webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

171

บทที่ 171 Evil

โรคขี้ลืมของผู้ชมคือสิ่งสำคัญ ดาราและไอดอลในสมัยนี้ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด ถ้าเจียงเซ่ออยากจะมีจุดยืนที่มั่นคงจริงๆ เรื่องสายตาของผู้ชมคนมองก็ไม่ต้องพูดถึงเลย

เรื่องข่าวที่ออกมาในแต่ละครั้งยังไงเซี่ยเชาฉวินก็สามารถลงมือจัดการเองได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเจียงเซ่อก็ต้องมีผลงานที่โดดเด่นเอาไว้เสียบ้าง ข่าวที่ออกจะได้ดูดีและน่าชม และมันก็จะส่งให้เธอโดดเด่นขึ้นอีกในวงการ

“ตั้งแต่หนังเรื่องปฏิบัติการผู้พิทักษ์ของจางจิ้งอานและหนังอีกสามเรื่องหลัง ถึงมันจะเป็นหนังที่กู้เจียเอ่อหรือจะเป็นหนังของจ้าวร่างก็ตามแต่ มันก็เป็นคนบทตัวประกอบทั้งนั้น” แม้เรื่อง The Occasion of Beiping นั้นจะได้บทที่หนักเอาการ แต่ยังไงก็เป็นคนตัวประกอบอีกเหมือนกัน

เจียงเซ่อจะมารับเล่นบทตัวประกอบอย่างเดียวไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะง่ายต่อการที่คนดูจะมองว่าเธอเป็นได้เพียงตัวประกอบ และคิดว่าเธอคงมีความสามารถไม่พอที่จะเป็นนักแสดงหลักได้

“หนังสามเรื่องนี้ ต่างก็เป็นเรื่องที่ทางบริษัทพยายามไปเจรจาเอามาให้เธอ”

เจียงเซ่อเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู เซี่ยเชาฉวินนวดขมับตัวเองเบาๆ

“เธอลองดูให้ละเอียดล่ะ แล้วบอกฉันว่าจะเลือกเรื่องไหน”

ในบทหนังสามบทนี้มีเพียงสองเรื่องที่มีโครงเรื่องเหมือนกัน มันต่างก็เป็นเครื่องเกี่ยวกับความรัก เจียงเซ่อลองไล่ดูคร่าวๆ เนื้อเรื่องก็ถือว่าไม่เลวเลย และคนที่เขียนบทขึ้นมาก็ดูจะเป็นคนมีชื่อเสียงอีกด้วย และหนึ่งในสองเรื่องนี้ก็มีเรื่องที่กู้เจียเอ่อเป็นคนกำกับ

สำหรับการถ่ายหนังรักแล้ว กู้เจียเอ่อนี่และที่ชำนาญที่สุด ถ้ารับเล่นหนังของเขาแล้วละก็ ทั้งคนดู และยอดขาบัตรหนังก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอีก

หนังรักใช่ว่าต้องการฝีมือการแสดงอะไรมากมาย แต่ก็ง่ายที่จะโดนผู้ชมชมชอบ รูปร่างภายนอกของเจียงเซ่อดีอยู่แล้ว แสดงบทหนังแบบนี้มันก็ง่ายต่อการสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง

แต่เธอก็เกิดลังเลขึ้นมา ก่อนจะวางบทละครรักเหล่านั้นลง แล้วหยิบบทหนังเรื่องสุดท้ายขึ้นมาเปิดดู บทเอกสารเล่มนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘Evil’

เธอเปิดดูเนื้อเรื่องทันที เซี่ยเชาฉวินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ไปหยุดอะไรเธอ

ถ้าเทียบกับหนังรักอีกสองเรื่องที่เน้นให้เป็นหนังรักหวานแหววแล้ว บทหนังที่มีชื่อเรื่องว่า Evil นี้มันก็ดูมืดหม่นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

เนื้อเรื่องมันเริ่มขึ้นตรงที่คนเป็นแม่ได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวของตัวเอง

จางยวี่ฉินทำงานเป็นฝ่ายขายในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ในทุกๆ วันหล่อนจะต้องพบเจอกับลูกค้าที่หน้าไม่ซ้ำกันแต่ละคน ต้องคอยพูดโน้มน้าวและดึงดูดจนปากแทบจะหย่อนไปถึงเท้า แต่ทั้งหมดมันก็เพื่อจูจู ลูกสาวเพียงคนเดียวของหล่อนเอง

สามีของหล่อนเป็นพนักงานฝ่ายขายธรรมดาที่ถูกมรสุมชีวิตทำให้เขาไร้ซึ่งความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตอยู่ ได้เงินเดือนมาเพียงน้อยนิด เขาเกลียดสังคมที่ไม่ยุติธรรมกับเขา

เวลาเขาอยู่ข้างนอกก็ดูเป็นคนดีที่ก้มหน้ามีมารยาทและยิ้มแย้มให้กับทุกคนที่เจอ แต่พอเขากลับมาที่บ้าน เขากลับกลายเป็นคนที่มีนิสัยรุนแรงและฉุนเฉียวง่าย ทั้งๆ ที่ยังไม่ทำอะไรให้ก็มาหาเรื่องคนในครอบครัวเสียอย่างนั้น

ชีวิตที่ยากจน งานที่ไม่ราบรื่น สิบปีที่ทำงานเป็นพนักงานต๊อกต๋อยทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายและขยาด เขาหันไปหลงมัวเมาอยู่กับน้ำเมาที่เรียกว่าสุรา พอดื่มจนเมาไม่มีสติก็มาหาเรื่องด่าทอคนในบ้าน

ความหวังทั้งหมดของจางยวี่ฉินก็คือลูกสาว อีกทั้งที่ความรักระหว่างหล่อนและสามีมันก็จืดจางลงไปตั้งนานแล้ว หล่อนจึงมุ่งหวังที่จะเลี้ยงดูลูกสาวให้ดี แค่นี้ชีวิตก็พร้อมที่จะสู้และอยู่ต่อแล้ว

วันเวลาที่แสนน่าเบื่อ จนกระทั่งวันหนึ่งที่จูจูหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย วันนั้นคือวันที่หัวใจของหล่อนแตกสลาย

จางยวี่ฉินที่ลูกสาวหายตัวไปก็เริ่มคลุ้มคลั่งเอาแต่ตามหาร่องรอยของลูก ระหว่างที่สืบไปสืบมาหล่อนก็ได้รู้ว่าที่จริงลูกของตัวเองได้ถูกฆ่าไปตั้งนานแล้ว เรื่องที่แสนน่าหวาดกลัวแบบนี้ มันได้ทำลายความหวังในชีวิตของหล่อนจนไม่เหลืออะไรอีกเลย

และในหนังเรื่อง Evil ก็มีจางยวี่ฉินเป็นนางเอก

แต่นางเอกเรื่องนี้ไม่ได้เป็นบทที่สวยงาม ถึงแม้ว่าหล่อนจะมีรูปลักษณ์ที่ดูจะเป็นคนสวย แต่กลับโดนชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมลิดรอนไปจนแทบไม่เหลือ ถ้าให้คำนิยามสั้นๆ แล้วละก็ เจียงเซ่อก็มีภาพร่างในหัวเอาไว้ว่าคงจะเป็นหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่ง คิดได้แค่นั้น ก็รู้แล้วว่าคงไม่ใช่บทที่ต้องสวยเท่าไหร่นัก

“ฉันขอเตือนเธอนะ นางเอกของเรื่องนี้ มันไม่เหมือนกับบทหญิงสาวในฝันในเรื่อง 99 Love Letter เลยแม้แต่น้อย”

ท่าทางของเซี่ยเชาฉวินดูนิ่งขึ้นอีก เพราะหล่อนดูออกว่าเจียงเซ่อกำลังสนใจต่อบทหนังเรื่อง Evil นี่มากกว่าหนังรักอีกสองเรื่องเสียอีก

แต่ว่า สิ่งที่สำคัญของหนังรักอีกสองเรื่องนั้น ไม่ว่าจะเป็นนางเอกในเรื่องไหน เจียงเซ่อก็สามรถรับเล่นและไม่มีปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ

หรือแม้แต่กระทั่งแฟนคลับคนดูก็คงอยากจะดู หากเธอรับเล่นหนังรักแบบนี้ เพราะอย่างไรก็ขอแค่ให้เธอสวยพอที่จะตรงกับคาแรคเตอร์ในหนังแค่นั้นเอง

ในหนังสองเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเลือกเล่นเรื่องไหน สำหรับเจียงเซ่อก็ถือว่ามีประโยชน์และไม่มีอะไรน่าเสียหายเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเธอเลือกหนังเรื่อง Evil แล้วละก็ ก็คงต้องมีการเปรียบเทียบฝีมือการแสดงกันเสียหน่อย

เจียงเซ่อผินหน้าไป แล้วยิ้มให้เซี่ยเชาฉวิน

“พี่เชาฉวินก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ ว่าหนังเรื่องนี้ดูไม่เลวเลย?”

เซี่ยเชาฉวินไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่กำไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

“เรื่อง Evil ฉันเองก็ลองดูแล้ว เนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้ มันเป็นของนักเขียนหน้าใหม่ และถูกแก้ไขปรับเปลี่ยนมาถึงหกเจ็ดปีแล้ว แต่กลับต้องวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อหาคนมาลงทุน และกล่อมให้คนยอมรับ”

เซี่ยเชาชวินปรายตามองเจียงเซ่อที่นั่งถือบทนั่นอยู่ในมือ

“ทางบริษัทเพิ่งจะจ่ายเงินซื้อบทหนังมาและพร้อมที่จะลงทุนแล้ว” พอพูดถึงตรงนี้ หล่อนก็ยกยิ้มขึ้น

“เพราะเหมือนว่าทางเจียงหนานบันเทิงเองก็รู้จักกับผู้กำกับของเรื่องนี้ด้วยสิ”

เซี่ยเชาฉวินเป็นคนที่ไม่ยอมที่จะเสียเปรียบมาแต่ไหนแต่ไร เจียงหนานบันเทิงตั้งใจที่จะทำลายดาราของหล่อน และแน่นอนว่าหล่อนไม่ยอมให้เจียงหนานบันเทิงได้สมหวังแน่ๆ หล่อนถึงได้แย่งบทหนังเรื่อง Evil นี่มาไว้ในมือจนได้

และแน่นอนว่านี่เป็นการเอาคืนเจียงหนานบันเทิง แต่ถ้าให้พูดในมุมมองของธุรกิจแล้ว ลัวหยิ่นเองก็คิดว่าเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้มันไม่เลวเลย พอได้ราคาที่ชัดเจนมาแล้วถึงได้ลงมือซื้อมันมา

“ถ้าเธอต้องการที่จะเล่นบทนี้ งั้นเธอก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เสียหน่อย เพราะมันไม่มีอะไรที่ตรงกับตัวเธอเลยสักอย่าง”

คนที่ชื่อจางยวี่ฉินในหนังเป็นบทตัวละครที่ค่อนข้างซับซ้อนมากๆ หล่อนเอาแต่ปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปเหมือนดั่งคนตาย เพราะลูกสาวของหล่อนคือความหวังทั้งหมด แต่พอลูกสาวหายตัวไปและโดนฆาตกรรม จนทำให้หล่อนต้องสูญเสียจิตใจที่เคยตั้งมั่นจนสิ้น บทๆ นี้จะต้องเล่นให้ดีและตีบทให้แตก

แต่เจียงเซ่อยังเด็กเกินไป เธอเพิ่งจะอายุได้สิบแปดปีเท่านั้น แล้วจะมามีประสบการณ์และเข้าใจชีวิตรักที่มันล้มเหลวได้อย่างไรกัน ไม่เข้าใจทั้งการแต่งงาน ไม่รู้แม้กระทั่งชีวิตการมีครอบครัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกของเลือดเนื้อเชื้อไขเลย

เธอไม่เคยสูญเสีย ไม่เคยต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานที่แสนอดสู คงไม่มีทางที่จะมาแสดงความรู้สึกของตัวละครจางยวี่ฉินที่แสนซับซ้อนได้หรอก “ถ้าเธอแสดงได้ไม่ดีพอ มันก็จะย้อนกลับมาทำลายชื่อเสียงของเธอแทน เธอคิดถึงผลตอบรับที่จะออกมาบ้างหรือเปล่า?”

บทหนังที่ดี ก็ต้องมีนักแสดงที่ดีเช่นกัน ถึงจะสามารถขับให้หนังเรื่องนี้มันเด่นขึ้นมาได้ ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็คงจบกัน

แน่นอนว่าเจียงเซ่อรับบทแบบนี้ไม่ไหวหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะได้ผู้กำกับที่ดี หรือพระเอกที่ดี แต่ยังไงเธอก็ต้องดรอปลงแน่ๆ ถ้าไม่สามารถดำเนินตัวละครจางยวี่ฉินออกมาได้ดีพอ มันก็เหมือนกับเสียหนังเรื่องหนึ่งไปฟรีๆ

และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ถ้าเธอได้แสดงจริงละก็ ทั้งการที่ยังไม่มีฝีมือพอ ทั้งการที่ไม่สามารถสื่อความรู้สึกออกมาได้ จนไปถึงบัตรหนังที่อาจจะขายไม่ได้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ผู้ชมคนดูจะมาตำหนิและต่อว่าตัวเธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะถูกเรียกว่าเป็นจุดด่างของหนังเรื่องนี้แทน และถึงจะมีทุนมหาศาลมากองเอาไว้ แต่ก็คงยากที่จะช่วยเธอได้แล้ว

เซี่ยเชาฉวินเอนหลังพิงตัวกับพนักพิง แล้วรี่ตาพิจารณาเจียงเซ่อ

“เธอลองคิดดูดีๆ ก่อนแล้วค่อยมาบอกฉันเถอะ ว่าจะเอาอันไหน”

“พี่เชาฉวิน ฉันยังก็ยังอยากที่จะเลือกเรื่อง Evil อยู่ดีค่ะ”

แน่นอนว่าเจียงเซ่อเข้าในความหมายในคำพูดของเซี่ยเชาฉวินดี และเข้าในว่าผลตอบรับของการที่เธอเลือกหนังเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ระวังละก็ มันก็จะต้องส่งผลครั้งใหญ่กับตัวเธอเองแน่ๆ