webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

161

บทที่ 161 ผู้ช่วย

เซี่ยเชาฉวินมันใจแน่วแน่แล้ว และจะไม่มีทางลังเลโดยเด็ดขาด อีกทั้งยังพูดถึงข้อตกลงของตัวเองออกมาอย่างตรงๆ

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ถ้าหากต่อไปนี้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะเป็นเซี่ยเชาฉวิน แน่นอนว่าเจียงเซ่อไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนเรื่องรายได้ที่เซี่ยเชาฉวินบอกว่าจะถูกหักออกนั้น มันเยอะกว่าจอนที่ลัวอ้าวพูดเอาไว้ตอนนั้นว่า50% เสียอีก แต่มันก็เป็นเพราะเซี่ยเชาฉวินเป็นคนที่มีฐานะพิเศษด้วยกระมัง อีกทั้งตัวเธอก็ยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ บริษัทหักไปเยอะหน่อยก็ดูยุติธรรมดี

เซี่ยเชาฉวินเองก็เหมือนเป็นเพื่อนเก่าของเธอ นิสัยเป็นยังไง เจียงเซ่อเองก็เข้าใจดี คอนเนคชั่นของเธอกว้างขวาง คำพูดและการกระทำหนักแน่น ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ทำให้คนอื่นต้องเหยียดหยามได้

หล่อนเป็นคนที่ต้องพูดงานแทนดาราในปกครองทุกอย่าง และทั้งหมดก็ต้องพึ่งอยู่กับความสามารถของตัวเองทั้งสิ้น

เจียงเซ่อพยักหน้า การที่เธอตอบตกลงอย่างรวดเร็วแบบนี้ มันทำให้เซี่ยเชาฉวินพอใจไม่น้อย “แน่นอนว่า ก็อย่างที่เธอได้ขอเอาไว้ 60% ที่ทางบริษัทจะหักออกจะอยู่ระยะเวลาแค่สามปีที่เธอจะเซ็นเท่านั้น แต่หลังสามปีให้หลัง จะเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ก็ได้”

ถ้าหากว่าเธอทำงานมีความสามารถมากพอให้มันเป็นรูปเป็นร่าง ถึงตอนนั้นแล้วก็ใช่ว่าจะปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้เสียหน่อย และถ้าหากว่าเธอสามารถเติบโตไปได้สวยกว่าที่เซี่ยเชาฉวินคิดเอาไว้แล้วละก็ รายละเอียดเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกหักออกก็ยังสามารถปรับให้ต่ำลงกว่านี้ได้ตามความเหมาะสม

แต่ในสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอดูการกระทำของเจียงเซ่อต่อไป ว่าจะเหมาะสมกับสิ่งที่ตัวเธอเองจะขอเปลี่ยน หรือเหมาะกับสัญญาส่วนแบ่งดีๆ หรือไม่

ตอนที่เซี่ยเชาฉวินพูดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมา หล่อนก็ลุกขึ้นแล้วกดลงไปยังปุ่มเรียกพนักงาน จากนั้นก็สั่งให้เอาตัวเอกสารสัญญามาทันที

เรื่องตัวเงินที่เซี่ยเชาฉวินพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็ล้วนแล้วชี้แจงเอาไว้ในตัวเอกสารไว้อย่างชัดเจนทีละข้อๆ

“เรื่องงานต่างๆ จะมีฉันเป็นคนจัดการให้เธอเอง เธอเพิ่งจะเข้าบริษัทมา ยังไม่มีแม้แต่ผู้ช่วยเลยด้วยซ้ำ งั้นเดี๋ยวฉันจะกำหนดงานให้เธอเองแล้วกัน งั้นเธอเมมเบอร์มือถือฉันเอาไว้ก่อนแล้วกัน”

แล้วหล่อนก็พูดตัวเลขเบอร์โทรออกมา เจียงเซ่อหยิบมือขึ้นมาแล้วกดเมมลงไป

พอคิดว่าตอนนี้เจียงเซ่อเองก็เป็นดาราที่อยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของตัวเองแล้ว ตอนที่เซี่ยเชาฉวินมองดูเจียงเซ่ออีกครั้ง ก็เริ่มที่จะมีความจู้จี้ขึ้นมาอีกนิด

มือถือที่เจียงเซ่อใช้ในตอนนี้มันเป็นรุ่นเก่าที่เรียกได้ว่าเก่าสุดแล้วละมั้ง เพราะตั้งแต่เริ่มต้นมาเธอก็ใช่ว่าจะมีเงินทอง เลยใช้ไอ้นี่ไปเรื่อยๆ ก่อน แต่พอหลังๆ เริ่มมีเงินแล้วบ้าง ก็กลับรู้สึกว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนมันเสียอย่างนั้น

พอตอนนี้มาเห็นว่าเซี่ยเชาฉวินกำลังจ้องมาที่มือถือเครื่องเก่าของเธอ พอเห็นสายตาของหล่อนแล้ว ก็ต้องย้อนกลับมามองมือถือในมือของตัวเอง

“เดี๋ยวหลังจากนี้ฉันจะไปซื้อเครื่องใหม่แล้วกันค่ะ”

ภาพลักษณ์ของดาราก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ รูปร่างหน้าตาภายนอกเธอดีมากๆ แต่มือถือที่ใช้กลับดูซอมซ่อไม่มีราศีสิ้นดี ง่ายต่อการทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเรื่องการเงินของเธอ

เซี่ยเชาฉวินพูดขึ้นเบาๆ

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจะลองติดต่อกับแบรนด์มือถือดู เดี๋ยวถึงตอนนั้นทางบริษัทของเขาก็ส่งสักเครื่องมาให้เธอเอง”

ตอนที่หล่อนพูดเรื่องนี้ออกมา ในสมองของเธอก็กำลังคิดถึงเรื่องค่ายบริษัทมือถือดังๆ ขึ้นมาแล้ว

ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะเป็นแค่คนใหม่ แต่เซี่ยเชาฉวินก็ไม่ได้คิดว่าจะให้เธอเริ่มจากจุดที่ต่ำกว่านี้แล้ว เธอมีรูปร่างหน้าตาที่ดี รูปร่างของเธอเหมาะกับของไฮน์เอนด์มากๆ ต่อไปเธอจะต้องดูแพงขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว เพื่อที่จะได้มีเหล่าแบรนด์ดังต่างๆ มาถูกใจในตัวเธอ

แล้วสายตาของเธอก็มองไปที่ตัวของเจียงเซ่ออีกครั้ง เสื้อผ้าของเธอไม่มีปัญหาอะไร แต่ดูก็รู้ว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่มันไม้ได้เป็นเสื้อผ้าแบรนด์อะไรเลย

แต่ที่ใส่แล้วไม่ดูซอมซ่อ มันก็เป็นเพราะว่าเรือนร่างและความสูงสง่าของเธอนั่นแหละ ที่สามารถดึงให้ชุดมันไม่ดูดรอปเวลาสวมใส่

ตอนนี้ในใจของเธอกำลังเล็งหาแบรนด์เสื้อผ้ารองเท้าและกระเป๋าสักอย่างให้กับเจียงเซ่ออยู่ เพราะว่ายังไงตอนนี้ชื่อเสียงของตัวเจียงเซ่อเองก็ไม่ได้ดังขนาดนั้น ดังนั้นแน่นอนว่าพวกแบรนด์ใหญ่ๆ ยังไม่สนใจ แต่ถ้าเป็น แบรนด์ทั่วๆ ไปมันก็อาจจะเหมือนไปดึงคุณภาพเธอลง หล่อนนึกถึงแบรนด์ต่างๆ ของต่างประเทศเอาไว้หลายที่ เก็บเรื่องนี้เอาไว้แล้วก็มองรูปร่างภายนอกของเจียงเซ่ออีกครั้ง

“ก่อนอื่นเลยเธอต้องมีสไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าสักหลายคนเป็นของตัวเอง รวมไปถึงผู้ช่วยที่จะคอยเป็นคนตามเรื่องทุกอย่างให้เธอด้วย เพราะว่าฉันเองก็ยังมีงาน คงจะมาดูแลเธอบ่อยๆ ไม่ได้หรอกนะ”

ถึงแม้ว่าเซี่ยเชาฉวินจะรับเธอเอาไว้แล้ว แต่ในตอนนี้ ในใจของเธอก็ยังทุ่มเทให้กับตัวของเถาเฉินอยู่ ส่วนเรื่องฝั่งนี้เธอจะคอยหมอบหมายให้ผู้ช่วยเป็นคนดูแลไปก่อน หล่อนไม่ได้เป็นคนที่อยากจะทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันด้วยตัวเองหรอกนะ

นอกเสียจากว่ามีวันหนึ่งเจียงเซ่อสมารถก้าวขึ้นมาในระดับที่ใกล้เคียงกับเถาเฉินแล้ว หรือถ้าศักยภาพของเธอมันมีมากกว่าเถาเฉินขึ้นมา แรงใจของเซี่ยเชาเฉินก็คงจะมาลงที่ตัวเธอแทน

เจียงเซ่อเองก็เข้าใจตรงจุดๆ นี้ดี ยังไงก็เอาความจริงมาพูดกันอยู่แล้ว ตัวเธอเองก็ไม่มีความคิดเห็นอะไรอีก

“คนพวกนี้ฉันจะเป็นคนรวบรวมให้เธอเอง ส่วนเรื่องเงินเดือนก็ต้องแล้วแต่ว่าตัวเธอจะทำได้เท่าไหร่แล้วล่ะนะ”

ความจริงแล้วคนเหล่านี้ของทางบริษัทเองก็มีอยู่ แต่คนของบริษัท ไม่มีสักคนหรอกที่จะตั้งใจและทุ่มเทให้กับเจียงเซ่อเพียงคนเดียว และแน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่ตัวเธอที่สามารถใช้พวกเขาได้

ดังนั้นดาราทั่วไปก็มักจะมีคนกลุ่มนี้เป็นของตัวเองทั้งนั้น

และแน่นอนว่าคนที่เซี่ยเชาฉวินหามาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆ ทั่วไป ส่วนเงินเดือนก็คงจะไม่ใช่ตัวเลขเบาๆ ถึงจะยังทำเงินไม่ได้ แต่ก็ต้องทำตัวให้เป็น “เจ้านาย” ไปก่อน เจียงเซ่อเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันกับสภาพการเงินไม่น้อย

เอกสารสัญญาเหมือนหนังสือหนาๆ เล่มหนึ่ง ก็ตามที่เจียงเซ่อได้พูดเอาไว้ ว่าจะเซ็นสัญญาแค่สามปีเท่านั้น ส่วนข้อกำหนดแต่ละข้อก็ถูกเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว รวมไปถึงรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ ก็ด้วย ต่างก็เรียบเรียงเอาไว้ทุกอย่างเป็นด้านๆ ไป เมื่อเซี่ยเชาฉวินพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูดหมดแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ลงมือตรวจเช็คสัญญา พอธุระของตัวเองเรียบร้อย เซี่ยเชาฉวินก็ขอตัวกลับไปก่อนทันที มีเพียงเจียงเซ่อและทนายที่ยังพูดคุยข้อตกลงต่างๆ จนถึงสองทุ่ม ก็เพิ่งจะตกลงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจริงๆ ทั้งสองฝ่ายก็เซ็นชื่อตัวเองลงไป

ในระยะเวลาที่ยาวนาน เจียงเซ่อต้องเซ็นชื่อและลายเซ็นไปเสียหลายครั้งหลายครา ในขณะที่เธอกำลังสะบัดๆ ข้อมือที่เริ่มปวดขึ้นมาอยู่นั้น หญิงสาวที่มัดผมหางม้าที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องก็เดินเข้ามาพร้อมมือถือในมือ

“คุณเจียงคะ พี่เซี่ยได้โทรมาหาทางดิฉัน บอกว่าหาคนที่จะมาเป็นผู้ช่วยของคุณได้แล้ว พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้าต้องการที่จะนัดคุณมาเซ็นสัญญากัน คุณพอจะสะดวกที่ไหนบ้างไหมคะ?”

เซี่ยเชาฉวินเองก็ทำงานเร็วไม่น้อย เมื่อตอนเที่ยงเพิ่งจะคุยกับเธอเรื่องที่จะหาผู้ช่วยให้ไปแท้ๆ แต่นี่มันเพิ่งจะครึ่งวันเธอก็หาผู้ช่วยให้ได้แล้ว

ที่บ้านของเผยอี้ไม่สะดวกแน่ๆ เจียงเซ่อจึงตอบกลับไปว่าให้มันเจอกันที่บริษัทแทน

พอแค่ย่ำเข้าบริษัทซื่อจี้หยินเหอในวันถัดมา เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เธอเซ็นสัญญาเข้าบริษัทซื่อจี้หยินเหอ จะไม่ได้เป็นข่าวใหม่อะไรสำหรับคนในบริษัทแล้ว ตั้งแต่ที่ก้าวเข้าก็มีพนักงานก้มทักมายเธอตลอดทาง

ผู้ช่วยส่วนตัวที่เซี่ยเชาฉวินหามาให้เธอนั้นมารอเธออยู่ที่ชั้นยี่สิบสามแล้ว เป็นคนตัวสูง อายุประมาณสามสิบปี ชื่อว่าโม่อานฉี เคยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นมา และเหมือนว่าจะเพิ่งจบมาหมาดๆ เสียด้วย

ก่อนหน้านี้หล่อนก็เคยได้มีประสบการณ์เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของดาราญี่ปุ่น ครั้งแรกที่เซี่ยเชาฉวินไปทำกิจกรรมที่นั่นก็ได้พบกัน ทั้งสองคุยกันอยู่หลายประโยค และได้แลกช่องทางติดต่อกันและกัน

“ตอนแรกคิดว่าพี่เซี่ยจะจำฉันไม่ได้เสียแล้ว ที่ไหนได้ยังเก็บช่องทางติดต่อของฉันเอาไว้อยู่ด้วย เมื่อครึ่งปีก่อนที่กลับมาก็ยังไม่ได้หางานใหม่ทำ พอดีเมื่อวานตอนเย็นเห็นพี่เซี่ยส่ง E-mail มา บอกว่าคุณกำลังหาผู้ช่วยอยู่”

ดูเหมือนว่าเซี่ยเชาฉวินเองก็จะมีชื่อเสียงในต่างประเทศอยู่ไม่น้อยเลย การที่โม่อานฉีพูดถึงหล่อนขึ้นมา มันก็เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่เคารพนับถือ

หลังจากที่เล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ได้ฟังแล้ว เจียงเซ่อก็พยักหน้ารับ ประวัติการศึกษาและนิสัยใจคอของโม่อานฉี เจียงเซ่อก็พอจะเข้าใจบ้างแล้ว เซี่ยเชาฉวินเองก็เป็นคนมองคนเก่ง แต่ค่าตัวของผู้ช่วยคนนี้ดูจะเหนือความคาดหมายของเธอไม่น้อย

ค่าตัวที่เซี่ยเชาฉวินได้เสนอให้กับโม่อานฉีคือสามแสน นี่ยังเป็นแค่ตัวเลขของสัญญาในปีแรกเท่านั้น ส่วนปีที่สองหากว่ายังต่ออยู่ ค่าตัวของหล่อนก็จะเป็นตัวเลขตามใจที่หล่อนอยากจะเสนอแล้ว

เจียงเซ่อเริ่มเล็งเห็นว่าบริษัทและเซี่ยเชาฉวินคงจะได้ตกลงอะไรบางอย่างกันเรียบร้อยแล้วแน่ๆ จึงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

ตอนนี้ตัวเองไม่สามารถมีเงินสามแสนได้หรอก แม้แต่เงินในบัตรเองก็คงไม่พอ หรือว่ายังไม่ทันได้ดังก็ต้องไปหยิบยืมคนอื่นแล้วหรือ?