webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

176

บทที่ 176 เซทเครื่องแต่งกาย

ก่อนที่จะได้เจอเรื่องดีก็ต้องผ่านอุปสรรคร้ายๆ มาก่อน เพราะ ‘The Occasion of Beiping’ ถูกถอนทุนออกทำให้เสียเวลาไปมาก และมันก็ส่งผลกระทบต่อการถ่ายทำด้วย

ที่จริงแล้วหนังเรื่องนี้ได้กำหนดพระเอกและนางเอกเอาไว้แล้ว นั่นก็คือฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซียน ทั้งสองคนต่างก็เป็นนักแสดงที่ต่งหมิงเซิงเป็นคนเสนอมาให้ พอมาถึงตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างหลินซีเหวินและต่งหมิงเซิงมันมาถึงจุดแตกหักแล้ว

วันที่จะนัดมาเซทเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับคือวันที่หนึ่งเดือนกุมภาพันธ์ และวันนั้นหลินซีเหวินก็ได้จ้างผู้เชี่ยวชาญให้มาดูด้วย เพื่อที่จะได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับหนัง

ที่จริงตอนแรกหลินซีเหวินก็ไม่ได้เชื่อแบบนี้มาตั้งแต่แรก แต่การที่ตัวเองเพิ่งได้เจอสถานการณ์โดนถอนทุนออกไป เขาจึงต้องดูและขั้นตอนการถ่ายทำเอาไว้ให้รอบคอบที่สุด

วันที่จะถ่ายรูปคาแรคเตอร์ตัวละครนั้น ทางทีมงานก็ได้เตรียมห้องพักส่วนตัวเอาไว้ให้อีกด้วย ทั้งช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์ต่างก็เป็นคนที่เจียงเซ่อพามาเอง

เพราะว่าบท ‘โต้วโค่ว’ ในเรื่องเป็นถึงผู้หญิงของอันจิ่วยวี่ ดังนั้นทุกครั้งที่เธอเข้าฉาก ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมต่างก็ต้องงดงามและละเอียดอ่อน ถ้าเทียบกันแล้ว ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับของเธอดูดีและดูแพงกว่าเสื้อผ้าของตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่องมาก

ครั้งนี้หลินซีเหวินออกโรงด้วยตัวเองเลยด้วย เขาได้ไปหาช่างทำกี่เพ้าฝีมือดีของแบรนด์ ‘ฟางหัวอีพิ่น’ มานั่งคุยด้วย และได้รับการสนับสนุนจาก ‘ฟางหัวอีพิ่น’ ให้พวกเขาตัดชุดกี่เพ้าให้กับนางเองฟ่านจืออวิ๋นและเจียงเซ่อ แต่กี่เพ้าของฟ่านจืออวิ๋นจะมีน้อยกว่า แต่เจียงเซ่อจะเยอะมาก ถึงแม้ว่าจะมีแค่ไม่กี่ครั้งที่เธอได้ออกฉาก แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมดจะต้องใส่ครั้งเดียวแล้วเปลี่ยนเลย

ชุดกี่เพ้าถูกตัดขึ้นมาตามรูปร่างและขนาดตัวของเจียงเซ่อเอง ชายกระโปรงยาวถึงประมาณเข่าของเธอ ทำให้ได้อวดขาเรียวสวยนั่นด้วย บนตัวเสื้อไม่ได้มีลวดลายอะไรมากมาย แต่เป็นชุดที่งดงามและมีความประณีตในการตัดเย็บ

สีดำเหลือบเขียวเป็นอะไรที่ดูโตขึ้นมามาก และมันก็ขับให้ผิวของเธอขาวดุจหิมะ อีกทั้งยังดูสง่าไปทั้งตัว

ช่างแต่งหน้ามีชื่อว่าอาจิ้ง ชื่อภาษาอังกฤษคือ dora หล่อนได้เซ็นสัญญากับเจียงเซ่อแล้ว และได้ทำงานให้เจียงเซ่อไปแล้วสองสามครั้ง พอเห็นว่าเจียงเซ่อต้องสวมชุดแบบไหน หลังจากทีติดต่อกับเจียงเซ่อเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็รีบไปหาอายแชร์โดว บลัชออนและลิปสติกให้เธอทันที

การแต่งหน้าของเธอไม่ต้องแต่งให้เข้ม คิ้วเป็นเส้นโค้งอ่อนราวกับใบหลิว ดวงตากลมโตและดูแพรวพราวหยาดเยิ้มด้วยอายชาโดวสีพีช ริมฝีปากถูกเลือกให้ทาสีแดงเลือดหมู

พอแต่งเสร็จแล้ว เจียงเซ่อที่สะท้อนอยู่ในกระจกกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูโตเป็นอย่างมาก เธอยิ้มมุมปากขึ้นเล็กๆ ขนตาเรียงตัวสวยดูหยาดเยิ้มเป็นอย่างมาก

สไตล์ลิสต์อย่างหลิวลี่จื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ครั้งนี้แบรนด์ฟางหัวอีพิ่นส่งชุดและเครื่องประดับมาให้หลายอย่างมาก หล่อนเลยเลือกหยิบพัดเล่มหนึ่งให้เจียงเซ่อถือ ส่วนหลินซีเหวินก็เริ่มให้คนมาเร่งแล้ว

ตอนที่เจียงเซ่อเดินออกมา ซ่งเซียนที่เป็นหนึ่งในนักแสดงก็มานั่งรออยู่ที่ที่จะถ่ายรูปสักพักแล้ว

เขาสวมชุดสูทสีขาว ผมถูกเซทอย่างเรียบร้อยและมันขลับ และเหมือนเขาจะเริ่มถ่ายไปแล้วด้วย

ตอนนี้ในกองถ่ายนักแสดงประกอบก็มากันหมดแล้ว แต่ฟ่านจืออวิ๋นยังไม่มา ตอนที่เจียงเซ่อมาถึง ผู้ช่วยหลีทำสัญญาณให้เจียงเซ่องดใช้เสียงแล้วเชิญเธอมานั่งรอตรงเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้

ผ้าม่านกันแสงในห้องถูกปิดเอาไว้ทั้งหมด ตรงกลางห้องมีไฟเปิดเอาไว้หนึ่งดวง ช่างไฟแต่งละคนคอยเดินเปลี่ยนมุมไฟไปเรื่อยๆ ตามคำสั่งของหลินซีเหวิน และซ่งเซียนที่ยืนอยู่ใต้แสงไฟก็ดูหล่อเหลามากๆ เขาล้วงมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ท่าทางดูเอาจริงเอาจังและน่าเกรงขาม

ถ่ายไปหลายภาพพอสมควร หลินซีเหวินก็ทำมือว่าโอเคแล้ว จากนั้นก็เป็นคิวของชิวหรูจื้อที่แสดงเป็น ‘อันจิ่วยวี่’ ถ้าเทียบกันแล้ว ซ่งเซียนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่ยังหนุ่มยังแน่น แต่ชิวหรูจื้อจะเป็นชายหนุ่มที่มีอายุขึ้นมามากแล้ว ชุดที่เขาสวมคือชุดทหาร และในมือก็ถือไปป์เอาไว้ด้วย ทีมงานได้ยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้เขานั่ง มือยกไปป์ขึ้นมา คนๆ นี้ถือว่าเข้าถึงอารมณ์ได้เร็วมาก ทุกครั้งที่กล้องจับภาพของเขาออกมา เขาก็มักจะยิ้มมุมปาก เหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้ม แค่นั้นความ ‘ชั่วร้าย’ ของ ‘อันจิ่วยวี่’ ก็ถูกสื่อออกมาได้โดยไม่ต้องพูดเลยด้วยซ้ำ

“แล้วนี่ฟ่านจืออวิ๋นมาหรือยัง?”

ตอนนี้เจียงเซ่อมาถึงที่ถ่ายทำได้กว่าสองชั่วโมงแล้ว อีกทั้งตัวนักแสดงหลักและนักแสดงประกอบก็ถ่ายรูปคาแรคเตอร์กันหมดแล้วด้วย แต่ฟ่านจืออวิ๋นกลับยังมาไม่ถึง

ตอนนี้สีหน้าของหลินซีเหวินเริ่มไม่ดีแล้ว ผู้ช่วยที่อยู่ในกองถ่ายก็ติดต่อหาหล่อนไปแล้วหลายครั้ง พอได้ยินหลินซีเหวินถามถึงฟ่านจืออวิ๋นขึ้นมา ก็ได้แต่ตอบกลับไปอย่างหน่ายๆ

“ผู้กำกับหลิน ฟ่านจืออวิ๋นทางนั้นบอกว่ามีธุระนิดหน่อย อาจจะมาช้าสักนิดหนึ่งครับ บอกว่าตอนนี้กำลังมาแล้ว น่าจะถึงภายในครึ่งชั่วโมง”

กับนางเอกอย่างฟ่านจืออวิ๋น หล่อนมีตางรางงานอัดแน่นในทุกๆ วัน เรื่องการมาสายก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ที่จริงผู้ช่วยของเธอก็ได้โทรมาขอโทษขอโพยไปก่อนหน้านี้แล้ว หลินซีเหวินขมวดคิ้ว และสั่งให้ถ่ายตัวประกอบฝั่งผู้หญิงไปก่อน

รูปที่ถ่ายไปจะนำไปทำเป็นโปสเตอร์โปรโมทหนังต่อ แน่นอนว่าจะมาสะเพร่าไม่ได้เด็ดขาด หลินซีเหวินมองเจียงเซ่ออยู่ครู่หนึ่ง ช่างแต่งหน้าของเธอยังคงเติมแป้งให้อยู่เรื่อยๆ พอเห็นว่าหลินซีเหวินมองมา dora ก็รีบเร่งมือทันทีจนเสร็จ

เจียงเซ่อรีบเดินเข้าไปในฉาก และช่างกล้องก็กดชัตเตอร์ดัง ‘แชะๆ’ ทันที หลินซีเหวินเองก็กำลังดูภาพที่ถูกถ่ายออกมาไปด้วย จากนั้นเขาก็สั่งให้เปลี่ยนมุมแสงทันที

ในฉากจะมีฉากสีขาวอยู่ด้านหลัง มันอาจจะดูเรียบไปเสียหน่อย หลินซีเหวินยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งช่างภาพออกไป

“ยกเก้าอี้เข้ามาหน่อย”

เจียงเซ่อนั่งลง และได้โพสท่าต่ออีกหลายท่า แต่หลินซีเหวินก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ความจริงแล้วเจียงเซ่อขึ้นกล้องและดูทรงพลังมากๆ ภาพที่ออกมาก็ไม่เลวเลย แต่หลินซีเหวินกลับยังคิดว่ามันยังขาดอะไรบางอย่าง

ครั้งนี้ที่หนังโดนถอนทุนไป คนนอกหลายคนต่างก็คิดว่าเพราะต่งหมิงเซิงไม่พอใจที่เจียงเซ่อได้แสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ คิดว่าเธอไม่สามารถแสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ ได้ หลินซีเหวินคิดอยากจะตอกกลับและลบคำสบประมาทเหล่านั้น เลยอยากที่จะถ่ายออกมาให้ได้ดีกว่านี้ เพื่อจะได้เอาไปหักหน้าคนเหล่านั้นซะ

เขาสั่งให้ถ่ายไปได้สิบกว่ารูปแล้ว ของในมือของเจียงเซ่อเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แต่สุดท้ายก็วนกลับมาเป็นพัดผ้าไหมเล่มเดิม หลินซีเหวินจึงเพิ่งสังเกตว่าเก้าอี้นั่นแหละที่แปลกๆ จึงสั่งให้คนยกเอาโซฟาแนวโบราณเข้ามาแทน ให้เธอนอนอยู่บนโซฟานั่น และมันก็ทำให้หลินซีเหวินพึงพอใจเป็นอย่างมาก

จนมาถึงวันที่ได้ปล่อยรูปโปรโมทหนังออกมาเป็นครั้งแรก จากก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้เริ่มถ่ายทำ ที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวหนัง นั่นก็คือการที่โดนถอนทุนออกไป ทำให้ผู้คนหลากหลายเข้ามาสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่พอปล่อยรูปออกไป เรื่องทั้งหมดก็หายไปและกลายเป็นเรื่องนี้ขึ้นมาแทน

ในโปสเตอร์โปรโมทนี้ ภาพของซ่งเซียนดูเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและทำให้คนมองต้องลุ่มหลง ดูเป็นผู้มีวิชาความรู้และซื่อสัตย์ และแน่นอนว่าแฟนคลับของซ่งเซียนเองก็ออกมาชมกันมาหยุด

ส่วนทางด้านของนางเอก ฟ่านจืออวิ๋นมีคาแรคเตอร์เป็นสาวแสนบริสุทธิ์ รูปที่ทางทีมงาน ‘The Occasion of Beiping’ ปล่อยออกมา หล่อนสวมชุดกี่เพ้าสีขาวลายปีกดอกไม้ หล่อนก้มหน้าลง และมองหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกหนอนหนังสืออย่างไรอย่างนั้น

ครั้งนี้ที่เจียงเซ่อแสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ ก็ได้ดึงดูดให้ชาวเน็ตออกมาถกถียงกันเป็นอย่างมาก หลายคนเอาคาแรกเตอร์ของเธอมาเปรียบเทียบกับหญิงสาวในฝันที่อยู่ในหนัง ’99 Love Letter’ ของจ้าวร่าง เพราะมีหลายคนยังติดกับภาพคาแรกเตอร์ก่อนหน้านี้ของเจียงเซ่อจึงเริ่มมีบางคนคิดว่าเจียงเซ่อไม่เหมาะกับบทหญิงสาวที่ต้องผ่านชีวิตมามากมาย

แต่เมื่อรูปเธอปล่อยออกมา คนที่เคยเอาแต่พูดว่า ‘หลินซีเหวินควรจะเปลี่ยนนักแสดง’ ก็กลายเป็นพูดอะไรไม่ออก