้นตอนของการถ่ายทำ ‘The Occasion of Beiping’ ฉากของเจียงเซ่อนอกจากจะต้องถ่ายที่ในตี้ตูแล้ว ก็ยังมีฉากที่ต้องไปถ่ายถึงสามที่ภายในประเทศอีกด้วย

ดังนั้นฉากต่างๆ ที่ต้องถ่ายในตี้ตูจึงเก็บไว้ถ่ายเป็นที่สุดท้าย และทางกองถ่ายก็ตกลงกันว่าจะไปถ่ายทำบริเวณภูเขาฉินหลิ่งในมณฑลซีหนานกันก่อน ประมานต้นเดือนกุมภาพันธ์ เจียงเซ่อก็ล่ำลากับเพ๋ยอี้เล็กๆน้อย และขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกับทางกองถ่ายเพื่อไปที่มณฑลซีหนาน

และยังไม่ทันที่จะได้ให้ทุกคนได้ทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศ ฝ่ายช่างกล้องก็เริ่มพากันเซตฉากกันทันที

และฉากที่กำลังจะถ่ายทำนี้ก็คือฉากที่ชายหญิงได้เจอกันเป็นครั้งแรก สถานการณ์คือครอบครัวของ ‘โต้วโค่ว’ ถูกฆ่าจนหมดสิ้น เพราะรอดมาคนเดียวก็เลยต้องหาทางไปที่เป่ยผิง ระหว่างทางก็เกิดเรื่องเพราะความสวยของตัวเอง จนถูกคนชั่วลักพาตัวไปขาย และถูกส่งเข้าไปอยู่ในหอนางโลม

เพื่อนร่วมทางอย่างฟ่านจื้ออวิ๋นที่แสดงเป็น ‘หงโต้ว’ นั้น ในฉากๆ นี้เธอจะต้องนั่งอยู่บนรถม้า ในบทของโหวซีหลิ่ง ได้เขียนเอาไว้ว่าในเวลานั้นท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตก

ทางกองถ่ายต้องรอถึงสองวัน นั่นก็เพราะว่าทางพยากรณ์อากาศได้ประกาศแล้วว่าวันนั้นฝนจะตก และวันนั้นท้องฟ้าก็มืดครึ้มจริงๆ และทว่ากลับไม่มีฝนเลยแม้แต่น้อย

ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี หลินซีเหวินจึงทำได้แค่ต้องเปลี่ยนแผนแรกของตัวเองเท่านั้น นั่นก็คือจัดหารถพ่นน้ำมา และส่วนเสียงฟ้าร้องและเสียงต่างๆ ก็ค่อยใช้เอฟเฟคเอา

เจียงเซ่อเปลี่ยนเป็นชุดแสดงเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอสวมชุดที่ผ่านการหนีอันตรายมามากมาย เธอสวมกางเกงตัวใหญ่พอง และเสื้อที่มีกระดุมผานโค่ว*กระดุมเป็นแบบจีนที่ผูกด้วยผ้าสีเขียว dora ถักเปียสองข้างให้เธอจนยาวลงมาตรงหน้าอก อีกทั้งยังสไลด์ผมข้างด้วย

ในฉากๆ นี้ หลินซีเหวินไม่ต้องการให้เธอแต่งหน้าจัดแม้แต่น้อย และต้องการให้แต่งให้ดูเป็นธรรมชาติเมื่อเข้ากล้องแล้ว

นักแสดงทั้งหลายพากันขึ้นไปบนรถม้า และทำเป็นส่งเสียงร้องไห้ออกมา จากนั้นแคลปเปอร์ก็ตะโกนขึ้นมา

“ประจำที่ เตรียมตัว Take One” เมื่อเสียงแคลปบอร์ดดังขึ้น เจียงเซ่อก็เข้าถึงบทบาทของตัวเองทันที

“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป พวกเจ้าจะพาข้าไปไหนกัน!”

ฉากนี้คือฉากที่เจียงเซ่อจะต้องเล่นเป็นตอนที่ ‘โต้วโค่ว’ ถูกคนบังคับลากขึ้นรถม้า เธอดิ้นรนสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกหนีโชคชะตาของตัวเองได้

เพราะเธอรู้สึกได้ว่าหากยอมขึ้นรถม้าคันนี้ไปก็จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ ดังนั้นตอนแรกเธอถึงได้เอาแต่ดิ้นรนและขัดขืนอย่างสุดชีวิต

ตั้งแต่ที่แคลปเปอร์ตะโกนว่า ‘เริ่ม’ มา เจียงเซ่อก็ตะโกนและดิ้นขึ้นมาทันที เร็วเสียตัวประกอบอีกสองคนที่ต้องดึงเธอขึ้นรถม้าก็เหมือนจะตามไม่ทันด้วย หลินซีเหวินที่กำลังมองจากที่ไกลๆ หัวเราะออกมาทีหนึ่ง เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เจียงเซ่อสามารถเข้าถึงอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ และรู้สึกพอใจที่เจียงเซ่อไม่มีท่าทีเคอะเขินหรือท่าทางเก้ๆ กังๆ ออกมา

ที่จริงแล้วในฉากนี้ หลินซีเหวินค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเจียงเซ่อมากทีเดียว กลัวว่าเธอจะทำได้ไม่ดีพอ

เธอดูเหมือนเป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ ดูเหมือนเป็นพวกที่ปล่อยไปไม่ค่อยได้ ตัวของเธอให้ความรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่มีอินเนอร์ แต่แสดงออกมาไม่ค่อยได้

ครั้งแรกที่เธอมาออดิชั่นฉากที่ยืนกำลังยืนฟังละครจากโรงงิ้วบนถนนเทียนเฉียว มันก็แค่ตรงกับอินเนอร์ของเธอเท่านั้นเอง

แค่ตอนนั้นเขาก็พอจะมองเจียงเซ่ออยู่แล้ว ว่าฝีมือการแสดงของเธอมันยังไม่ลื่นไหลมากพอ หลังจากนั้นโหวซีหลิ่งก็ได้เชิญให้ฉางยวี่หูมาช่วยฝึกเธอ ก็แสดงว่าตัวโหวซีหลิ่งเองก็ใช่ว่าจะไม่เป็นห่วง แต่ตอนนี้เจียงเซ่อกลับทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมายมากจริงๆ

เพราะว่าอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมามันดีเกินไปจนทำให้ตัวประกอบอีกสองคนทำพลาด หลินซีเหวินไม่ได้โมโหหรือตะโกนใส่เลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับยิ้มๆ แล้วสั่งให้ถ่ายใหม่

“เอาใหม่อีกครั้ง!”

แคลปเปอร์ตะโกนขึ้นมา และคนอื่นๆ เองก็ประจำที่จองตัวเองเรียบร้อย จากนั้นแคลปเปอร์ก็บอกว่ากำลังจะถ่ายฉากที่มีบทพูด

“เดี๋ยวหลังจากนี้ พอเจียงเซ่อพูดจบ พวกนายก็กรูเข้ามาทันทีเลยนะ”

สองคนนั้นพยักหน้า จากนั้นแคลปเปอร์ก็ส่งสัญญาณมือ พร้อมกับวิ่งออกจากฉากอย่างรวดเร็ว เสียงแคลปบอร์ดดังขึ้น แล้วเจียงเซ่อก็เริ่มดิ้นอีกครั้ง

“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป พวกเจ้าจะพาข้าไปไหนกัน!”

ช่างกล้องเริ่มเลื่อนไปตามทิศทางของเธอและค่อยๆ ซูมเข้าไป เธอที่ปรากฏอยู่ในกล้องไม่ได้ถูกตกแต่งให้สวยงาม เพราะฉะนั้นใบหน้าของเธอจึงขาวผ่องทั้งปากทั้งตัวสั่นระริกไปหมด

เธอพยายามดิ้นขัดขืนอย่างสุดกำลัง และตัวประกอบสองคนนั้นก็เหมือนจะจับเธอไม่อยู่ด้วย

เพราะทั้งสองคนไม่กล้าที่จะลงแรง ในฉากนี้เจียงเซ่อสามารถแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี แต่กลับกันมันทำให้เหมือนกดตัวละครทุกตัวลง หลินซีเหวินตะโกนสั่ง ‘คัต’ ไปก็แล้ว แต่พี่น้องสองคนก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี

“ทำอะไรห้ะ?”

พอแคลปเปอร์เห็นว่าหลินซีเหวินเริ่มหน้าดำหน้าแดงและพร้อมที่จะระเบิดแล้ว ก็รีบชี้ไปที่ตัวประกอบสองคนนั้นทันที

“ยังอยากจะแสดงอีกไหมห้ะ ไม่อยากก็ไสหัวไปไหนก็ไปเลย อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเสียเวลาอีก!”

เพื่อฉากฉากนี้ ทางทีมงานได้ก็เลยเสียเงินกับส่วนนี้ไปมาก ตอนนี้รถพ่นน้ำก็พร้อมแล้ว กับช่วงเวลาของนักแสดงแบบนี้ ทุกวินาทีก็ถือว่าเป็นเงินเป็นทอง แต่ถ้าตัวประกอบอีกสองคนยังเอาแต่งงกับชีวิตแล้วละก็ เวลาที่เสียไปทั้งวันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย!

ทั้งสองคนนั้นก้มตัวขอโทษต่อทุกคน และหน้าก็เริ่มขึ้นสีแล้วด้วย เพราะเพิ่งโดนแคลปเปอร์ดุด่าว่ากล่าวไป พวกเธอหันไปมองเจียงเซ่อรู่หนึ่ง

“เอาใหม่”

เจียงเซ่อพยักหน้า

ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่ได้ต่ำเหมือนที่ในตี้ตู แต่ลมหนาวที่พัดผ่านมาก็ขยันพัดจนเข้ากระดูกหมด วันนี้เจียงเซ่อสวมชุดแสดงที่ค่อนข้างจะบาง รถพ่นน้ำยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ หยดน้ำโปรยปรายลงบนตัวเธอ เพียงแค่เสี้ยวนาทีเดียวก็ซึมเข้าเสื้อผ้าของเธอแล้ว

ในฉากๆ นี้เธอไม่ได้แต่งหน้า นั่นก็เพราะหลินซีเหวินต้องการแบบนั้น เพราะเขาต้องการให้ภายนอกของเธอดูน่าสมเพชและน่าเวทนาสุดๆ ดังนั้น dora จึงไม่ต้องมาคอยเติมหน้าให้เธออีก พอจะเริ่มถ่ายใหม่ก็เริ่มได้เลย

“ไม่ต้องตื่นเต้น เอาใหม่อีกรอบหนึ่งนะ”

ถ้าหากว่าเสียเวลาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ละก็ แผนงานทั้งหมดก็จะล่าช้าไปด้วย

คำพูดนั้นของเจียงเซ่อทำเอาหญิงสาวสองคนนั้นพยักหน้าให้เธอด้วยความเกรงใจ และหลินซีเหวินก็ตะโกนขึ้นมาพอดี

และอาจจะเป็นเพราะว่ากลัวจะโดนเปลี่ยนตัวออก บวกกับที่ก่อนหน้านี้โดนแคลปเปอร์ตะโกนด่าปาวๆ หญิงสาวตัวประกอบทั้งสองคนนั้นต้องมีความกดดันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่พออีกครั้งที่เริ่มถ่ายใหม่ ทั้งสองคนก็แสดงขึ้นมาได้อีกว่าเดิมมาก

เจียงเซ่อเริ่มพูดบทของตัวเองขึ้นมาอีกรอบ พร้อมกับดิ้นไปมา

“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป พวกเจ้าจะพาข้าไปไหนกัน!”

ทั้งสองคนจับแขนของเธอแน่น เพราะแรงของเจียงเซ่อก็ใช่ว่าจะเบาๆ มีอยู่หลายครั้งที่เผลอผ่อนแรงแล้วหลุดออกไป

ทั้งสองคนที่ได้ ‘ng’ ไปถึงสองครั้งพร้อมกับคำด่าของแคลปเปอร์ ครั้งนี้ก็เลยจับเธอเอาไว้อย่างสุดแรง จนกระทั่งทั้งสองคนปล่อยให้เจียงเซ่อหลุดไปได้อีกครั้ง หนึ่งในสองตัวประกอบก็รีบจับผมเปียของเธอเอาไว้ แล้วกระชากกลับมา!