webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

160

บทที่ 160 ข้อกำหนด

อย่างนั้นเถาเฉินก็ต้องเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน สาวสวยสำหรับคนยุโรปอเมริกา ไม่ได้มีความคิดเหมือนกันกับในประเทศของเรา โอกาสดีสุดๆ แบบนั้น แต่ไหนแต่ไรมาชาวตะวันตกเองก็ใช่ว่าจะได้มันมาง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะให้เวลาไปสองปีกว่าแล้ว แต่ความคืบหน้ากลับเชื่องช้าเหลือเกิน

เรื่องทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนอยู่เลยด้วยซ้ำ เถาเฉินเองก็อยากจะไปสู่วงการต่างประเทศ การที่จะหาดาราสาวที่คิดเหมือนกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

แล้วลัวหยิ่นจะมาให้ล้มเลิกความตั้งใจตอนนี้น่ะหรือ?

เซี่ยเชาฉวินได้ยินแบบนั้น จู่ๆ ก็เกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมาว่าจะขอบุหรี่จากลัวหยิ่นสักมวน

แต่ยังดีที่ยังมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่บ้าง เลยสามารถหยุดความคิดที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาได้ ก่อนจะพยักหน้าออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“งั้นฉันก็ขอดูก่อนละกันนะคะ ถ้าไม่ถูกใจฉันจริงๆ ท่านประธานก็คงต้องหาคนใหม่มารับหน้าที่นี้แทนแล้วนะคะ”

แล้วเธอก็ดูเวลาอีกครั้ง ตอนนี้มันสามสิบนาทีแล้ว “แล้วเขามาหรือยังล่ะคะ? ถ้าเกิดว่ายังไม่มาก็ไม่ต้องเจอแล้วล่ะ”

ลัวหยิ่นเองก็รู้ดีว่านิสัยของหล่อนเป็นอย่างไร เขาลุกขึ้นแล้วเคาะปลายบุหรี่ลงเล็กน้อย

“เมื่อแปดนาทีก่อน เขามารอเธออยู่ที่ชั้นยี่สิบหกแล้ว”

แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เซี่ยเชาฉวินต้องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หล่อนเองก็ความจำดีไม่น้อย แน่นอนว่าตัวเองก็จำได้ว่างนัดกับลัวอ้าวเอาไว้ตอนบ่ายโมงครึ่ง จากช่องว่างของเวลาตรงนั้นแล้ว ยังเหลืออีกสิบเจ็ดนาทีถึงจะได้เวลาจริงๆ

จากที่ลัวหยิ่นบอกขึ้นมาแบบนั้น ก็แสดงว่าดาราใหม่คนนั้นมาถึงกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว หล่อนจึงถามออกไป

“งั้นพูดเรื่องฉันให้เธอฟังแล้วสินะคะ?”

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา แต่แววตาหล่อนมันสื่อออกมาว่ากำลังไม่ค่อยพอใจนัก ถ้าทางบริษัทยังไม่ได้รับคำยินยอมจากหล่อน ก็ไม่ควรที่จะปล่อยข่าวว่าหล่อนจะรับดาราใหม่อกไปไม่ใช่หรือ นี่มันถือว่าบริษัทกำลังไม่ให้เกียรติหล่อน

ลัวหยิ่นเองก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขายกมือปัดไปมา

“เด็กสาวคนนี้ก็เหมือนกับเธอนั่นแหละ ตรงต่อเวลาและรักษาเวลามากๆ เขาเองก็มาก่อนเวลาเหมือนกัน”

เซี่ยเชาฉวินได้ยินแบบนั้นแล้วก็ได้แต่พยักหน้า

“ก็ลองดูๆ ก่อนละกันค่ะ”

ในตึกชั้นที่ยี่สิบหก เจียงเซ่อขอเป็นน้ำแร่ขวดหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้เธอนั่งรอมาแล้วเจ็ดแปดนาที แต่เธอก็ยังคงนั่งรอต่อโดยที่ไม่ปริปากบ่นสักคำ

เธอนั่งอยู่ในห้องประชุมเพียงคนเดียว ตอนที่เซี่ยเชาฉวินลงมาถึงก็ไม่ได้ไปพบเธอโดยทันที แต่กลับไปทำธุระของตัวเองให้เสร็จเสียก่อน

ช่วงเกือบสองปีมานี้ กิจกรรมของเถาเฉินจะอยู่ที่เมืองนอกเสียมากกว่า ส่วนภายในประเทศก็แค่มีกระแสบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเพียงในฐานะคนพิเศษเท่านั้น นานมาแล้วที่หล่อนไม่ได้รับเล่นหนังในประเทศ

แต่ทางบริษัทก็ยังคงมีไมตรีต่อหล่อนอยู่ไม่น้อย เพราะหล่อนสามารถหาแหล่งเงินที่ดาราทั่วไปไม่สามารถหามาได้ได้ การที่จะมาถึงจุดๆ นี้เหมือนอย่างเถาเฉิน ส่วนมากก็เป็นการลงทุนจากภายนอกทั้งนั้น

แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะผู้ช่วยที่คอยตัดสินใจให้ทั้งนั้น เซี่ยเชาฉวินก็แค่ต้องฟังคำอธิบายคร่าวๆ ของผู้ช่วยไปเรื่อยๆ พอดูเวลาอีกที มันก็ใกล้จะบ่ายโมงยี่สิบแล้ว หล่อนถึงตัดสินใจเดินเข้าห้องประชุมไป

แต่ตอนที่กำลังจะเปิดก็มีคนมาช่วยดันประตูไม้ที่แสนหนักให้แทน ภายในห้องมีแค่เจียงเซ่อที่นั่งอยู่คนเดียว ตอนที่เธอได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที พอได้เห็นหญิงสาวที่สวมเสื้อสูทสีเทาเงินที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั่นแล้ว เธอก็เผลอเรียกออกไปทันที

“พี่เชาฉวิน”

เสี่ยวกัว พนักงานที่ช่วยเปิดประตูให้ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจไม่น้อย

เซี่ยเชาฉวินยิ้มขึ้นมาเล็กๆ และรู้สึกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย

การที่ใช้ชีวิตอยู่มาจนอายุขนาดนี้ สิ่งที่คุ้นเคยที่สุดก็คือการที่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของดาราและได้พูดคุยกับคนทั่วไป และหล่อนก็มีความสามารถในการมองคนอีกด้วย ตอนที่เธอเรียนต่างประเทศก็ได้เรียนเกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์ด้วย ในวินาทีที่เจียงเซ่อเห็นหล่อนครั้งแรก ก็เรียกชื่อเธอแบบนี้แล้ว

ในวงการบันเทิงของประเทศในทุกวันนี้ เซี่ยเชาฉวินก็เหมือนเป็นคนในตำนานคนหนึ่ง

ครั้งนั้นที่ลัวหยิ่นแบ่งหุ้นให้กับหล่อนเพื่อที่จะให้เธออยู่ในซื่อจี้หยินเหอต่อ ก็กลายเป็นที่ฮือฮาอยู่ไม่น้อย การที่เจียงเซ่อจะจำเธอได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดาราหลายคนก็ต้องการที่จะมารู้จักกับหล่อนเพื่อที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ไปด้วย เวลาที่เจอหน้ากันก็เลยเรียกว่า ‘พี่’ ออกมาแบบนั้น

แต่สิ่งที่เซี่ยเชาฉวินมองออกอีกอย่างก็คือ ตอนที่เจียงเซ่อเรียกว่า ‘พี่เชาฉวิน’ ขึ้นมา ท่าทางและน้ำเสียงของเธอมันก็ดูเป็นธรรมชาติมากๆ การพูดจาเหมือนกับคนสนิทกัน ราวกับเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจออกันมานานอย่างไรอย่างนั้น

หล่อนล้มเลิกความคิดที่จะเดินออกไป แล้วก้าวขาเข้าไปในห้องทันที

ข้อมูลทั่วๆ ไปของเจียงเซ่อ ลัวอ้าวเองก็ได้เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วตอนที่เธออยู่บนเครื่องบิน ผู้ช่วยของหล่อนเองก็ปริ้นเอกสารตัวนั้นมาให้แล้ว ตอนที่อยู่บนเครื่องบินเซี่ยเชาฉวินเองก็ลองดูๆ บ้างแล้ว และได้รู้ว่าเธอเป็นดาราใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการบันเทิง เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และบทหนังที่ได้เล่นแต่ละเรื่อง ล้วนแล้วพึ่งความสามารถของตัวเองทั้งสิ้น นี่ถือว่ามีความสามารถพื้นฐานอยู่ไม่น้อย

เจียงเซ่อเองก็ไม่คิดมาก่อน ว่าผู้จัดการส่วนตัวที่ซื่อจี้หยินเหอเลือกให้เธอ จะเป็นเซี่ยเชาฉวินไปได้

พ่อของหล่อน เซี่ยตงเหอ เขาเป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมืองของฮ่องกง บรรพบุรุษต่างมีหน้าที่การงานที่สูงส่ง และทุกรุ่นของตระกูลต่างก็มีชื่อเสียงและมีฐานะ

แม่ของเฝิงหนานและแม่ของเซี่ยเชาฉวินค่อยข้างจะสนิทกันพอสมควร บ่อยครั้งที่พวกท่านนัดกันไปเล่นไพ่นกกระจอก ตอนที่ยังเด็กๆ มีบางครั้งที่เฝิงหนานกลับฮ่องกงไปกับคุณแม่ ทุกครั้งเธอและคุณแม่ก็จะได้ไปเป็นแขกของบ้านตระกูลเซี่ย และได้พบกับเซี่ยเชาฉวินอยู่บ่อยๆ

ที่จริงหล่อนเองก็เป็นหญิงสาวที่สวยและมีชาติตระกูลไม่น้อย แต่สิ่งที่หล่อนชอบกลับไม่ใช่พวกกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่ใช่พวกเครื่องประดับหรือสิ่งของฟุ่มเฟือยอะไรแบบนั้น และหล่อนก็ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงที่เที่ยวไปยั่วยวนผู้ชายอย่างที่ผู้หญิงๆ สวยๆ เขาทำกันด้วย

หลายปีก่อนหล่อนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ พอเรียนจบแล้วก็ยังไปต่อที่อมริกา หลังจากนั้นก็น้อยครั้งที่หล่อนจะกลับมาที่ฮ่องกง เลยไม่ค่อยได้เจอหน้ากันอีกเลย

แต่จากคำบอกเล่าของคุณแม่เซี่ย เฝิงหนานเองก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหล่อนมาไม่น้อย

เหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้ให้ความสนใจต่อผู้ชายนัก ลักษณะนิสัยของเธอเป็นคนเฉียบขาด มีความเด็ดเดี่ยวและเฉลียวฉลาด ทั้งๆ ที่อายุสามสิบเจ็ดแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน แรงใจทั้งหมดของเธอทุ่มให้กับงานของตัวเอง กลายเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งและทำงานเก่งสุดๆ ไปเลย

วันนี้เป็นหล่อนที่ต้องมาเจอกับตัวเธอ มิน่าล่ะ ลัวอ้าวถึงได้กำชับเธอให้มาตรงเวลาถึงสามครั้งสามครา

เซี่นเชาฉวินเป็นคนที่เคร่งต่อเวลามาก ในตัวเธอมีเอกลักษณ์ของคนฮ่องกงที่โดดเด่นออกมา ความเย็นชาและวิสัยทัศน์ที่กว้างขวาง ความเด็ดเดี่ยวและความหนักแน่น กับความมั่นใจในตัวเองที่มีอยู่เต็มเปี่ยมมันค่อยๆ ถ่ายทอดออกมาทางการกระทำของหล่อนทีละนิดๆ ดวงตาคู่นั้นที่มองมายังผู้คน ทำให้คนโดนจ้องต้องรู้สึกเกรงและทำตัวไม่ถูกกันบ้าง

“นั่งสิ” เซี่ยเชาฉวินชินกับบทบาทการเป็นผู้นำ หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องประชุมนี้แล้ว หล่อนก็ทำมือบอกให้ผู้ช่วยของตนเองออกไปก่อน หลังจากที่ประตูถูกปิดลง หล่อนก็ลากเก้าอี้มานั่งด้วยตัวเอง

“เจียงเซ่อ”

สายตาของเธอทิ้งไปที่เจียงเซ่อ ท่าทางอารมณ์ดูคมคายไม่น้อยเลย

“ข้อมูลทั่วๆ ไปของเธอฉันดูมาหมดแล้ว”

สายตาหล่อนจ้องมาที่เธอเขม็ง ถ้าเป็นคนทั่วไปคงต้องรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันบ้างแล้ว แต่สิ่งที่หล่อนเห็น นั่นก็คือเจียงเซ่อยังคงนั่งนิ่งและท่าทางดูแน่วแน่ไม่เบา แรงกดดันที่หล่อนจงใจสร้างขึ้นมามันไม่ได้ทำให้เจียงเซ่อเกิดอาการลนลานเลยสักนิด ท่าทางที่สู้ต่อแรงกดดันได้ทำให้เซี่ยเชาฉวินเริ่มพอใจในตัวเธอ

อย่างที่สองคือเธอเป็นคนที่สวยมากจริงๆ เซี่ยเชาฉวินอยู่ในวงการนี้ก็ได้เห็นดาราหน้าตาดีมาก็มากโข แต่น้อยนักที่จะโดดเด่นได้แบบนี้ ราวกับว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะต้องโด่งดังและไปได้สวยในเส้นทางนี้แน่ๆ

ข้อมูลที่ลัวหยิ่นได้พูดกับหล่อน แน่นอนว่าคงไม่พลาดเรื่องที่เบื้องหลังเธอยังมีพวกทายาทคนหนุนอยู่ด้วย และนั่นก็ถือว่าเป็นแหล่งเงินทุนของเธอแห่งหนึ่ง และต่อไปก็จะต้องมีประโยชน์ต่อหล่อนมากแน่ๆ ถ้าพูดในมุมมองของจุดเริ่มต้นแล้ว เธอเหมือนจะมีอะไรมากกว่าเถาเฉินเสียอีก

แต่ยังไงเธอก็เป็นแค่คนใหม่ และไม่ได้เหมือนกับตอนที่เธอรับเถาเฉินที่มีชื่อเสียงติดตัวมาอยู่แล้วแบบนั้น

เจียงเซ่อก็เหมือนกับหยกที่ยังไม่เคยผ่านการเจียระไน และกำลังรอให้มีคนที่เหมาะสมมาดูแลเธอ

ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินแทบจะไม่ต้องคิดพิจารณาอะไรมากแล้ว หล่อนตัดสินใจทันทีว่าจะรับเธอเอาไว้

“ฉันมีสิ่งที่ต้องทำตามแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น หนึ่ง นอกจากเรื่องงานของเธอแล้ว เรื่องส่วนตัวใดๆ ที่มันจะส่งผลกระทบต่องานของเธอ ฉันจำเป็นที่จะต้องเข้าไปก้าวก่าย สอง เรื่องครอบครัวของเธอ ปล่อยให้ฉันเป็นคนดูแล เวลาที่คนอื่นถามถึงเรื่องนี้ เธอห้ามพูดออกมาโดยที่ไม่ได้ถามฉันเด็ดขาด สาม เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกรับงานให้ตัวเอง แต่สำหรับฉันต้องคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีด้วย ถ้าเธออยากปฏิเสธก็ได้ แต่เธอไม่ควรปฏิเสธบ่อยเกินไป สี่ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอคือฉัน ดังนั้นเรื่องเงินที่จะต้องถูกหักออก บริษัทจะหักออกอย่างน้อย 50%” พอหล่อนพูดถึงตรงนี้ ก็พูดเสริมขึ้นมาอีก “แต่จะไม่รวมเงินส่วนพิเศษที่ต้องสมทบให้ท่านประธานอีก 10% นะ” หรือพูดได้ว่าบริษัทจะหักออกทั้งหมด 60% และมันก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว