webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

172

บทที่ 172 รับเอาไว้

ถ้าลองมองและดูความเป็นจริงแล้ว ในหนังสามเรื่องนี้ หนังรักสองเรื่องแรกเป็นอะไรที่เรียบง่ายสุดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องใหม่ที่มีชื่อของกู้เจียเอ่อเป็นเครื่องหมายแบบนั้น สำหรับเธอแล้วไม่ว่าจะเล่นแบบไหน ในอนาคตการเป็นดาวของเธอจะต้องราบรื่นแน่ๆ หนทางและชื่อเสียงในประเทศของเธอจะต้องเพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวขึ้นสู่ที่สูงได้อย่างมั่นใจ พอผ่านสามปีที่เซ็นสัญญาไปแล้ว แน่นอนว่าเธอต้องได้ขึ้นแท่นเป็นรองอันดับหนึ่งของนางเอกแนวหน้าของซื่อจี้หยินเหอแน่ๆ และเปอร์เซนต์ที่จะได้ที่จะได้เป็นอันดับหนึ่งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ด้วย

แต่ความมั่นใจในครั้งนี้มันก็ยังไม่พอสำหรับความท้าทาย

หนังสองเรื่องนี้ มันตรงกับภาพลักษณ์ของเธอเกินไป

ในหนังเรื่องใหม่ของกู้เจียเอ่อ จุดสำคัญของนางเอกก็คือแน่วแน่ต่อความรัก ผ่านประสบการณ์มามากมายและสุดท้ายก็ได้กับรักแท้ และแต่งงานมีความสุข

ภาพรวมของอีกเรื่องก็เหมือนว่าจะคล้ายๆ กันไปหมด แต่อาจไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกถึงความลึกซึ้งของเนื้อเรื่องนัก และถ้ามีหนังเรื่องใหม่ออกมาอีกละก็ คนดูก็คงลืมเลือนและหันไปสนใจเรื่องอื่นต่อ

ถ้าให้พูดง่ายๆ คือ ก็แค่น่าดูแต่จริงๆ ไม่มีอะไรเลย

แต่เรื่อง Evil ไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าตัวละครจางยวี่ฉินจะไม่ได้เป็นตัวละครที่สวยงามอะไร แต่เนื้อเรื่องมันก็ดูลึกล้ำและน่าสนใจกว่าสองเรื่องแรกอยู่มาก และความท้าทายก็มีมากกว่าสองเรื่องแรกพอสมควร

เธอกรีดนิ้วยาวเปิดหน้ากระดาษ แล้วส่องสายตามองไปที่บท เซี่ยเชาฉวินจิบกาแฟ ไม่คิดเลยว่าทั้งๆ ที่ตัวเองก็บอกถึงข้อเสียที่เธอจะได้รับแล้ว เจียงเซ่อก็ยังคงสนใจและยืนยันที่จะเลือกเรื่อง Evil แบบนี้

“เพราะอะไร?”

เซี่ยเชาฉวินถอนหายใจออกมา แล้วถามขึ้น

“คาแรคเตอร์ตัวละครของหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ตรงกับเธอเลย เธอก็น่าจะรู้ดีนะ ว่าการเลือกครั้งแรก ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตใจและความรัก มันจะดีแหละเหมาะสมกว่าหนังเรื่อง Evil นี่แน่นอน”

“ฉันเข้าใจค่ะ!” เจียงเซ่อพยักหน้าก่อนจะเงยหน้าจ้องตาเซี่ยเชาฉวินนิ่งๆ ท่าทางแน่วแน่ไม่น้อย “แต่ว่า ฉันยังคงมั่นใจในความคิดแรกของตัวเอง จริงอยู่ที่นางเอกของหนังสองเรื่องนี้มันเหมาะกับฉัน แต่มันก็ไม่สามารถเป็นงานชิ้นเอกของฉันได้”

ในอนาคตมันไม่สามารเพิ่มหรือสร้างชื่อเสียงให้กับเธอได้ อย่างมากที่สุดก็น่าจะแค่สร้างทางเดินให้กับเธออีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

“ถ้าจะพูดถึงเล่นให้มันมีชื่อเสียงละก็ สองเรื่องนั้นมันสามารถทำได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ แต่มันจะไม่มีการก้าวหน้าเลย ฉันต้องการที่จะท้าทายตัวเอง ฉันถึงได้ชอบเรื่อง Evil เรื่องนี้” เธอพูดมันออกมาอย่างตั้งใจ

“พี่เชาฉวิน ฉันต้องการที่จะเป็นนักแสดง ไม่ใช่พวกดาราไอดอลที่มีแต่ความสวย ฉันรู้ว่าพี่เองก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เพราะยังไงในซื่อจี้หยินเหอเองก็มีดาราสวยๆ มากมายอยู่แล้ว แต่พี่ก็ไม่เคยรับพวกเธอเลย แต่เลือกที่จะรับฉัน”

เซี่ยเชาฉวินคลายคิ้วที่ขมวดออก หล่อนเลียมริมฝีปากตัวเอง ท่าทางดูเคร่งขรึมขึ้น

“เรื่องพวกนี้ค่อยคุยกันอีกที ส่วนผลจะออกมาเป็นยังไง ฉันก็ต้องดูการแสดงของเธอในThe Occasion of Beiping ก่อนว่าเป็นยังไง”

หล่อนค้ำศอกลงบนขาแล้วเอามือเท้าคางตัวเองเอาไว้

“แล้วค่อยพิจารณาดูอีกที”

ตอนที่เจียงเซ่อรับเล่น The Occasion of Beiping เพื่อที่จะได้ฝึกซ้อมบทโต้วโค่วให้ดี เธอถึงกับต้องไปเรียนรู้และฝึกซ้อมที่โรงละครแห่งชาติ ความมุมานะไม่ใช่ปัญหาอะไร และเซี่ยเชาฉวินเองก็ไม่ได้คัดค้านความคิดของเจียงเซ่อด้วย

หล่อนรวบเก็บบทหนังอีกสองเรื่องมารวมกันแล้วหันไปมองเจียงเซ่อ

“สองเรื่องนี้ก็เอาไปด้วยเลยแล้วกัน เธอเองก็ลองดูๆ สามเรื่องนี้ให้ดีก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้”

และนี่ก็เป็นวิธีส่งแขกของเซี่ยเชาฉวินนั่นเอง หล่อนลุกขึ้นยืน

“ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำต่อ”

เจียงเซ่อเองก็รู้จักที่จะวางตัวโดยการลุกขึ้นยืน “งั้นฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกันค่ะ”

เซี่ยเชาฉวินตอบรับในลำคอแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม มองส่งจนสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว เซี่ยเชา ฉวินกดมุมปากขึ้น แล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นสองไป

พอเจียงเซ่อขึ้นรถแล้ว โม่อานฉีก็ขับรถออกมาทันที พลางดูกระจกหลังเพื่อมองเจียงเซ่อที่นั่งอยู่ด้านหลังไปด้วย หล่อนมีเรื่องสงสัยอยู่นิดหน่อย

“เซ่อเซ่อ ฉันว่าที่พี่เซี่ยพูดก็มีเหตุผลอยู่นะ ถ้ายังไงก็ลองรับเล่นหนึ่งในสองเรื่องแรกนั้นไปก่อน มันก็ดูง่ายต่อผู้ชมด้วย”

แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเดินทางที่ยากแบบนั้น อายุน้อยอย่างเธอจะแสดงเป็นหญิงวัยกลางคนที่ผ่านชีวิตมามากมายแบบนั้นได้อย่างไรกัน อีกทั้งยังต้องเจ็บปวดจนกลายเป็นคนบ้าคลั่งที่มีจิตใจอาฆาตหลังจากเสียลูกสาวไปอีก

ตอนที่เจียงเซ่อเปิดดูบทหนังนั่น โม่อานฉีเองก็นั่งมองเธออยู่ข้างๆ และก็เห็นว่าเธอมีความสนใจต่อหนังเรื่องนี้

“ทางที่มันน่าเดิน อาจจะไม่ใช่ทางที่ฉันชอบก็ได้นี่คะ ท่านหลู่ซวิ่น(นักเขียนชาวจีนที่ขึ้นชื่อทางเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม)เคยกล่าวเอาไว้ว่า ความจริงแล้วบนพื้นมันไม่ได้มีทางเดิน แต่เพราะเคยมีคนเดินมาก่อนมากมาย มันถึงได้กลายเป็นทางเดิน”

โม่อานฉีไปเรียนที่ญี่ปุ่นมาหลายปีหลังเรียนจบเธอก็รู้จักและทำงานกับดาราทั้งภายในและภายนอกประเทศจนเรียกได้ว่าเซียน เคยคุยกับสื่อต่างๆ มาก็มาก แต่สำหรับท่านหลู่ซวิ่นอะไรนั่น เธอจำไม่ได้เลยสักนิดว่าเขาเป็นใคร

หล่อนยักไหล่ รู้สึกว่าเจียงเซ่อเป็นคนที่แปลกจริงๆ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน เลยไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พี่คิดว่าถ้าพี่เชาฉวินไม่อยากที่จะให้ฉันรับเล่นเรื่อง Evil จริงๆ แล้วพี่เขาจะเอามาให้เป็นตัวเลือกกับอีกสองเรื่องทำไมกัน?” เจียงเซ่อยิ้มแล้วถามออกมา โม่อานฉีตะลึงงันไปแล้วหันขวับไปมองเจียงเซ่อ เธอทำไปไม่รู้ตัวว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกไปแล้วเตือนโม่อานฉีขึ้น

“ดูทางดีๆ สิคะ”

พอขับได้มาครึ่งทางเธอก็ได้รับสายจากเผยอี้พอดี เขาบอกว่าจะมารับเธอ โม่อานฉีเองก็เคยเห็นเผยอี้แล้ว และรู้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นลูกหลานของตระกูลบริษัทใหญ่ เขาก็ดูจะทะนุถนอมเจียงเซ่อราวกับไข่มุกก็มิปาน เขาโทรมาบ่อย และมักจะจ้องมองเธอยามที่เธออยู่ในอ้อมแขนของเขาเอง จ้องมองด้วยสายตาที่กำลังจะปกป้องแก้วตาดวงใจของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น แต่สายตาที่มองคนอื่นกลับห่างเหินและเมินเฉย ราวกับว่าเขาจะไม่มีทางปฏิบัติกับใครอื่นนอกจากแฟนของเขา นิสัยและท่าทางแบบนี้หาได้ยากมากๆ ในกลุ่มทายาทคนรวยต่างๆ

รถของเผยอี้จอดรออยู่ข้างถนนที่โม่อานฉีกำลังวิ่งมาสักพักแล้ว ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มเต็มที ข้างนอกกำลังมีฝนตกลงมาปรอยๆ เผยอี้หยิบเสื้อคลุ่มหนาๆ มาด้วยหนึ่งตัว พอมาถึงเขาก็รีบลงมารับเจียงเซ่อและคลุมเสื้อให้เธอทันที เจียงเซ่อที่อยู่นอกรถแล้วแต่ก็ยังก้มหน้าลงมาบอกลาต่อโม่อานฉี เผยอี้เองก็ยกมือขึ้นกันหัวเธอเอาไว้เพราะไม่อยากให้เธอโดนเม็ดฝนที่ตกลงมาแม้เพียงสักนิด โม่อานฉีที่เห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

“พี่ไปก่อนเถอะค่ะ”

“ฉันรู้แล้วน่า เธอกับแฟนก็รีบกลับกันได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”

มือของเจียงเซ่อข้างหนึ่งถูกเผยอี้รวมเอาไว้ในมือของตัวเอง เจียงเซ่อจึงรีบพยักหน้าให้โม่อานฉี พอหันหลังก็ไปอยู่ในอ้อมอกของเผยอี้พอดี เผยอี้ที่กางเสื้อรออยู่แล้วก็รีบห่อตัวเธอเอาไว้ด้วย

ภาพชายหญิงที่กำลังโอบกอดซึ่งกันและกันแบบนี้มันช่างน่ามองจริงๆ โม่อานฉีจับพวงมาลัยเอาไว้ แล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

“แล้วแบบนี้ เล่นบทสวยๆ มันไม่ดีกว่าหรือไงกัน?”

เจียงเซ่อเขย่งปลายเท้าจุ๊บลงที่ปลายคางของเผยอี้ เขาเองก็ก้มลงมาจูบเธอเสียหลายที

“เอาอะไรมาด้วยครับ มันทิ่มผมอ่ะ”

เธอกอดบทหนังที่เอากลับมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนหน้านี้เขาเองก็สังเกตเห็นแล้ว

“พี่เชาฉวินให้ฉันเอาบทหนังมาให้ฉันเลือกเล่นหนึ่งเรื่องน่ะ”

เผยอี้ไม่พูดอะไรต่อ แต่พอได้ยินว่าเธอมีแผนที่จะรับเล่นหนังอีกก็รู้สึกเซ็งๆ

“แล้วนี่ไม่ได้ออกเที่ยวกับพวกเนี่ยต้านหรือไง? ทำไมถึงมารับเร็วแบบนี้?”

วันนี้เธอมีนัดกับเซี่ยเชาฉวิน เผยอี้กับพวกเนี่ยต้านเองก็ไม่ได้นัดสังสรรค์กันมาหลายวันแล้ว พวกเขาก็เลยถือโอกาสนี้นัดออกไปเจอกันซะเลย เจียงเซ่อก็ยังคิดว่าเขาคงกลับบ้านดึกด้วยซ้ำ

“พอดีคิดถึงครับ”