webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

168

บทที่ 168 เรื่องที่ดี?

เจียงเซ่อเปิดเผยเรื่องของตัวออกมาอย่างตรงไปตรงมา ทำให้นักข่าวหลายคนต้องกัดฟันอย่างเจ็บใจ ข้อมูลนี่มันได้มาง่ายเกินไปแล้ว ยังไม่ทันจะได้ลงมืออะไรเลย และยังไม่ทันที่จะได้พูดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

นักข่าวสาวที่ตั้งใจที่จะแกล้งเธอโดนถามตอกกลับมาเสียอย่างนั้น สีหน้าของหล่อนดูอึดอัดเป็นอย่างมาก

ติงหรูขบริมฝีปากตัวเองแน่น แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มออกมา มือข้างที่ถือเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้ก็ส่งไปให้กับเด็กสาวมัดผมหางม้าอีกคน แต่เหมือนว่าหล่อนคงจะลนไปหน่อย และเด็กสาวคนนั้นก็เหมือนจะยังตะลึงเหม่ออยู่ จึงไม่ทันได้คว้าเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้ได้ทัน ‘ตึก’ เครื่องบันทึกเสียงตกลงกับพื้นทันที

โชคดีที่พื้นของโรงแรมถูกปูด้วยพรมหนา เครื่องบันทึกเสียงที่ตกลงไปจึงไม่แตกไปเสียก่อน แต่ว่าติงหรูก็ยังคงจ้องเด็กสาวหางม้านั่นเขม็ง ทำให้เด็กสาวคนนั้นหน้าขึ้นสีก่อนจะรีบก้มลงไปหยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมา

แต่ท่าทางเล็กน้อยๆ แบบนั้นมันก็ไม่ได้เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ ในห้องจัดงานนี้นัก เพราะทุกคนมัวแต่รีบจดสิ่งที่เจียงเซ่อเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อครู่นี้อยู่ จนผ่านหัวข้อนี้ไปแล้ว หลายคนก็มีท่าทีที่อยากจะเปลี่ยนหัวการสนทนาในครั้งนี้แล้ว และย้อนกลับมาที่เรื่องหนังเหมือนเดิม

และตอนนี้ทั้งฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเสียน พระนางตัวหลักของหนังเรื่องนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์บ้างเสียที และบรรยากาศในงานเปิดกล้องหนังก็เริ่มกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง

เวลาสองชั่วโมงของงานเปิดกล้องผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในตอนสุดท้ายของงาน หลินซีเหวินก็ยังได้เชิญให้โหวซีหลิ่งขึ้นมาเป็นพูดสรุปอีกด้วย

จนกระทั่งงานจบลงจริงๆ แล้ว ก็ได้เวลาบุฟเฟ่อาหารที่ทางทีมงานเตรียมเอาไว้ให้

โม่อานฉียืนมองเจียงเซ่อจากที่ไกลๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไล่ตามจับเหล่าช่างภาพที่แกล้งถ่ายเจียงเซ่อในมุมที่ไม่ดีเอาไว้ และสั่งให้ลบภาพเหล่านั้นออกเรียบร้อย

แล้วหล่อนก็นึกถึงเรื่องที่เจียงเซ่อพูดออกไปก่อนหน้านี้ เกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังไงก็ลองให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปก่อนแล้วกัน

คำพูดทุกๆ คำของดารา พอไปอยู่ในเงื้อมือของเหล่านักข่าว คำพูดเหล่านั้นก็จะยิ่งมีความหมายมากขึ้นไปอีก เรื่องที่จะปล่อยให้ข่าวมันออกไปดีไหมมันไม่เท่าไหร่ แต่รูปแบบการปล่อยข่าวต่างหากที่ต้องจัดการให้ดี และต้องดูว่ากระแสจะออกมาในรูปแบบไหนแค่นั้นเอง

ในงานเปิดกล้อง เหล่าสื่อมวลชนทั้งหลายจะได้โอกาสในการสัมภาษณ์และตามถ่ายรูปรายคนได้ในระยะเวลาสั้นๆ จนกระทั่งมาถึงสำนักข่าวหลงสิง เป็นเพราะว่านักข่าวสาวคนนั้นยังเป็นแค่นักข่าวใหม่ ดังนั้นหล่อนจึงยังไม่มีโอกาสที่จะได้สัมภาษณ์ดาราดังอย่างฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซียน หล่อนยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เลือกที่จะเดินไปหาเจียงเซ่อ พร้อมกับเรียกเธอขึ้นเบาๆ

“คุณเจียงคะ ดิฉันขออนุญาตสัมภาษณ์คุณได้ไหมคะ?”

บทหน้าอกของหล่อนนอกจากจะมีป้ายชื่อติดเอาไว้แล้ว ก็ยังมีอีกป้ายติดเอาไว้ว่าฝึกงานอีกด้วย และหล่อนก็คือเด็กสาวที่มากับนักข่าวที่จงใจหาเรื่องให้เจียงเซ่อคนนั้นนั่นเอง และโม่อานฉีเองก็ไม่ชอบสำนักข่าวหลงสิงอะไรนี่ไปแล้วด้วย

พอได้ยินหล่อนขอขึ้นมาแบบนั้น โม่อานฉีที่กำลังจะปฏิเสธิก็ต้องชะงักไป เพราะเจียงเซ่อดันตอบว่า

“ได้ค่ะ”

ที่จริงมันก็เป็นแค่คำถามพื้นฐานทั่วๆ ไปเท่านั้น ภายใต้งานที่แสนคึกคักแบบนี้ คำถามและคำตอบที่ได้มาแต่ละอย่างก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะเอาไปลงข่าวได้ไหม แต่นักข่าวฝึกหัดที่ชื่อเถาเถาคนนี้ก็ตั้งใจสัมภาษณ์เธอเป็นอย่างมาก หล่อนถามถึงเรื่องที่เจียงเซ่อรับเล่นหนัง The Occasion Of Beiping และถามถึงความคิดเห็นและความเข้าใจในตัวบทโต้วโค่วที่เธอเล่น และพอเจียงเซ่อตอบคำถามจนครบ หล่อนก็ยังโค้งขอบคุณเจียงเซ่ออย่างจริงใจ

“ที่จริงไม่ต้องไปสนใจเลยก็ได้” โม่อานฉีนึกถึงคำถามของนักข่าวที่ชื่อติงหรูนั่นขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะโมโห

“เรื่องใหญ่มันจัดการง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ บางทีมันก็ยากที่จะควบคุม”

พวกสำนักข่าวแบบนี้ พวกเจ้าของก็เหมือนว่าคุยด้วยง่ายหน่อย กลับกัน พวกนักข่าวที่อยากจะได้ข่าวไปเขียนขึ้นหน้าหนึ่งแบบนั้น พวกเขาก็จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ข่าวมา

เจียงเซ่อส่ายหน้า “แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะค่ะ”

สิ่งที่ทำให้เธอสนใจมากกว่า ก็คือคนที่กำลังถือแก้วเหล้าอยู่ในมืออย่างหลินซีเหวินที่กำลังยืนพูดคุยอยู่กับนักลงทุนทั้งหลายมากกว่า

สีหน้าของหลอนซีเหวินไม่ค่อยดีนัก ถึงบนใบหน้าจะมีรอยยิ้มอยู่ แต่ในใจเหมือนว่าจะร้อนใจไม่น้อย เพราะเขาไม่ได้ดื่มเหล้าที่อยู่ในมือเลยแม้แค่จิบเดียว ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ และบังเอิญก็หันมามองทางเจียงเซ่อพอดีด้วย

นักลงทุนที่กำลังยืนคุยอยู่กับเขาก็หันมามองเช่นกัน พอรู้ว่าเจียงเซ่อเองก็กำลังให้ความสนใจ นักลงทุนคนนั้นก็ให้สัญญาณทักทายด้วยการยกหมุนแก้วเหล้ามาทางเธอ

“คนๆ นั้นเป็นคนของหัวโถว”

โม่อานฉีเดินมาข้างๆ เจียงเซ่อ แล้วอธิบายเสียงเบา

“เห็นว่าการลงทุนรอบแรกของหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ได้มาถึงสองร้อยล้านหก และเป็นของคนหัวโถวไปกว่าแปดส่วนแล้ว

‘หัวโถว’ที่หล่อนพูดถึง ชื่อเต็มของมันคือบริษัทการลงทุนแห่งหัวเซี่ยจำกัดนั่นเอง ตัวแทนตามกฎหมายคือต่งหมิงเซิง และเหมือนว่าจะสนิทสนมกับหลินซีเหวินมากด้วย

น้อยนักที่หนังของหลินซีเหวินจะขาดทุนหรือไม่สามารถเรียกกำไรกลับมาได้ หนังของเขาอาจจะไม่ได้เป็นที่ร่ำลือของคนทั่วไปนัก แต่การวางแผนการตลาดก็ดีไม่น้อย และเขาเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเหล่าเจ้าของโรงภาพยนตร์ต่างๆ ด้วย รอบการฉายหนังก็ถือว่าทำเป้าได้อย่างมาตรฐาน คนดูที่ได้ดูหนังของเขาก็มีทั้งด่าทั้งชมควบคู่กันไป แต่เหมือนยิ่งด่าก็ยิ่งดัง ดังนั้นเงินที่ได้จากการขายบัตรหนังก็ถือว่าได้กำไรไม่น้อยเหมือนกัน

การลงทุนกับวงการหนังภาพยนตร์ถือเป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงมากๆ คนที่ยอมเสี่ยงเอาทุนมหาศาลมาลงเอาไว้ ก็อาจจะกลายเป็นว่าล้มละลายหรือขาดทุนมหาศาลไปเลย

ยังไงซะ ระยะเวลาที่หนังเข้าฉายในโรงมันก็แค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ผลตอบรับที่จะได้นั้นมาไว และดูได้จากยอดการขายบัตรนั่นเอง

หนังของหลินซีเหวินน้อยครั้งที่จะทำกำไรได้มหาศาล แต่ถ้าเป็นผลกำไรเล็กๆ น้อยมันก็ยังน่าเก็บไว้อยู่ แต่ทว่าตอนที่เขาสองคนกำลังคุยกัน สีหน้าของหลินซีเหวินก็ดูไม่ค่อยดีนัก “หรือว่าคนของหัวโถวจะถอนทุนออก?”

โม่อานฉีพูดขึ้นเสียงเบา แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้

เพราะยังไงงานเปิดกล้องก็ได้ถูกจัดขึ้นมาแล้ว การที่เดินมาถึงจุดๆ นี้ จู่ๆ คนของหัวโถวก็จะมาถอนเงินทุนออกกลางคัน แน่นอนว่ามันจะต้องส่งผลกระทบต่อตัวหนังมากแน่ๆ และแน่นอนว่าจะต้องดึงดูดให้ฟีดแบคที่ไม่ดีมาสมทบด้วย แบบนั้นถึงหนังจะยังไม่ทันได้เข้าฉาย ก็ได้เห็นลางโดนวิจารณ์แน่แล้ว และมันก็จะกระทบต่อการเข้าฉายรอบแรกด้วย

ถ้าพูดกันตามเหตุผล การที่หลินซีเหวินที่เป็นเพื่อนสนิทของต่งหมิงเซิงแบบนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น

แต่รอยยิ้มของหลินซีเหวินก็ดูจะฝืนเกินไปหน่อย จนมันกลายเป็นที่สังเกตของเหล่านักข่าวขึ้นมา

ตอนที่ออกมาจากโรงแรม โม่อานฉีตัดสินใจไปส่งเจียงเซ่อก่อน แล้วตัวเองก็กลับมาหาความจริงของเรื่องนี้เสียหน่อย

แต่ว่า คอนเนคชั่นของโม่อานฉีมันยังอยู่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น ในประเทศของตัวเองยังมีไม่มากพอ ดังนั้นเธอจึงสืบอะไรไม่ได้สักอย่าง จนสุดท้ายก็ต้องยอมรายงานเรื่องนี้กับเซี่ยเชาฉวิน

ตอนนี้หลินซีเหวินกำลังรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก หลังจากที่ตัวเองปลีกตัวออกมาจากงานเปิดกล้องหนังของตัวเองแล้ว จู่ๆ คนของบริษัทการลงทุนแห่งหัวเซี่ยก็มาบอกว่าจะถอนทุนออกเสียอย่างนั้น

ผลกระทบจากการลงทุนถือเป็นเรื่องที่เสี่ยง ถ้ามองในมุมมองของพวกเขาแล้ว เจียงเซ่อยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่เธอเล่น แต่หนังที่เธอเคยได้แสดงมา ต่างก็ไม่ใช่บทที่สามารถแสดงฝีมือของเธอออกมาได้ ถึงตอนนี้เธอจะมีข่าวไม่ดีกับจูพ่านจนมีชื่อเสียงขึ้นมาและกลายเป็นที่รู้จัก แต่เธอก็ยังไม่มีแรงดึงดูดอะไรที่จะทำให้คนอยากจะซื้อบัตรหนังเพื่อเข้าไปดู และนี่มันก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่

จริงๆ มันก็เกี่ยวกับที่เธอมีข่าวกับจู่พ่านด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายชนะ แต่กระทบของการขายบัตรหนังของผู้กำกับจ้าวร่างมันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย นอกจากยอดขายบัตรที่เพิ่งจะเพิ่มขึ้นไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ระยะเวลาการฉายหนังมันก็ใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว และสุดท้ายยอดขายบัตรกลับไม่ได้แปดร้อยห้าสิบล้านตามที่คาดหวังเอาไว้ และพอเทียบกับตอนที่หนังเพิ่งจะเข้าฉาย พูดได้เลยว่ามันกลายเป็นเรื่องตลกร้ายไปเลย จนตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่ววงการบันเทิง