บทที่ 166 คำถาม
“เซ่อเซ่อ” เจียงเซ่อเพิ่งจะแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ ก็ได้เจอกับหลินซีเหวิน เขาเรียกเธอไว้
และคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินซีเหวินก็คือจ้าวจวินฮั่น ถ้าพูดถึงสำหรับเจียงเซ่อแล้ว จริงๆ เธอก็ยังไม่ค่อยจะรู้จักจ้าวจวินฮั่นดีนัก ทั้งสองคนมากสุดก็แค่ทานข้าวด้วยกันครั้งหนึ่ง และต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ถึงแม้ว่าตอนนั้นตระกูลเฝิงจะมีแผนการที่จะให้เธอแต่งงานกับเขา แต่ยังไม่ทันจะได้ทำสำเร็จ เธอก็ดันได้มาเกิดใหม่เสียก่อน พอได้มาเจอจ้าวจวินฮั่นอีกครั้ง เจียงเซ่อจึงไม่ได้เผยความแปลกใจหรือตกใจอะไรออกมาเลยสักนิด
เขาเป็นถึงทายาทคนต่อไปที่จะรับช่วงต่อกิจการเจียงหัวกรุ๊ป และในธุรกิจการโรงแรมแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนพยายามตีสนิทกับจ้าวจวินฮั่นกันบ้าง เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม สูงประมานร้อยแปดสิบ รูปร่างดูมีพละกำลังพอสมควร
ข้างกายเขามีผู้ช่วยติดสอยห้อยตามาด้วยสองคน เป็นหญิงหนึ่งชายหนึ่ง เขากำลังยืนพูดคุยอยู่กับเจ้าของบริษัทซ่างเจียอย่างหลินซีเหวิน หลินซีเหวินเองก็ได้พานักแสดงหลักของหนังทั้งสองคนมาด้วย พอได้ยินหลินซีเหวินทักขึ้นมา เขาก็หันมามองที่เธอ เพียงแค่เห็นก็ต้องตกตะลึงไป ปลายลิ้นดันกระพุ้งแก้มและยกยิ้มขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ที่เจียงเซ่อไปออกรายการคนดังนั่งคุย จ้าวจวินฮั่นเองก็ได้เห็นเจียงเซ่อในรายการนั้นแล้ว และได้รู้ว่าเธอเป็นดาราหน้าใหม่ อายุยังเรียนอยู่มหา’ลัยปีหนึ่งเท่านั้น
ตอนที่เห็นในทีวีก็คิดว่าเธอสวยมากแล้ว แต่ถ้ามันเป็นแค่แบบนั้นก็ว่าไปอย่าง ตั้งแต่ที่จ้าวจวินฮั่นเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ข้างกายของเขาก็ไม่เคยขาดผู้หญิงสวยๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาจำเจียงเซ่อได้ นั่นก็เพราะคู่หมั้นอย่างเฝิงหนานนั่นเอง
เขารู้สึกว่าหล่อนให้ความสนใจกับคนใหม่ที่ชื่อเจียงเซ่อคนนี้มาก ดังนั้นเขาก็เลยต้องจับตาดูไปด้วย
“คนๆ นี้เป็นลูกชายของท่านประธานเจียงหัวกรุ๊ป” โม่อานฉีเองก็อยู่ข้างๆ เจียงเซ่อ หล่อนกระซิบบอกข้อมูลของจ้าวจวินฮั่นให้เธอรู้
ที่จริงเรื่องพวกนี้เจียงเซ่อเองก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ไปขัดอะไรโม่อานฉี เพราะยังไงนี่ก็เป็นงานส่วนหนึ่งของหล่อน เอาจริงๆ ข้อมูลที่โม่อานฉีหามาก็ถือว่าเยอะพอสมควร เพราะหล่อนหามาแม้กระทั่งคนรักของเขาและรวมไปถึงสถานการณ์ในช่วงนี้ของเขาด้วย
“เธอต้องจำเอาไว้นะ รูปร่างหน้าตาดีๆ แบบเธอนี่ มันไปตรงกับสเป็คที่หมอนั่นชอบมากที่สุดแล้ว ทายาทระดับสูงคนนี้ ทุกครั้งที่ตัวเองว่าง ก็มักจะมาเป็นแขกของงานวงการบันเทิงอยู่เสมอ”
ตอนที่เจียงเซ่อหันไปมองหล่อน โม่อานฉีก็บุ้ยปาก
“อย่าหันมามองฉันสิ ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเองน่า”
แค่เจียงเซ่อมาถึง ใบหน้าของหลินซีเหวินก็เผยความดีใจออกมาแล้ว และยังแนะนำจ้าวจวินฮั่นและเจียงเซ่อให้ได้รู้จักกันอีกด้วย
ช่วงที่ผ่านมานี้ เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอเรียบร้อยแล้ว แถมคนที่มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวก็ยังเป็นเซี่ยเชาฉวินอีก ในวงการบันเทิงมันไม่มีความลับอะไรที่จะปกปิดหรอกนะ ตอนที่เขาได้ยินข่าวแบบนั้น หลินซีเหวินก้รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกว่า ตัวเองได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ก่อนที่งานเปิดกล้องจะเริ่มเสียอีก
การปั้นดาราของเซี่ยเชาฉวินเป็นอย่างไร ก็ลองนึกถึงชื่อเสียงอันโด่งของเถาเฉินในประเทศดูแล้วกัน การที่เซี่ยเชาฉวินถูกใจแบบนี้ ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะยังไม่มีผลงานอะไรเลยสักอย่าง แต่ทุกคนก็ถือว่ามีฐานะที่สูงขึ้นไม่น้อยแล้ว
ตัวสัญญาเล่นหนัง The Occasion of Beiping เองก็เซ็นเอาไว้ตอนที่เธอยังเป็นแค่ดาราเล็กๆ และค่าตอบแทนของบทนี้ก็ไม่ได้สูงเลย ตอนนี้มาดูแล้วก็น้อยไปหน่อยจริงๆ
แค่ลองคิดดูก็จะรู้ ถ้าถึงวันตรุษจีนปีหน้าที่หนังเข้าฉาย ตอนนั้นชื่อเสียงของเจียงเซ่ออาจจะไม่เหมือนในตอนนี้แล้วก็ได้ ถึงตอนนั้นกระแสตอบรับก็คงจะมากกว่าที่หลินซีเหวินคิดเอาไว้แน่
ดังนั้นถึงแม้ว่าในหนังเจียงเซ่อจะได้เล่นแค่เพียงตัวประกอบ แต่หลินซีเหวินก็คอยบอกใบ้ตลอดว่าให้เจียงเซ่ออยู่ข้างตัวเองเขาไว้
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ” จ้าวจวินฮั่นยื่นมาออกมาเพื่อจะทักทายเธอ
จริงอยู่ที่ผู้หญิงอย่างเจียงเซ่อเป็นผู้หญิงที่เขาชื่นชอบและถูกใจ แต่จ้าวจวินฮั่นก็ไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้เฝิงหนานดันไปเสียรู้ให้กับพวกเซี่ยงชิวจี๋เข้า ถึงตอนที่กลับไปถึงจะไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากนัก แต่ยังเจ้าจวินฮั่นก็ต้องพยายามหาทางเพื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่แล้ว และได้รู้ว่าตอนนี้เจียงเซ่อเป็นคนของพวกกลุ่มทายาทนั่น
ดังนั้นตอนนี้จ้าวจวินฮั่นจึงทำแค่ทักทายตามมารยาท เสร็จแล้วก็ชักมือกลับทันที
ถ้าดูจากภายนอกแล้ว ร่างกายของเขาตรงสง่า เส้นผมถูกเซ็ตมาอย่างดี ความสุภาพบุรุษและบุคลิกที่โดดเด่นแบบนั้น มันเป็นอะไรที่ง่ายต่อการทำให้ผู้หญิงชื่นชอบจริงๆ นั่นแหละนะ เพราะแม้แต่นักแสดงหลักนางเอกอย่างฟ่านจืออวิ๋นก็ยังต้องยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้มขนาดนั้น
“ได้ยินมาว่าการกลับประเทศมาในครั้งนี้ นอกจากกลับมาเตรียมรับตำแหน่งแล้ว คุณจ้าวยังสนใจที่จะลงทุนในวงการบันเทิงด้วย ถ้าอย่างนั้นในอนาคตก็คงมีโอกาสได้ร่วมมือกันนะครับ”
หลินซีเหวินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ทีมงานสร้างหนังของบริษัทซ่างเจียเองก็ยืนกันอยู่ข้างๆ เขา
จ้าวจวินฉั่นยิ้มตอบ
“โอกาสที่จะได้ร่วมมือกันก็อยู่ตรงหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือครับ หนังใหม่ของผู้กำกับหลินเองก็จะเปิดกล้องแล้วไม่ใช่หรือ?”
การร่วมลงทุนกับวงการหนังเป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงไม่น้อย อีกทั้งการลงทุนยังแบ่งได้เป็นหลายๆ ส่วนอีกด้วย
นอกจากจะเป็นการลงทุนกับตัวหนังแล้ว ก็ยังมีการลงทุนกับตัวผู้กำกับ ตัวกลุ่มนักแสดงอีก และยังมีการลงทุนน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อการตรวจสอบหนังและการออกฉาย
และแต่ละคนที่เข้ามาร่วมลงทุน มันก็มีมูลค่าพอๆ กับการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาเลย ทั้งการวิเคราะห์การตลาดในระยะแรก การเลือกรูปแบบการถ่ายรวมไปถึงแผนการต่างๆ ต่างก็ต้องมีผู้ลงทุนแนวหน้าเข้ามามีบทบาทในการเป็นผู้เลือก
เริ่มแรกของการเริ่มสร้างหนัง The Occasion Of Beiping เรื่องการลงทุนของหนังเรื่องนี้ได้พูดคุยและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้ดูเนื้อเรื่องไป และหลังจากที่รู้ว่าผู้เขียนคือโหวซีหลิ่ง มันก็เป็นการยืนยันว่าการลงทุนในส่วนของเนื้อเรื่องจะมหาศาลไม่น้อย และทุนทั้งหมดมันก็ถึงจุดที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว
การที่จ้าวจวินฮั่นพูดถึงเรื่องลงทุนนี้ขึ้นมา แน่นอนว่ามันสายไปแล้ว ความหมายของเขาน่าจะเป็นการประกาศว่าตัวเองกำลังสนใจที่จะเข้าสู่แวดวงวงการบันเทิงจริงๆ เสียมากกว่า ดังนั้นการที่มาทักทายและพูดคุยกับหลินซีเหวิน ก็เพื่อสร้างมิตรไมตรีต่อกันเสียมากกว่า
ทั้งสองหัวเราะออกมา เพราะรู้ความหมายของคำพูดซึ่งกันและกัน จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยไปเป็นเรื่องอื่นทันที
เจียงเซ่อเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาเปิดงาน
สื่อใหญ่สื่อเล็กมากมายเดินเข้ามาตามลำดับ โหวซีหลิ่งที่รออยู่หลังเวทีมาโดยตลอดก็เดินเข้ามาในงานด้วยชุดจงซานจวง (ชุดประจำชาติจีนของผู้ชาย) พอเขาได้เห็นว่าเจียงเซ่อมาถึงแล้วก็ระบายยิ้มเต็มหน้า แล้วเอ่ยทักขึ้น
“หนูเจียง ตอนที่ฉันออกมาจากบ้าน น้าช่ายของหนูยังถามอยู่เลย ว่าเมื่อไหร่หนูจะแวะไปเยี่ยมเยียนที่บ้านอีก”
ภรรยาของโหวซีหลิ่งนั้นแซ่ช่าย ช่วงก่อนปีใหม่เจียงเซ่อเองก็ได้ไปเยี่ยมเยียนที่บ้านของเขามารอบหนึ่ง คุณนายโหวชอบเธอมากจริงๆ นั่นแหละนะ แถมยังบอกว่าให้ไปหาบ่อยๆ
เจียงเซ่อพยักหน้า ฟ่านจืออวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็หันมามองและจ้องไปที่เจียงเซ่อ
ฟ่านจืออวิ๋นเองก็เป็นดาราอันดับหนึ่งในประเทศเช่นกัน อายุราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหก รูปร่างหน้าตาสวยเรียบง่าย หล่อนเป็นดาราภายใต้สังกัดหัวซิง วันนี้หล่อนสวมเป็นชุดเดรสเข้ารูปกระโปรงยาวสีขาว และอวดแผ่นหลังเนียนให้ทุกคนได้ยล
ส่วนตัวพระเอกนั้น หลินซีเหวินก็ได้เลือกให้เป็นดาราใต้สังกัดหัวซิงอย่างซ่งเซี่ยนเช่นกัน แต่ก่อนเขาได้รับเล่นละครสั่งสมประสบการมามากมาย ถึงค่อยเริ่มเข้าสู่วงการหนังภาพยนตร์ และนี่ก็เป็นหนังเรื่องแรกของเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในการวางตัวทุกอย่าง และได้แต่ยืนนิ่งๆ ไปตามผู้กำกับอย่างหลินซีเหวิน
ครั้งนี้หัวซิงได้บทนักแสดงสำคัญสองบทของหลินซีเหวินมา คาดว่าคงจะลงทุนไปมหาศาลเช่นกัน
ทั้งสองคนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่ดีไม่แพ้ใคร ฟ่านจืออวิ๋นไม่ได้ด้อยไปกว่าจูพ่านเลย เพราะหล่อนนั้นเคยถ่ายหนังที่ขายบัตรได้เกินพันล้านมาแล้ว แค่นักข่าวเข้ามา ก็ต้องรีบยกกล้องเพื่อถ่ายหล่อนกันให้วุ่น
หลินซีเหวินเป็นคนเริ่มพูดกล่าวปราศรัย พูดถึงความเป็นไปคร่าวๆ ของหนังเรื่องThe Occasion of Beiping และพูดถึงเหตุผลที่ตนเองทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา จากนั้นก็เชิญให้โหวซีหลิ่งเป็นคนขึ้นมาพูดต่อ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและคับคั่งไปด้วยสื่อมวลชน
เมื่อถึงเวลาของเหล่าสื่อทั้งหลายแล้ว จู่ๆ ก็มีคนโพล่งถามเจียงเซ่อขึ้นมา
“คุณเจียงคะ ได้ยินมาว่าคุณได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดซื่อจี้หยินเหอแล้ว จริงหรือเปล่าคะ?”