บทที่ 170 หนังเรื่องใหม่
เจียงเซ่อไม่ได้พูดอะไร เธอเดินเล่นอีกนิดหน่อย พอเลือกซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็โทรออกหาโหวซีหลิ่งทันที บอกกับเขาว่าเธอจะไปเยี่ยมที่บ้าน และช่วงเย็นวันนั้นเธอก็ไม่ลืมที่จะถามถึงเรื่องที่หนังโดนถอนทุนออก โหวซีหลิ่งทำแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น
“หนูเองก็รู้แล้วหรือ”
โหวซีหลิ่งตอบกลับมาแค่นั้น แสดงว่าเรื่องนี้คงจะจริงแน่แล้ว
“ช่วงนี้หลินซีเหวินเองก็หัวเสียไม่น้อย เขาเอาแต่วิ่งวุ่นหาคนไปทั่ว วันนี้ฉันเองก็ไปที่บริษัทซ่างเจียมาเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ยังนั่งอยู่ในห้องประชุมและสั่งให้ทุกคนคิดแผนการออกมาให้ได้”
สีหน้าของโหวซีหลิ่งดูเป็นทุกข์อย่างมาก
หนังเรื่อง The Occasion of Beiping เป็นหนังที่เขาลงทุนลงแรงและให้ใจเอาไว้มาก อายุเขาก็มากแล้ว การที่จะมานั่งเขียนวรรณกรรมเหมือนอย่างแต่ก่อนก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป แต่ถ้าลองพิจารณาดูดีๆ แล้วละก็ เนื้อเรื่องของ The Occasion of Beiping มันเป็นบทประพันธ์ที่สื่อให้เห็นถึงประสบการณ์มากมายของเขาเลย
หนังเรื่องนี้จะได้ไปฉายบนหน้าจอหรือเปล่า ก็ยังไม่มีใครคาดเดาได้ แน่นอนว่าโหวซีหลิ่งเองก็กังวลอยู่เหมือนกัน ถ้าหากว่าหนังเรื่องนี้ไม่สามารถทำการถ่ายทำได้ต่อแล้วละก็ น้ำพักน้ำแรงของตัวเองที่ได้ทุ่มไปก็คงจะสูญเปล่าไปในทันที และเขาเองก็คงจะผิดหวังต่อตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน
“เรื่องที่ว่าหนังจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอก หลินซีเหวินเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เขาเองก็คงพยายามทำให้ถึงที่สุด และได้แต่รอฟังคำของสวรรค์แล้วล่ะนะ”
และเป็นเพราะเรื่องนี้ ภรรยาของโหวซีหลิ่งที่มักจะร่าเริงและสนุกสนานอยู่เสมอ วันนี้หล่อนเองก็ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่นัก เจียงเซ่ออยู่ทานมื้อเย็นที่บ้านโหว ตอนที่กำลังจะกลับ ชายหญิงชราคู่นั้นยังออกมายืนส่งเธออยู่ที่หน้าประตูบ้าน เธอหันกลับไปมอง ก็พบว่าโหวซีหลิ่งโบกมือให้เธออยู่ พอเขาเห็นว่าเธอหันมามอง ก็ยังยิ้มขึ้นด้วยความอบอุ่น
“รีบๆ กลับบ้านซะ อากาศหนาวนะ”
แสงไฟสลัวสีเหลืองนวลทอส่องลอดบานประตูที่ถูกเปิดออก เงาของสองสามีภรรยาทอดยาวเป็นคู่
ถ้าหากว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเฝิงหนานก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเป็นฝีมือของหล่อนจริงๆ ละก็
เจียงเซ่อหลับตาลง แล้วยกมือขึ้นกระชับผ้าพันคอของตัวเองให้ดี
เที่ยวบินของเซี่ยวเชาฉวินมาถึงที่ตี้ตูตอนสิบเอ็ดโมงยี่สิบ พอลงจากเครื่องแล้วก็ก็เข้าบริษัทเพื่อไปถามไถ่สถานการณ์ก่อนทันที
ตอนที่โม่อานฉีขับรถไปรับเธอออกมา สถานที่นัดเจอกันก็คือที่บ้านของเซี่ยเชาฉวินนั่นเอง
บ้านของเธอเป็นเหมือนบ้านพักตากอากาศที่อยู่ในแถบชานเมือง เจียงเซ่อเคยได้ยินเกี่ยวกับบ้านหลังนี้จากคุณแม่ก่อนที่เธอมาเกิดใหม่ มันเป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากที่เซี่ยเชาฉวินได้เข้าไปทำงานในซื่อจี้หยินเหอได้สามปีเท่านั้น และหล่อนก็ใช้น้ำพักน้ำแรงของตัวเองซื้อมันมา ตอนนั้นจำได้ว่าคุณนายเซี่ยออกปากชมด้วยท่าทางภูมิใจไม่น้อยเลย
ตอนที่เจียงเซ่อมาถึง เซี่ยเชาฉวินก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี ในมือของหล่อนถือผ้าขนหนูที่กำลังเช็ดผมไปด้วย
“นั่งสิ”
หล่อนชี้ไปที่โซฟา บนโต๊ะแผ่นเอกสารมากมายกระจัดกระจายอยู่บนนั้น ผู้ช่วยของเซี่เชาฉวินอย่างจางฉือก้มตัวลงเก็บเอกสารเหล่านั้นใส่ลงในซองเอกสารทันที ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องครัวและออกมาพร้อมกับกาแฟร้อนสองแก้ว
“พี่เซี่ยคะ เรื่องที่หัวโถวถอนทุนออกในครั้งนี้ บนอินเทอร์เน็ตเริ่มจะมีสื่อออกมาปล่อยข่าวแล้ว นี่มันไม่ดีและส่งผลกับเจียงเซ่อมากเลยนะคะ ใครจะพูดอะไรแบบไหนมีหมด”
ตอนที่โม่อานฉีพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ท่าทางของเธอก็ดูกังวลไม่น้อยเช่นกัน
พวกนักข่าวจมูกไวยิ่งกว่าสุนัข ขอแค่มีจุดต้นตอหรืออะไรน่าสงสัยเล็กน้อยๆ ก็สามารถเอาไปนั่งเทียนได้แล้ว และแอคเคาท์ต่างๆ ที่ลงชื่อว่าเป็นของเจียงเซ่อส่วนมากก็มีโม่อานฉีเป็นคนดูแล บนอินเทอร์เน็ต ทั้งคอมเม้นที่มาให้กำลังใจก็มี แต่ส่วนใหญ่ก็เหมือนจะออกแนวไปทางยุเสียมากกว่า
ก่อนหน้านี้ที่เจียงเซ่อมีเรื่องผิดใจกันกับจูพ่าน ถึงตอนนี้จูพ่านจะโดนเก็บและยกเลิกตารางงานทั้งหมดไปแล้ว แถมในงานเปิดกล้อง The Occasion of Beiping เองเธอก็ได้รับคำชื่นชมของแฟนคลับมามากมาย แต่ยังไงฐานของเธอก็ยังไม่แน่นพอ เหล่าชาวเน็ตที่ชอบเรื่องสนุกก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น ส่วนกลุ่มคนที่คอยเหยียบซ้ำก็มีมากมาย
แฟนคลับของจูพ่านที่หายไปก็เริ่มกลับมากันแล้ว ต่างก็รอที่จะหัวเราะสมน้ำหน้าทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ข่าวที่นักข่าวเขียนออกมาก็แทบจะมีหลักฐานทุกด้านแล้ว แถมยังมีคนถ่ายสีหน้าของหลินซีเหวินในตอนที่เขากำลังยืนคุยอยู่กับต่งหมิงเซิงได้อีกด้วย
การที่ต่งหมิงเซิงถอนทุนออก ก็เท่ากับว่ากองถ่าย The Occasion of Beiping กำลังจะมีงบไม่พอแล้ว และการถ่ายทำก็คงจะต้องหยุดไปด้วย และว่ากันว่าเหตุผลที่ต่งหมิงเซิงถอนทุนออก ก็เพราะเขาไม่พอใจที่บทโต้วโค่วตกเป็นของเจียงเซ่อนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือแบบไหน มันก็ไม่ดีต่อตัวเจียงเซ่อทั้งนั้น
“ข่าวมันเริ่มออกกันตั้งแต่เช้ามืดของวันนี้จนตอนนี่ก็ยังไม่หยุดเลยด้วยซ้ำ” โม่อานฉีที่เห็นว่าเซี่ยเชาฉวินบินกลับมา หล่อนก็เหมือนได้โล่งใจไปหนึ่งเรื่อง แต่ก็ยังไม่วางใจไปทั้งหมด
“หรือตอนนี้เราจะหาคนมาช่วยกดข่าวพวกนั้นลงก่อนดีล่ะคะ?”
“อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมสิ”
เซี่ยเชาฉวินส่งผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดผมให้ผู้ช่วยของตัวเอง ก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบ ตั้งแต่ที่ลงเครื่องมาจนถึงตอนนี้ มันก็ปาเข้าไปถึงเจ็ดแปดชั่วโมงได้แล้ว ตัวหล่อนเองก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคอ และยังไม่ได้ทานอะไรเลยด้วยซ้ำ หล่อนจึงหันไปสั่งให้จางฉือออกไปหากับข้าวกับปลาให้ตนเสียหน่อย ก่อนจะหันกลับมาคุยเหมือนเดิม
“เรื่องที่ต่งหมิงเซิงถอนทุนออกไปเป็นเรื่องจริง ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดหรอกนะ จะมากลบข่าวอะไรตอนนี้ ถ้าหากว่ามีคนจับได้อีกละก็ ถ้วยข้าวที่มันเย็นมันก็จะกลับมาร้อนอีกอยู่ดี”
อย่างนั้นคำเล่าลือต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตนั้นก็คือความจริงแล้ว โม่อานฉีดูกลุ้มกว่าเดิม
“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะคะ? เขาบอกว่าทุนของคนหัวโถวมีทุนที่มากที่สุดแล้วใน The Occasion of Beiping จำนวนมากถึงสองร้อยล้าน”
การที่ต่งหมิงเซิงมาถอนทุนออกแบบนี้ ยังไงก็ต้องส่งผลกระทบต่อการถ่ายทำหนัง The Occasion of Beiping แน่นอน
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เจียงเซ่อได้รู้เรื่องทั้งหมดมาจากโหวซีหลิ่งแล้ว ตอนนี้เธอก็เลยไม่ได้รู้สึกร้อนใจอะไรนัก และไม่ได้แสดงท่าทีกังวลเหมือนอย่างโม่อานฉีในตอนนี้ด้วย เซี่ยเชาฉวินมองเธอครู่หนึ่ง
“เรื่องเงินทุนไม่ต้องไปกังวลมัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะลองไปนัดทานอาหารกับพวกบริษัทลงทุนดูสักสองสามที่ แต่ถ้าไม่สำเร็จเลย” หล่อนยกมือขึ้นเสยผม แววตาคมเฉียวและแน่วแน่
“ฉันก็จะลองไปโน้มน้าวที่อื่นดูอีกที ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เหลือ เดี๋ยวฉันจะคิดหาวิธีเอง”
เธออยู่ในวงการนี้มานาน ทั้งคอนเนคชั่น และประสบการณ์ต่างๆ ที่สั่งสมมา หล่อนมั่นใจว่าตัวเองมีมากกว่าคนอื่นแน่นอน เรื่องเงินทุนเธอไม่ค่อยจะกังวลอะไรนัก ก็ถ้าที่เดียวมันได้ไม่ถึงสองร้อยล้าน ก็เพิ่มอีกสักที่สองที่จะเป็นไรไป
“แต่คำพูดพวกนี้ฉันเองก็ให้คำมั่นไม่ได้หรอกนะ”
ตั้งแต่ที่กลับมาจากต่างประเทศและได้ถูกเชิญให้เข้าไปทำงานในซื่อจี้หยินเหอ ได้เป็นผู้จัดกาดาราทั่วๆ ไปคนหนึ่ง ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปและผ่านประสบการณ์มามากมายจนได้มาอยู่ตรงจุดนี้ แล้วมีหรือที่สถานการณ์แบบนี้เซี่ยเชาฉวินจะไม่เคยได้เจอ?
ก็เหมือนอย่างที่หล่อนพาเถาเฉินเดินมาได้จนถึงทุกวันนี้เช่นกัน การที่จะได้เป็นดาราระดับหนึ่งของประเทศ ต่างก็ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงมา
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนอย่างทุกที ตอนที่เซี่ยเชาฉวินลงจากเครื่องหล่อนก็มุ่งตรงไปที่บริษัทเพื่อถามไถ่สถานการณ์อย่างละเอียด และได้รู้ว่าตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนนี้ คนของหัวโถวได้นัดเจอกับเจ้าของวิสาหกิจจงหนานที่สนามกอล์ฟหุยหลงวาน
และเจ้าของวิสาหกิจจงหนานก็คือเฝิงหนาน เซี่ยเชาฉวินจำได้ว่าหล่อนเป็นลูกของเพื่อนสนิทแม่ และหล่อนเองก็เคยได้เจอกับเฝิงหนานแล้วด้วย
ได้ยินมาว่าเฝิงหนานคนนี้ต้องการที่จะเข้าวงการบันเทิง และความทะเยอทะยานของหล่อนก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน หล่อนได้เจอกับจ้าวจวินฮั่นที่เป็นทายาทคนต่อไปของเจียงหัวกรุ๊ป หลังจากที่เจอกันก็ตกลงในความสัมพันธ์ทันที และได้สร้างเจียงหนานบันเทิงขึ้นมาอีกด้วย คนที่มีสิทธิ์อำนาจในบริษัทนี้ก็คือเฝิงหนานเอง และคนที่เป็นตัวลงทุนก็คือจ้าวจวินฮั่นนั่นเอง และยังได้ข่าวมาว่าเขาได้ลงทุนในหนังเรื่องปฏิบัติการผู้พิทักษ์อีกต่างหาก และยังได้ไปลงทุนเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงดูมีมาดไม่น้อย
ที่จริงในแต่ละปีก็ใช่ว่าจะไม่มีพวกคุณหนูเศรษฐีรวยๆ อยากจะลงเข้าวงการบันเทิงแบบนี้หรอกนะ และการที่เฝิงหนานจะทำแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือวิธีการลงทุนของเธอต่างหาก ทำไมถึงต้องตั้งใจไปคบค้าสมาคมกับต่งหมิงเซิง และนั่นมันก็ทำให้เซี่ยเชาฉวินรู้สึกทนไม่ไหว
หล่อนเพิ่งจะรับเจียงเซ่อเข้ามาเป็นดาราภายใต้การดูแลของตัวเอง เอาเหตุผลมาพูดถึงความรู้สึกไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้เจียงเซ่อเป็นดาราในสังกัดของเธอ และการที่เจียงหนานบันเทิงมาหักหน้าเจียงเซ่อแบบนี้ มันก็มองได้ชัดว่าต้องการที่จะเป็นศัตรูกัน
“เรื่องพวกนี้ฉันจะเป็นคนจัดการเอง” พอเซี่ยเชาฉวินตอบกลับไปอย่างง่ายๆ ก็ทำให้ความร้อนใจของโม่อานฉีสงบลงทันที
“ก่อนอื่นตอนนี้ฉันได้บทละครมาสามเรื่อง เธอก็ลองเลือกสักเรื่อง”
หล่อนเอียงตัวไปรับเอกสารจากจางฉือที่เตรียมไว้ให้ แล้วโยนลงมาตรงหน้าเจียงเซ่อ
“ตอนนี้ชื่อเสียงของเธอยังไม่มั่นคงพอ หลังจากที่เล่น The Occasion of Beiping ไปแล้ว จะปล่อยให้เวลามันว่างเกินไปไม่ได้เด็ดขาด”