webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

175

บทที่ 175 กลับพบหนทาง

เถาเถาเองก็กำลังเลื่อนดูคอมเม้นอะไรต่างๆ ของเจียงเซ่อไปด้วย หลังจากที่เจียงเซ่อได้ให้สัมภาษณ์ไปในงานเปิดกล้องหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ในวันนั้น เถาเถาก็เริ่มที่จะสนใจเจียงเซ่อขึ้นมามากขึ้น

เรื่องที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้มันไม่ค่อยส่งผลดีต่อตัวเจียงเซ่อเท่าไหร่นัก บนโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็เริ่มมีคนออกมาโต้แย้งถกเถียงกันให้เจียงเซ่อ แต่เจียงเซ่อก็ไม่เห็นจะออกมาโพสข้อความซักประโยค

หล่อนค่อยๆ แอบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วมองไปรอบๆ จากนั้นก็รีบเปิดหาข่าวใหม่ๆ ทันที เหมือนว่าบนโซเชียลมีเดียเริ่มมีแนวโน้มว่าจะด่ากันแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หล่อนรู้สึกเดือดร้อนและเป็นห่วงเจียงเซ่อเสียอย่างนั้น หล่อนบ่นขึ้น

“ก็ไหนว่ากันว่าผู้จัดการส่วนตัวของเจียงเซ่อคือเซี่ยเชาฉวินไง? แล้วเซี่ยเชาฉวินทำอะไรอยู่กันล่ะ ทำไมไม่ลงมือทำอะไรสักที?”

หล่อนอดไม่ได้ที่จะเอามือถือขึ้นมาจริงๆ เพราะอยากจะตอบกลับพวกที่ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่เกินไปแล้วพวกนั้น เพื่อนข้างๆ ที่นั่งทำงานด้วยกันแตะลงบนไหล่หล่อน

“ยัยลูกท้อ ‘หงเก๋อจื่อ’ ปล่อยข่าวใหม่ออกมาด้วยล่ะ”

‘หงเก๋อจื่อ’ ที่หญิงสาวคนนี้พูดถึงเป็นชาวเน็ตคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงบนโลกโซเชียลมีเดียมากๆ และเคยไปเป็นนักเขียนคอลัมน์พิเศษในนิตยสารระดับต้นๆ ของประเทศอย่าง ‘สือไต้เฟิงฉาย’ อีกด้วย สไตล์การเขียนเฉียบคม หลังจากที่ออกจาก ‘สือไต้เฟิงฉาย’ แล้ว ก็เข้าทำงานในบริษัทนิตยสารแฟชั่นแห่งหนึ่ง บางครั้งก็จะแนะนำสินค้าแฟชั่นบ้าง ในเน็ตชื่อเสียงของหล่อนนั้นโด่งดังมาก คนที่ติดตามให้ความสนใจเธอส่วนมากจะเป็นบรรดาสาวสวยมากความสามารถ แบรนด์หลายแบรนด์ต่างก็ยินดีที่จะได้ร่วมงานกับเธอ

‘หงเก๋อจื่อ’ ได้เขียนข่าวสั้นๆ เอาไว้ในคอลัมน์ของตัวเองว่า ฤดูหนาวนี้ เสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนตัวใหญ่สไตล์วินเทจ มีใครซื้อไปแล้วบ้างนะ?

และใต้ข้อความนั้น ก็ยังมีรูปเจียงเซ่อที่ได้ถ่ายแบบแนวสตรีทไปเมื่อไม่กี่วันก่อน รูปแรกมันก็เป็นรูปที่เจียงเซ่อเงยคางและกดปีกหมวกลงมาพอดี

ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเยือกเย็นนั้น เหมือนเจียงเซ่อได้ใช้ความเย็นชาของตัวเองโอบรัดหิมะที่แสนหนาวเหน็บเอาไว้ เห็นแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเปิดรูปใหญ่ดูให้เห็นชัดๆ ให้มันกระแทกตา กระแทกใจ

ในรูปเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นแนวสตรีท แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ดูขัดกับตัวบรรยากาศในรูปนิตยสารบนรูปแนวสตรีทมีหญิงสาวคนหนึ่งสวมหมวกปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ครึ่งหนึ่งและสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีน้ำตาลอ่อน กระดุมทุกเม็ดถูกติดไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้สามารถเห็นเอวคอดสวยได้อย่างชัดเจน เธอเงยหน้าขึ้นราวกับว่ากำลังมองไปที่โรงละครที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ภายใต้ปีกหมวก ริมฝีปากเล็กดูอวบอิ่มนั่นมันให้รู้สึกถึงความยั่วยวนดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูก

หงเก๋อจื่อยังเขียนขอความวิจารณ์ของตัวเองเอาไว้อีกด้วยว่า พอเห็นรูปนี้แล้ว ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คิดว่าตัวเองยังมีลิปสติกในกระเป๋าไม่พอ!

บ้านต้นไม้หลังน้อยในป่าใหญ่ : ครั้งแรกที่ได้เห็น สีเรดไวน์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เซ็กซี่และสวยเย้ายวนขนาดนี้ พอไปอยู่บนริมฝีปากแล้ว มันยิ่งขับให้ผิวดูขาวขึ้นอีกเป็นกอง! โคตรว้อนอ่ะ รีบๆ บอกสีเบอร์ของลิปสติกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แบรนด์อะไร เบอร์ไหน?

หลี่เสี่ยวป๋าย : เฮ้ย อันนี้ใช่แหวนของ MIKIMOTO ป้ะ? ฉันนึกว่ามีแค่พวกพี่สาวที่ชอบของแบบนี้เสียอีก ทำไมใส่แล้วสวยขนาดนี้อ่ะ

ยังคงอาลัยอาวรณ์ : เสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนนี่ก็ไม่เลวเลยนะ มันดูวินเทจสุดๆ ไปเลย คู่กับสีขาวที่ดูเข้ากัน ดูอบอุ่นสุดๆ จะมีกี่คนกันที่จะสวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่ได้แบบนี้ ดูๆ จากสายตาแล้วน่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบห้าได้! ตัวสูงเพรียว มีเอกลักษณ์แบบนี้ เก๋อจื่อ เธอเป็นใครกัน?

เพื่อนร่วมงานของเถาเถาเองก็กำลังดุจอคอมไปด้วย พลางพูดเดาออกมาด้วยเสียงเบาๆ

“คนนี้คือใครกัน?”

ดอกไม้งามในประเทศนี้ คนที่มีบุคลิกท่าทางแบบนี้ รูปร่างสูงยาวเข่าดีแบบนี้ มันก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละ “หรือว่าจะเป็นโมเดลที่พวกแบรนด์เขาทำสัญญาด้วย”

เถาเถาส่ายหน้าอย่างมั่นใจ รูปเด็กสาวที่โพสท่าและมองเห็นหน้าไม่ชัดรูปนี้ สามารถทำให้คนต้องจ้องมองอยู่นาน เพื่อนร่วมงานข้างๆ ยังนั่งเดาต่อไปอยู่เรื่อยๆ หล่อนเลยพูดออกไปและพยายามเก็บความรู้สึกตัวเองเอาไว้

“เธอคือเจียงเซ่อ”

เธอมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นเจียงเซ่อ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความร่างเริง “วันก่อนที่ในงานเปิดกล้อง ‘The Occasion of Beiping’ ฉันนี่แหละที่เป็นคนไปสัมภาษณ์เธอเอง ไม่มีทางจำผิดแน่ๆ”

คอลัมน์ของหงเก๋อจื่อถูกผู้หญิงลายคนมากดชื่นชอบและโพสข้อความ ทางด้านแบรนด์ MIKIMOTO เองก็รีโพสคอลัมน์ของหงเก๋อจื่อด้วย แถมยังแอดชื่อแอคเค้าท์ของเจียงเซ่อเอาไว้อีก พร้อมข้อความส่วนตัวของตัวเอง เครื่องประดับไข่มุกเลอค่าสไตล์วินเทจอังกฤษของ MIKIMOTO ก็ต้องอยู่คู่กับสิ่งที่สวยงามไม่แพ้กัน ถึงจะเหมาะสมกับทิวทัศน์ที่สวยงามในฤดูหนาวที่หน้าโรงละครแบบนี้

ยิ่งมีแบรนด์ MIKIMOTO ที่มีชื่อเสียงมาแอดแบบนี้แล้ว บวกกับที่ ‘หงเก๋อจื่อ’ เป็นคนโพสลงเอง โม่อานฉีเองก็ไม่พลาดที่รีโพสข้อความเหล่านั้นด้วย เพราะนี่คือฝีมือที่เซี่ยเชาฉวินไปลงมือจัดการให้อย่างไรล่ะ

ในสังคมอินเทอร์เน็ต ผู้ที่มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ ขอแค่ตามแฟชั่นตามเทรนด์ทัน ไม่ว่าใครก็ต้องออกมาชมเจียงเซ่อทั้งนั้น

เซี่ยเชาฉวินเลือกใช้กระแสที่กระจายตัวไวแบบนี้มาเผยแพร่ความสวยของเจียงเซ่อในรูปแบบการถ่ายแบบแนวสตรีท ถือว่ามีประโยชน์มากจริงๆ

ช่างถ่ายภาพสามารถถ่ายมุมมองและคาแรคเตอร์ของเจียงเซ่อทั้งหมดเอาไว้ในรูปๆ เดียว และถึงแม้ชาวเน็ตจะพยายามจับผิดโดยการขยายรูปใหญ่ แต่ก็ไม่มีทางที่จะหาจุดด่างพร้อยได้หรอก อีกทั้งเรือนผมสีดำก็ถูกหมวกใบใหญ่สวมทับเอาไว้อย่างเรียบร้อย เส้นผมเรียงตัวสวยดูไม่ยุ่งเหยิง

ชาวเน็ตที่ตามเทรนด์แฟชั่นเริ่มดันหัวข้อที่ทุกคนกำลังสนใจอย่างเรื่องที่ ‘The Occasion of Beiping’ โดนถอนทุนออกออกไป ให้กลายเป็นหัวข้อที่ว่าเจียงเซ่อได้สวมเสื้อผ้าแบรนด์ดังแทน ไม่ถึงช่วงเย็นของวัน กระแสในอินเทอร์เน็ตก็เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ถึงขึ้นที่ว่าขนาดข่าวใหม่ที่จะออกในช่วงค่ำ สื่อทั้งหมดที่ตั้งใจจะลงข่าวหัวโถวถอนทุนออก ก็กลายเป็นลงข่าวที่เจียงเซ่อไปถ่ายแบบมาแทน

เซี่ยเชาฉวินไม่ได้แค่ต้องการให้รูปเหล่านั้นออกสู่สายตาผู้คน แต่หล่อนต้องการให้รูปภาพของเจียงเซ่อเหล่านั้นทำให้ทุกคนที่เห็นรู้สึกทึ่ง จนกลายมาเป็นหัวข้อที่จะต้องถกเถียงคุยกัน เพื่อที่จะถือโอกาสนี้ในการรับเซ็นสัญญากับแบรด์ต่างๆ ต่อไป

แต่ที่ไหนได้ หล่อนยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ประมานสามทุ่มของวันนั้น ทางบริษัทซ่างเจียได้จ้างทนายความออกมาเตือนถึงคนที่สร้างกระแสว่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ต้องหยุดการถ่ายทำเพราะโดนถอนทุนออก และได้ประกาศว่าในรายชื่อของนักลงทุน ไม่มีรายชื่อของคนในหัวโถว

ครั้งนี้บริษัทซ่างเจียได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ นั้นยังมีการถ่ายทำอยู่ และต่งหมิงเซิงที่เป็นตัวแทนจากบริษัทการลงทุนแห่งหัวเซี่ยไม่ได้อยู่ในรายชื่อของกลุ่มนักทุนของเรื่องนี้แล้ว แต่มีใครบางคนมาลงทุนแทน

จากนั้นไม่นาน หลินซีเหวินก็ได้วีดิโอสั้นๆ ขึ้นมาและปล่อยลงบนเว็บเพจอินเทอร์เน็ตของตัวเองทันที หลินซีเหวินในวีดีโอวาดรอยยิ้มเต็มหน้า มาถึงก็พูดเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอย่างเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ โดนถอนทุนออกทันที

“ตัวผมเองก็ได้มีประสบการณ์การร่วมมือกับคุณต่งหมิงเซิง ตัวแทนจองบริษัทการลงทุนแห่งหัวเซี่ยมาหลายครั้งแล้วนะครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ทั่วโลกที่กำลังให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ ผมขอประกาศและกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการว่า บริษัทการลงทุนแห่งหัวเซี่ยไม่ได้ร่วมลงทุนในหนัง ‘The Occasion of Beiping’ แต่อย่างใด หัวโถวเป็นแค่คนเตรียมการในช่วงแรกเท่านั้น พวกเขาแค่เคยพิจารณาว่าจะลงทุน เกี่ยวกับเรื่องข่าวลือที่ไม่เป็นจริงบนอินเทอร์เน็ต ก็หวังว่าจะมีการยุติข่าวลือเพียงเท่านั้นนะครับ และขอความร่วมมือต่อสื่อต่างๆ ให้ช่วยคัดกรองและลบข่าวที่ไม่เป็นจริงออก และเสนอข่าวที่เป็นจริงเท่านั้น”

หลินซีเหวินไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับสามารถพลิกบทให้ต่งหมิงเซิงตกเป็นรองเสียได้ และเริ่มมีคนออกมาเดาว่าหรือจะเป็นต่งหมิงเซิงกันแน่ที่โดนเตะออกจาก ‘The Occasion of Beiping’ เลยโมโหและหันหน้าไปร่วมมือกับเจียงหนานบันเทิงแทน

เพียงแค่ในระยะเวลาไม่นานทุกคนต่างก็พูดกันคนละปากคนละคำ แต่ข่าวที่ไม่ดีต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ก็ได้ถูกกดลงไปหมดแล้ว

เผยอี้ได้นัดกับเจียงเซ่อเอาไว้แล้วว่าจะไปที่เรือนจำหญิงกันตอนไหน แต่เพราะเจียงเซ่อต้องไปถ่ายรูปโปรโมทหนังจึงทำให้ล่าช้า