webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

159

ตอนที่ 159 เชาฉวิน

 

ถึงสามสี่คนนั่นจะแอบสบตากัน แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่การคาดเดาของโจวเมี่ยวก่อนหน้านั้นทุกคนก็ได้ยินกันเต็มสองหูแล้ว

ถ้าหล่อนเดาไม่ผิดละก็ นี่อาจจะเป็นหัวข้อเม้าท์ที่ใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิงของหัวเซี่ยเลยก็ว่าได้ และอาจจะทำให้ข่าวอื้อฉาวของจูพ่านในตอนนี้สงบลงด้วย!

ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมงตรง ยังห่างจากเวลานัดจริงๆ ของลัวอ้าวอยู่อีกครึ่งชั่วโมง ก่อนหน้านี้ลัวอ้าวยังกังวลอยู่เลยว่าเธอจะมาสาย แต่พอตอนนี้เลขาอู๋เห็นว่าคนก็มาแล้ว ถึงค่อยลอบหายใจโล่งออกมา แล้วรีบเดินไปจับมือของเจียงเซ่อเอาไว้ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณเจียง”

คนที่เป็นถึงเลขาชั้นที่ยี่สิบห้า แน่นนอนว่าหล่อนจะต้องรู้เรื่องอะไรมากกว่าพนักงานฟรอนต์สาวพวกนั้นอยู่แล้ว

    การที่เจียงเซ่อจะเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ และประธานก็เป็นคนออกคำสั่งให้เซี่ยเชาฉวินบินกลับมาก่อนเพื่อมาเจอหน้าเจียงเซ่อแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอย่างสูงในการจะสร้างดาวดวงใหม่ขึ้นมา

เซี่ยเชาฉวินเป็นคนมีฐานะสูงและงานก็เยอะ ถึงขนาดหาเวลาบินกลับมาแบบนี้ ก็พอจะชัดเจนว่าการดำเนินการครั้งนี้คงจะสำเร็จไปด้วยดี

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อได้กลายเป็นคนของเซี่ยเชาฉวิน ถึงจะยังไม่มีผลงาน และถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ดาราใหม่ของซื่อจี้หยินเหอ แต่แค่อาศัยชื่อเสียงของ ‘เซี่ยเชาฉวิน’ สามคำนี้ ฐานะในบริษัทของหล่อนก็จะยกระดับขึ้นโดยอัตโนมัติ

    เลขาอู๋รู้ดีว่าไม่ควรจะไปล่วงเกินคนแบบไหนเข้า

“คุณมาเร็วจังเลยค่ะ ตอนแรกผู้ช่วยลัวยังกำชับดิฉันอยู่เลย ว่าถ้าถึงบ่ายโมงสิบนาทีแล้ว ให้โทรไปหาคุณว่าจะมาถึงกี่โมง”

หล่อนมีความกระตือรือร้นที่จะพาเจียงเซ่อไปส่งที่ลิฟต์เป็นอย่างมาก ภาพแบบนั้นก็ยิ่งทำให้พนักงานฟรอนต์ที่ยืนอยู่สามสี่คนนั้นมั่นใจว่าตัวเองเดาถูก

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีข่าวแนวๆ นี้แว่วมาให้ได้ยินเลยสักนิด ในตอนที่โจวเมี่ยวกำลังคาดเดาเลขาอู๋เองก็ไม่ได้พูดหรือเปิดเผยอะไรมากมายนัก แต่ท่าทางของเลขาอู๋ในตอนนี้มันทำให้รู้ว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

“เดี๋ยวดิฉันจะให้คนพาคุณขึ้นไปที่ชั้นที่ยี่สิบหกก่อนนะคะ แล้วข้างบนนั้นจะมีคนมารอต้อนรับคุณอยู่แล้ว ส่วนตัวสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ผู้ช่วยลัวจะนำมันมาให้คุณด้วยตัวเองเลย” เลขาอู๋พูดจบ พอเห็นว่าเจียงเซ่อพยักหน้าเข้าใจแล้ว หล่อนก็กวักมือเรียกให้หนึ่งในกลุ่มหญิงสาวนั้นมา แล้วสั่งกำชับว่าให้พาเธอไปชั้นที่ยี่สิบหก เรียบร้อยแล้วก็ยังยืนส่งเจียงเซ่อจนประตูลิฟต์ปิดเลยด้วยซ้ำ

ตัวเจียงเซ่อเองยังไม่ค่อยเข้าใจกฎเกณฑ์ของซื่อจี้หยินเหอดีนัก ดังนั้นในตอนที่ได้ยินว่าให้ขึ้นไป ‘ชั้นที่ยี่สิบหก’ ก็ไม่ได้เกิดความประหลาดใจอะไรนัก

กลับกัน หญิงสาวที่โดนเรียกให้มาพาเธอขึ้นไปมีท่าทีที่ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยเลย ได้ยินมาว่าชั้นที่ยี่สิบหกนั้นเป็นชั้นที่เบื้องบนของซื่อจี้หยินเหอเขาอยู่กัน และต้องเป็นผู้ถือหุ้นรวมไปถึงดาราใหญ่เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ขึ้นไป ส่วนพนักงานทั่วๆ ไปแน่นอนว่าคงไม่มีอำนาจพอที่จะขึ้นไปถึงชั้นที่ยี่สิบหกได้

พอประตูลิฟต์ปิดลง หญิงสาวที่ชื่อโจวเมี่ยวคนนั้นก็ยิ้มมั่นใจในความคิดของตัวเองมากกว่าเดิม

  แค่เจียงเซ่อเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอก็ได้ขึ้นไปชั้นที่ยี่สิบหกเลยแบบนี้ ถ้าเป็นดาราใหม่ทั่วไปคงไม่มีทางได้อภิสิทธิ์แบบนี้แน่ๆ

พอมาถึงชั้นที่ยี่สิบหกแล้ว เลขาอู๋เองก็ได้ติดต่อกับทางคนข้างบนเรียบร้อยแล้ว จึงมีชายหนุ่มอายุราวๆ สามสิบคนหนึ่งยืนรอเธออยู่หน้าลิฟต์ พอประตูเปิดออก เขาก็รีบแนะนำตัวเองทันที

โจวเมี่ยวยังไม่ทันที่จะได้สำรวจว่าชั้นที่ยี่สิบหกนี้เป็นยังไง แค่เห็นคนที่ยืนรอเจียงเซ่ออยู่ หล่อนก็ไม่กล้าที่จะมองไปรอบๆ แล้ว

ส่วนเลขาอู๋ยังคงยืนยกดูนาฬิกาข้อมืออยู่ที่โถงชั้นหนึ่งอยู่เหมือนเดิม เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปทีละวิๆ แต่หล่อนก็ยังไม่เห็นได้รับแจ้งว่ารถของเซี่ยเชาฉวินมาถึงที่บริษัทแล้วเลยสักนิด

หล่อนเลยโทรไปถามรปภ.ด้วยตัวเองเสียเลย แต่พอได้รับคำยืนยันจากปลายสายมาแล้ว ในใจหล่อนก็ร้อนรนไปหมด

เพราะในห้องทำงานของลัวหยิ่นบนชั้นที่ยี่สิบเก้านั้น เซี่ยเชาฉวินที่เลขาอู๋ยืนรออยู่นั้นมาถึงสักพักแล้ว

หล่อนตัดผมสั้นดูปราดเปรียว สวมชุดสูทสีเทาทั้งตัว ดูไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป และหล่อนก็สูงหุ่นดีไม่น้อยเลย บุคลิกท่าทางดูเยือกเย็นและเด็ดขาด

  ดูไม่มีร่องรอยความรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากที่บินมานานอยู่บนใบหน้าของหล่อนเลยสักนิด หล่อนยังคงท่าทางเย็นชาและเด็ดเดี่ยวอยู่เสมอ

“เธอก็เพิ่งจะบินมาถึง ทำไมไม่พักผ่อนก่อนสักหน่อยล่ะ ทำไมถึงรีบมาขนาดนี้?”

ตอนที่เห็นเซี่ยเชาฉวินมาแล้ว ใบหน้าของลัวหยิ่นก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กขึ้นมา

หล่อนเป็นผู้หญิงที่เอางานเอาการเป็นอย่างมาก แววตาของหล่อนเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน และนี่ก็เป็นจุดที่ลัวหยิ่นรู้สึกชื่นชมหล่อนไม่น้อย ดังนั้น ในตอนนั้นเขาถึงกับต้องแบ่งหุ้นในมือให้หล่อนถึง 0.1% เลยทีเดียว

“กลับไปอาบน้ำ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเซี่ยเชาฉวินก็ยังเป็นหล่อนคนเดิม เรียบนิ่งแต่ก็มีพลัง

“ท่านประธานให้ฉันทิ้งงานของเถาเฉินมาแบบนี้ จะให้ฉันกลับมาดูแลดาราใหม่งั้นหรือคะ?”

แค่เริ่มพูดเธอก็เปิดประเด็นที่โดนเรียกกลับมาทันที ลัวหยิ่นโบกมือ

“ถ่ายหนังที่ต่างประเทศราบรื่นดีไหม?”

เซี่ยเชาฉวินตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง

“ก็วุ่นวายนิดหน่อยค่ะ”

มันเป็นครั้งแรกที่เถาเฉินเข้าร่วมการแสดงหนังในต่างประเทศ แถมยังเป็นหนังของผู้กำกับชื่อดังอย่าง fidel อีกด้วย ถือว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์อีกหนึ่งเรื่อง

ถึงแม้ว่าในหนังเถาเฉินจะเล่นเพียงบทเล็กๆ เท่านั้น แต่เพราะว่าทุกวันนี้ก็ยังมีเรื่องที่ว่าพวกคนขาวต่อต้านชาวต่างชาติอยู่ การที่เซี่ยเชาฉวินพยายามทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิงบทนี้มาให้เถาเฉิน หล่อนก็ต้องเสียกำลังความคิดไปมากโข

แต่ตั้งแต่เริ่มถ่ายหนังมา มันก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรราบรื่นเลยสักอย่าง

สถานที่ถ่ายทำที่ fidel เลือกคือเมืองกอร์โดวาในประเทศสเปน ที่นั่นเป็นเมืองนครอีกที่ยังมีร่องรอยของวัฒนธรรมศาสนา ตอนที่ fidel กำลังถ่ายทำ ก็ดันไปสร้างความบาดหมางกับชาวบ้านพื้นเมืองของที่นั่นเข้า ดังนั้นฉากภาพที่ได้มาจากที่นั่นมันก็ไม่ได้ดีหรือราบรื่นอะไรนัก

ทั้งๆ ที่เซี่ยเชาฉวินพูดออกมาว่า ‘ยุ่งยาก’ แต่ใบหน้าของหล่อนกลับไม่ได้แสดงถึงว่ามันเป็นแบบนั้นเลยสักนิด

ลัวหยิ่นยิ้มหัวเราะเบาๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เพราะเขารู้ว่าเซี่ยเชาฉวินเป็นคนที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหล่อนก็จัดการมันได้ดีเสมอ และแน่นอนว่าหล่อนจะไม่มีทางให้เรื่องที่มันไม่ราบรื่นมากระทบต่อตัวเถาเฉิน และสามารถรักษาสมบัติของบริษัทได้เป็นอย่างดี

ในสายอาชีพนี้ถึงแม้จะดูดี รายได้ก็งาม แต่ทว่ากลับมีแรงกดดันสูง ชายหนุ่มหลายคนก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ

แต่เซี่ยเชาฉวินเป็นข้อยกเว้น เพราะเธอยังคงรักษาปณิธานที่มั่นคงและจิตใจที่ทะเยอทะยานเอาไว้ได้เสมอ คอนเนคชั่นที่หลากหลายและความกล้าของเธอทำให้เธอมีความมั่นใจมาก การที่เธอได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ ทำให้เธออยู่ในวงการนี้ได้อย่างสบายๆ เหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำอย่างนั้น

“เชาฉวิน ครั้งนี้ฉันอยากจะให้เธอได้เจอกับคนใหม่คนนี้เสียหน่อย”

ลัวหยิ่นมีท่าทางที่ดูจะสำราญใจไม่น้อย ก่อนจะยื่นมือไปเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบบุหรี่ออกมา

ที่จริงแล้วเขาก็อายุมากขึ้นทุกวันๆ และหมอเองก็เตือนเขาว่าควรจะควบคุมการสูบบุหรี่ของตัวเองได้แล้ว แต่ทุกครั้งที่เขาอารมณ์ดี หรือทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดีเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาสักมวน

แต่ไม่กี่ปีมานี้บริษัทก็เริ่มที่จะมีการขยับขยายมากขึ้นเรื่อยๆ ฐานะชื่อเสียงของลัวหยิ่นก็เหมือนจะมีมากขึ้นทุกวัน การที่เขาได้เดินมาถึงจุดๆ นี้ เลยจะพยายามจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องต่างๆ มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้จิตใจตัวเองต้องทำงานหนักกินไป

“ครั้งล่าสุดที่เห็นท่านประธานสูบบุหรี่ เหมือนว่าจะเป็นสามปีที่แล้วนะคะ”

เซี่ยเชาฉวินดูเวลา ตอนนี้เข็มนาฬิกามันเดินมาถึงบ่ายโมงสิบเอ็ดนาทีแล้ว

  “คนใหม่ครั้งนี้ฉันเองก็ยังไม่ได้เห็นหน้าจริงๆ เลย แต่ลัวอ้าวก็ได้พูดคุยกับเธอบ้างแล้ว”

ตอนนั้นที่เขาดูภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องประชุม และได้เห็นตอนที่ลัวอ้าวพบกับเจียงเซ่อทั้งหมดแล้ว “เป็นเด็กสาวที่น่าสนใจคนหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าเจอกันแล้วเธอก็ลองพิจารณาดูนะ”

หล่อนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย งานในประเทศของเถาเฉินเองก็ถือว่าเกินจุดของดาราทั่วไปไปแล้ว และคงยากหากอยากจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้ในประเทศ

แล้วเรื่องที่จะส่งเธอไปวงการบันเทิงของต่างประเทศก็เพิ่งจะเริ่มได้ไม่นาน แถมยังเป็นประเทศในโซนยุโรปและอเมริกาที่แสนเย่อหยิ่งและไม่ค่อยยอมรับชาวต่างชาตินั่นอีก