webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

169

บทที่ 169 บดขยี้

ต่งหมิงเซิงก็ยังรู้สึกกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะว่าบท ‘โต้วโค่ว’ ในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เป็นบทที่ค่อนข้างหนัก และถือว่าเป็นบทประกอบที่สำคัญอีกบท แต่บุคลิกท่าทางของของเจียงเซ่อมันแตกต่างกับ ‘โต้วโค่ว’ โดยสิ้นเชิง ทางหัวโถวก็เลยรู้สึกกังวลว่าในอนาคต เมื่อหนังเข้าโรงแล้วอาจจะไม่มีใครอยากจะซื้อบัตรเข้าไปดูก็ได้ คิดไปคิดมา เลยได้คำตอบว่าขอถอนทุนทั้งหมดออก

เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ตรงหน้าของหลินซีเหวินมีแค่สองตัวเลือกเท่านั้น คือหนึ่ง ถอดเจียงเซ่อออก แล้วหาคนใหม่มาเล่นแทน หรืออย่างที่สอง ปล่อยให้หัวโถวเขาถอนทุนไป แล้วตัวเองก็ค่อยไปหาแหล่งเงินทุนใหม่

แต่เรื่องการถ่ายทำก็ได้เตรียมการมาถึงจนทุกวันนี้แล้ว และได้ใช้เวลากว่าสองปีในการเตรียมพร้อมทีมงาน ดังนั้นเงินทุนที่ได้มาก็ใช่จ่ายไปไม่น้อย แล้วเงินมหาศาลขนาดนั้นจะเอาที่ไหนไปคืน แล้วดาราที่จะหาใหม่จะไปหาได้จากที่ไหนอีก?

ก่อนที่จะมีงานเปิดกล้องขึ้น เขายังดีใจอยู่เลยด้วยซ้ำที่เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญาเป็นดาราในความดูแลของเซี่ยเชาฉวิน แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเจ็บใจไปหมด

ในบริษัทซ่างเจีย ตัวหลินซีเหวินรู้สึกนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว แล้ววันทั้งวันก็ต้องสั่งให้ลูกน้องนั่งทำโอทีเพิ่มเพราะเรื่องพวกนี้ เพื่อที่จะช่วยกันระดมความคิดว่าจะทำอย่างไรให้ต่งหมิงเซิงเปลี่ยนใจกลับมาลงทุนเหมือนเดิม

แล้วในงานเปิดกล้องคืนนั้น สื่อต่างๆ ก็ได้ลงเนื้อหาที่สัมภาษณ์ไปหมดแล้ว วันนั้นเจียงเซ่อพูดออกไปว่าตัวเองมีแฟนหนุ่มแล้ว ถึงมันจะทำให้แฟนบอยในอินเทอร์เน็ตต่างๆ รู้สึกเสียดายกันไม่น้อย แต่ก็เหมือนว่าจะได้รับการชื่นชอบจากแฟนคลับสาวๆ มากขึ้น

ในอินเทอร์เน็ตต่างก็พากันบอกว่าเธอหน้าตาและบุคลิกดี และไม่เคยทำอะไรที่ดูไม่ดี ทำให้มีคนเริ่มชอบเธอมากขึ้น และจำนวนแฟนคลับก็มีไม่น้อยแล้วเช่นกัน

โม่อานฉีได้สร้างแอคเค้าท์ทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คเอาไว้ให้เธอ และตอนนี้ยอดคนติดตามก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย ถึงยอดคนติดตามมันจะไม่ได้มากเหมือนกับดาราไอดอลคนอื่นๆ แต่แฟนคลับเหล่านั้นก็คอยส่งคอมเม้นข้อความต่างๆ มาหาเธอเสมอ และล้วนแล้วเป็นด้านบวกทั้งนั้น

เป้าหมายคือจะไม่ฟันผุ : ในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าดาราจะกินข้าวจะดื่มน้ำ จนไปถึงแม้กระทั่งจะผายลมก็ยังต้องกลายเป็นข่าวไปหมด แต่ก็ไม่คิดว่าจะยังมีดาราที่กล้าพูดความจริงออกมาแบบนี้

ท่องเที่ยวไปทั่วโลก : หญิงสาวในฝันของฉันโต้ตอบนักข่าวได้ดีมากอ่ะ เขาเรียกว่ามวยถูกคู่ ใจกล้าสุดๆ!

เป็นวงกลมๆ : ใจกล้าสุดๆ +1

ลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านมา : จู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกชอบดาราใหม่คนนี้ขึ้นมาแล้วสิ ว่าแต่มีใครรู้บ้างไหม ว่าแฟนหนุ่มผู้แสนร่ำรวยของเจียงเซ่อเขาเป็นใครกัน?

และแน่นอนว่าเผยอี้ก็ให้ความสนใจกับแอคเค้าท์ต่างๆ ของเจียงเซ่อมาตั้งแต่เปิดแล้ว พอไล่อ่านพวกเม้นดู แม้แต่ตอนกินข้าวเขาก็ยังเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่วันนั้นที่เจียงเซ่อตกลงเป็นแฟน เขาก็ไม่เคยรู้สึกเบิกบานและอุ่นใจขนาดนี้มาก่อนเลย การที่เธอพูดโต้ตอบเพื่อปกป้องเขาด้วยตัวเองแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีใจมากๆ

ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยได้สอบเสร็จและปิดภาคเรียนแล้ว เจียงเซ่อนึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนโหวซีหลิ่งเชิญให้เธอไปเยี่ยมเยียนที่บ้านเขาอีก จึงไปเดินดูที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อหาของขวัญสักชิ้นติดมือไปด้วย

เทศกาลชุนเจี๋ย(เทศกาลตรุษจีน เป็นปีใหม่ของจีน)อยู่ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ พอลองคำนวนเวลาดูแล้ว ตอนนั้นเธอน่าจะกำลังถ่ายหนังอยู่แน่ๆ เธอจึงคิดว่าจะไปสวัสดีปีใหม่ภรรยาของโหวซีหลิ่งและฉางยวี่หูล่วงหน้าเอาไว้

ภายในห้าง เผยอี้เดินจับมือเธอ และเดินเล่นไปกับเธอไปรอบๆ ทั้งสองคนรูปร่างสูงเหมาะสมกันมากๆ ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของใครหลายๆ คน

มีบางคนจำเจียงเซ่อได้ก็รีบยกมือถือขึ้นมาถ่ายจากที่ไกลๆ ทันที ขอแค่ไม่มีคนมาทำให้เกิดผลกระทบต่อเราสองคน เจียงเซ่อก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก และเดินซื้อของกับเผยอี้ต่อ

“คุณย่าเผยชอบรองเท้าทำมือของฟางหัวมากๆ แต่คราวนี้ป้าหลันจะให้ชุดเครื่องประดับไข่มุกของ kt ให้คุณย่าล่ะ”

พอเธอลองคำนวณดูแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าขึ้นมา เงินที่เธอมีอยู่มันมีไม่มากนัก พอจ่ายเงินค่าของขวัญเหล่านี้ไปแล้ว มือมันก็กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว เผยอี้ยื่นมือมาจัดปกคอเสื้อให้เธอ พอกำลังจะพูดอะไร มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา

เผยอี้ปล่อยให้เธอรับโทรศัพท์ก่อน และบนหน้าจอนั่นก็ขึ้นชื่อว่าเซี่ยเชาฉวินโทรเข้ามา

“เธอไปทำอะไรให้คนของเจียงหัวกรุ๊ปเขาไม่พอใจรึเปล่า”

น้ำเสียงของเซี่ยเชาฉวินเรียบนิ่ง น้ำเสียงที่เหมือนไม่ยินดียินร้ายนั่นกำลังถามเธอ

“เปล่าค่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

เจียงเซ่อขมวดคิ้ว การที่เซี่ยเชาฉวินถามแบบนี้ มันจะต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นแน่ๆ

เมื่อไม่กี่วันก่อนหล่อนเพิ่งจะบินกลับไปที่สเปน จากนิสัยของหล่อนแล้ว ถ้าเกิดมันไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ เธอก็คงจะไม่มีทางโทรศัพท์ข้ามน้ำข้ามทวีปมาเพื่อล้อเล่นกับเธอแบบนี้แน่ๆ

เสียงจากทางฝั่งหล่อนดูจะวุ่นวายไม่น้อย คงจะอยู่ในฉากที่กำลังจะถ่ายหนังกันสินะ เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ตลอดเวลาเลย หล่อนเอามือป้องลำโพงเอาไว้ แล้วเดินออกมาจากจุดนั้นอีกสองก้าว รอบๆ ข้างจึงเบาลงแล้ว และเซี่ยเชาฉวินก็พูดต่อทันที

“ดูเหมือนว่าช่วงนี้ต่งหมิงเซิงของหัวโถวสนิมสนมกับคนของเจียงหนานบันเทิง และวางแผนว่าจะสร้างหนังใหม่ขึ้นมา และเงินที่เขาจะเอาไปลงทุนใหม่ ก็คือเงินที่จะถอนออกมาจากหนังของหลินซีเหวิน”

หล่อนพูดถึงตรงนี้ ก็เงียบไป

“แต่เจียงหนานบันเทิง เหมือนจะเป็นบริษัทลูกของเจียงหัวกรุ๊ปและวิสาหกิจจงหนาน และเหมือนพวกเขากำลังจะเกี่ยวดองกันแล้วด้วย”

เซี่ยเชาฉวินเองก็ไม่ได้อยากจะอธิบายอะไรมาก เรื่องของวิสาหกิจจงหนานและเจียงหัวกรุ๊ป ตอนที่เธอกลับไปที่ฮ่องกงก็พอจะได้ยินมาจากคุณแม่อยู่บ้าง แถมบอกว่าแม่ของหญิงสาวที่จะแต่งงานก็คือเพื่อนของแม่หล่อนเอง

ตอนที่อยู่ในงานเปิดกล้อง ‘The Occasion of Beiping’ โม่อานฉีก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าเหมือนจะมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล ก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้หล่อนฟัง เซี่ยเชาฉวินเองก็จับตามองมาโดยตลอด

หล่อนรู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในอะไรแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ต่างประเทศ ถึงจะสงสัยว่าทำไมเจียงหนานบันเทิงถึงได้มุ่งร้ายต่อเจียงเซ่อแต่หล่อนก็ทำได้แค่สงสัยต่อไป

“จาง”

เสียงเหมือนเซี่ยเชาฉวินเรียกใครบางคนมาจากปลายสาย สั่งกำชับออกไป ก่อนจะกลับมาสั่งกับเจียงเซ่อด้วย

“ฉันจองตั๋วกลับประเทศตอนเย็นนี้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกัน”

“พี่เชาฉวินจะกลับมางั้นหรือคะ?”

เจียงเซ่อถามออกไป ปลายสายอย่างเซี่ยเชาฉวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ ‘อืม’ กลับมาแค่คำเดียว คงจะเป็นเพราะเมื่อกี้ที่เผลอเรียกชื่อออกไป

เถาเฉินที่ยังอยู่เมืองนอกก็ยังต้องถ่ายงานต่อไป พอพูดจบ เซี่ยเชาฉวินก็ตัดสายไปทันที

เผยอี้ที่ยืนฟังอยู่ตั้งแต่ต้น และเห็นว่าสีหน้าเธอไม่ค่อยดีนัก จึงถามออกไป

“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

“เธอบอกว่า ‘The Occasion of Beiping’ถูกถอนทุนออก”

เจียงเซ่อพูดถึงตรงนี้ แล้วขบริมฝีปากตัวเองแน่น

“แล้วเงินทุนที่บริษัทการลงทุนหัวเซี่ยลงทุนไปกับ ‘The Occasion of Beiping’ก็จะย้ายไปลงทุนกับหนี่งในโครงการของจ้างจวินฮั่นแทน”

พอเธอพูดถึงจ้าวจวินฮั่นขึ้นมา พอเผยอี้ได้ยินชื่อของมันหลุดออกมาจากปากของเธอแล้วก็เกิดหึงขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่เขาก็ยังดึงสติกลับมาได้และรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ

“พี่สงสัย ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับ ‘เฝิงหนาน’ ใช่ไหม?”

เจียงเซ่อตอบกลับทันที “ไม่ใช่สงสัย แต่แน่ใจเลยต่างหาก”

คนอย่างเซี่ยเชาฉวินไม่ใช่คนพูดไปเรื่อย เรื่องที่หล่อนพูดออกมา ต่างก็ไม่อ้อมค้อมและเข้าสู่ประเด็นหลักทันที “พี่เชาฉวินถามฉันว่า ฉันไปทำอะไรให้จ้าวจวินฮั่นไม่พอใจรึเปล่า”

เธอก็เลยแน่ใจว่าเรื่องนี้มันจะต้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอด้วยแน่ๆ

การที่คนของบริษัทการลงทุนแห่งหัวเซี่ยมาถอนทุนไปกลางคันแบบนี้ แน่นอนว่ามันต้องส่งผลกระทบต่อตัวหนังแน่ๆ หรืออาจจะทำให้หนังของหลินซีเหวินต้องล่มไปก่อนที่จะได้ถ่ายทำไปเลยด้วยซ้ำ และต่อไปถ้าเจียงเซ่อจะรับงานอะไรก็คงยาก

เผยอี้โอบไหล่เธอเข้ามา แล้วยิ้มขึ้น

“ถ้ามันอยากจะถอนออกก็ให้ถอนไป ขาดเหลือเท่าไหร่ ผมจะเป็นคนลงทุนต่อเอง”

เขามีหุ้นจากธุรกิจของแม่อยู่ไม่น้อย แถมแต่ละปีได้ส่วนปันผลกำไรมาตั้งเท่าไหร่เขาก็แทบจะไม่เคยไปสนใจ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่ดูแลเรื่องการเงินไป

แต่ถ้าหนังของหลินซีเหวินจะต้องโดนถอนทุนออก ถ้ามันขาดเหลืออย่างไร เขาก็เต็มใจที่จะช่วย