webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

165

บทที่ 165 ถ่ายใหม่

“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เจียงเซ่อถามออกไป โม่อานฉีทำใจแข็งพูดสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินต้องการออกไป

“เซ่อเซ่อ พี่เซี่ยบอกว่า อยากให้เธอถ่ายเซตแรกใหม่น่ะ”

วันนี้เท่าที่ถ่ายไปก็ดูจะลำบากมากแล้ว และถึงเธอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่โม่อานฉีก็พอจะจับน้ำเสียงของเธอได้ว่าไม่ค่อยโอเคนัก แล้วการที่หล่อนพูดแบบนั้นออกไป ยังไงเธอก็ต้องมีโมโหกันบ้างละนะ

ยังไงเธอก็ทำงานแบบนี้มานานแล้ว พูดคุยดูแลดารามาก็มาก โม่อานฉีเองก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนโทรหาเธอ

“เซตไหนคะ?”

“ชุดที่เป็นเสื้อคลุมสีน้ำตาลชุดนั้น ที่สวมหมวกปีกกว้างด้วยนั่นน่ะ พี่เซี่ยเขาดูหมดแล้ว เขาบอกว่าถือกระเป๋าไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ อยากให้เปลี่ยนเป็นเครื่องประดับแทน”

เรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือดินฟ้ากาศต่างหาก

อุณหภูมิในตี้ตูลดลงเรื่อยๆ ตอนที่โม่อานฉีโทรมาก็เช็กดูรายงานภูมิอากาศไปด้วย และภายในสองวันนี้สภาพอากาศก็ไม่ดีจริงๆ

“แล้วจะถ่ายกันตอนไหนหรือคะ?”

และนี่ก็เป็นสิ่งที่โม่อานฉีรู้สึกเป็นกังวลที่สุด

เผยอี้วงของในมือลง แล้วยื่นมือไปกะจะยึดมือถือเจียงเซ่อมา เขายืนฟังมาครู่หนึ่งแล้ว และรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ สายตาของเขาสื่ออกมาว่าไม่เห็นด้วยอย่างแรก เจียงเซ่อก็ยกมือขึ้นมาบังเอาไว้

“ได้ค่ะ...”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เผยอี้ก็นั่งลงมาข้างๆ เธอ แล้วฉวยโอกาสโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน แล้วพูดขึ้นเสียงดัง

“ไม่ได้”

“เซ่อเซ่อ” โม่อานฉีที่ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากฝั่งเจียงเซ่อ ส่วนเจียงเซ่อก็รีบเอามือปิดปากเผยอี้เอาไว้

“ฉันบอกว่าได้”

“แต่ผมว่าไม่ได้!” เขารู้สึกไม่พอใจเอามากๆ เจียงเซ่อกลับมาคุยกับโม่อานฉีดีๆ อีกรอบ มือเธอกำมือถือเอาไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ไห้เขามาแย่งมันไป เผยอี้เองก็ก็ยื่นมือมาปิดปากเธอเอาไว้ เจียงเซ่อพยายามดันเขาออกยู่หลายครั้ง เธอรวบรวมแรงที่มีทั้งหมดดันเขาออก แล้วรีบพูดกับโม่อานฉี

“คุณกำหนดเวลามา แล้วค่อยโทรมาบอกอีกทีก็ได้ค่ะ ภายในสองวันนี้ฉันว่างตลอด!”

ตอนที่เธอพูดออกมาก็ยังหอบอยู่เลยด้วยซ้ำ พอรีบพูดจนจบเธอก็กดตัดสายไปในทันที

“อาอี้!” เธอโมโหขึ้นมา ส่วนเผยอี้ก็ทำหน้าเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ก็พี่ไม่สบาย!” วันนี้ที่เขาไปรับเธอจากการถ่ายแบบ ตอนนั้นมือของเธอเย็นแข็งจนแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตอนที่ขึ้นมานั่งบนรถก็ยังสั่นไปทั้งตัว กลับมาถึงบ้านก็คัดจมูก ตอนนี้เขาก็ยังนั่งใช้ความคิดว่าจะทำไอ้ซุปขิงยังไง นั่นก็เพราะกลัวว่าเธอจะไม่สบายหนักไม่ใช่เหรอ

สองวันนี้อากาศไม่ค่อยดีนัก ทั้งๆ ถ่ายเสร็จไปหมดก็ยังต้องมาถ่ายใหม่อีก นี่มันเป็นการทรมานคนชัดๆ เลยไม่ใช่หรือไง?

เจียงเซ่อได้ยินแบบนั้น ก็โยนมือถือไปไว้ข้างๆ

“ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง แต่นี่มันเป็นงานอย่างหนึ่งของฉัน ไม่เจอตอนนี้ในอนาคตก็ต้องเจอ”

เผยอี้ก็พูดขึ้น

“ผมไม่ได้อยากจะไปก้าวกายในสิ่งที่พี่ชอบนะ” เขาเขยิบเข้าไปใกล้เธอ แล้วช่วยหยิบผ้าคลุมขนสัตว์ที่ตกลงไปขึ้นมาคลุมให้เธอใหม่ “แต่สองวันนี้อากาศมันแย่จริงๆ”

ตัวเขาสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่มันก็มีสิ่งที่เขาไม่สามารถได้ นั่นก็คือเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์

ดาราคนอื่นเขาจะทำอย่างไรเขาไม่สนหรอก แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ก็คือการที่ต้องเห็นเธอมาลำบากแบบนี้

“ถ่ายแค่เซตเดียวน่า” เธอขมวดคิ้ว ท่าทางไม่ค่อยพอใจเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เจียงเซ่อดันเขาออก

“แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว นายออกไปก่อน ตัวนายมีแต่กลิ่นขิง มันฉุน”

ที่จริงเธอคัดจมูกอยู่และไม่ได้กลิ่นอะไรอยู่แล้ว แต่เผยอี้ก็ไม่ทันได้คิด พอได้ยินเธอพูดเหมือนกำลังรังเกียจกัน เขาก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา

“อะไรกัน”

ไอ้กลิ่นตัวขิงที่อยู่บนตัวนี่ก็เป็นเพราะจะทำซุปขิงให้เธอไม่ใช่หรือไง ในชีวิตนี้เขาเข้าห้องครัวแค่สองครั้งเท่านั้น และทั้งสองครั้งนั่นก็เป็นเพราะเธอทั้งนั้น

กลิ่นขิงก็ล้างออกไปมากแล้ว แต่ถึงแม้จะใส่ถุงมือเอาไว้แล้ว แต่ฝ่ามือก็ยังรู้สึกร้อนๆ อยู่ดี

แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นออกไป เขาก็ยังลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง หม้อต้มในห้องครัวยังต้มอยู่ เขาก้มหน้าลงดมมือตัวเอง ถึงแม้ว่าจะล้างมาแล้ว แต่มันก็ยังมีกลิ่นติดอยู่ดี เขาเดินเข้าไปในห้องครัวอีกรอบเพื่อล้างมันออก เจียงเซ่อมองตอบแผ่นหลังของเขาไป แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

โม่อานฉีเองก็ทำงานเก่งไม่น้อย ช่วงบ่ายของวันถัดมาก็โทรมาหาเธอแล้ว และบอกว่าได้นัดกับมาร์คเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มถ่ายใหม่ในวันพรุ่งนี้ และยังถามไถ่ด้วยว่าอาการดีขึ้นหรือยัง

ที่จริงอาการเป็นหวัดของเธอมันก็ไม่ได้หนักอะไร วันนั้นก็เหมือนจะเป็นแค่ช่วงเริ่มเป็น แต่พอทานซุปขิงเข้าไปแล้วก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ

เพราะเซี่ยเชาฉวินต้องการภาพทั้งหมดภายในวันที่สิบเก้า เวลาถึงว่าเร่งรีบพอสมควร ถึงแม้ว่าบางทีรูปที่จะนำไปใช้จริงจะมีแค่รูปเดียวเท่านั้น แต่ทั้งช่างภาพ สไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าก็ต้องใช้เวลานานมากในการเตรียมตัว แม้ว่าจะต้องมาถ่ายแก้ใหม่ในภายหลังก็ตาม

เจียงเซ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย โม่อานฉีเองก็เอาเครื่องประดับที่ตนเองขอยืมเข้ามาหาเธอ

เครื่องประดับที่หล่อนยืมมาก็มีสร้อยคอและแหวนไข่มุกที่เข้าคู่กัน มันถูกออกแบบมาแบบเรียบๆ แต่มีระดับ และมีเพชรสามเม็ดที่ถูกเกลาให้เป็นรูปทรงใบไม้ เข้ากันมากกับไข่มุกสีขาวนั่น ตัวแหวนทองคำขาวเกลี้ยงถูกตกแต่งด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ โดยรอบ ดูสง่าและเรียบง่าย เพชรเม็ดเล็กๆ นั้นก็ไม่ได้โดดเด่นจนไปกลบความสุกสกาวตัวไข่มุก

“เครื่องประดับนี่เป็นของแบรนด์ ikit”

เจียงเซ่อรู้จักแบรนด์นี้ดีเหมือนกัน เครื่องประดับไข่มุก ikit ของญี่ปุ่นถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก่อนตอนที่เป็นเฝิงหนานเธอก็เคยได้ซื้อคอลเลคชั่นเครื่องประดับของ ikit มาสะสมอยู่หลายชุด

เครื่องประดับแบบนี้ที่จริงต้องมีเป็นชุด นอกจากตัวสร้อยและตัวแหวนแล้ว ตุ้มหูก็เป็นอีกส่วนที่อยู่ในชุด

โม่อานฉีพยักหน้า ก่อนจะใส่ถุงมือที่ทำจากกำมะหยี่แล้วค่อยๆ หยิบแหวนขึ้นมาใส่ให้เธอ

“ฉันจำได้ว่าเธอยังไม่ได้เจาะหู เลยขอยืมมาแค่สร้อยกับแหวน”

นิ้วของเจียงเซ่อเรียวสวย แม้กระทั่งตัวแหวนก็ยังดูจะใหญ่กว่านิ้วของเธอด้วยซ้ำ สไตล์ลิสต์ก็เลยให้เชือกเส้นบางๆ สองเส้นมามัดทบแหวนเอาไว้สองรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้แหวนที่ใหญ่ไปมันไหลออกจากนิ้ว

แม้แต่แหวนเกลี้ยงๆ แบบนี้ก็ยังสวยยิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนนิ้วของเธอ ไข่มุกสีขาวทั้งกลมทั้งใหญ่ มันขาวบริสุทธิ์ไร้จุดด่างพร้อย สวยสง่าและลานตา ทั้งตัวเธอและตัวแหวนต่างก็ช่วยกันขับความสวยของตัวเองออกมา

ตอนที่ไปยืมเครื่องประดับชุดนี้มา มันดูจะง่ายกว่าที่โม่อานฉีคิดเอาไว้เสียอีก แค่หล่อนพูดชื่อของเซี่ยเชาฉวินขึ้นมา ผู้ดูแล ikit ที่อยู่ในเมืองหลวงก็ยินดีที่จะนัดเจอทันที

ผู้ดูแล ikit ในเมืองหลวงเป็นคนญี่ปุ่น โม่อานฉีเองก็เรียนที่ญี่ปุ่นมาหลายปี และเคยได้ทำงานดูแลดาราญี่ปุ่นมาแล้วด้วย มีคอนเนคชั่นขนาดนี้แล้ว บวกกับที่รูปร่างหน้าตาของเจียงเซ่อเองก็ดี แค่โม่อานฉีเอารูปเจียงเซ่อให้ดูแค่รูปเดียว ยังไม่ทันที่จะได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ก็ได้รับความจริงใจที่แสนเรียบง่ายของชาวญี่ปุ่นกลับมา และตอบตกลงที่จะช่วยเจียงเซ่อหากมีกิจกรรมอื่นๆ ในอนาคตอีก และ ikit ก็ตอบรับที่จะให้ยืมเครื่องประดับที่แสนเลอค่า

รูปที่ต้องถ่ายใหม่ก็คือภาพที่กดปีกหมวกลงเหมือนเดิม มาร์คพบว่าการถ่ายใหม่ในครั้งนี้ เขาไม่จำเป็นต้องคอยไกด์เจียงเซ่อว่าต้องทำอย่างไรแล้ว เพราะอารมณ์ของเจียงเซ่อที่สื่อผ่านมาถึงกล้องมันดีพอสมควร มุมองศาการเงยหน้าของเธอมันพอดีเป๊ะ โม่อานฉีเองก็ยืนอยู่หลังกล้อง และหล่อนก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าการที่เธอสวมเครื่องประดับมันดีกว่าการถือกระเป๋าตั้งเยอะ

หลังจากที่ถ่ายเสร็จเรียบร้อย งานทั้งหมดก็จบลง

ในช่วงเวลาต่อมา เซี่ยเชาฉวินก็ได้รสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างแอปเปิ้ลมา และฝากให้โม่อานฉีเอามันไปให้กับเจียงเซ่อ

เมื่อมาถึงวันที่ยี่สิบห้า ก็เป็นเกิดกล้องของหนัง The Occasion of Beiping จะว่าไปแล้วก็บังเอิญอยู่เหมือนกัน เพราะโรงแรงที่จองไว้คือโรงแรมระดับประเทศของตระกูลจ้าวกลุ่มเจียงหัวกรุ๊ปอย่างโรงแรมหัวเซี่ยนั่นเอง ก่อนที่เจียงเซ่อจะได้เข้าไปในงาน ก็บังเอิญได้พบกับจ้าวจวินฮั่นเข้า