webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

157

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 157 ทิศทาง

เผยอี้เริ่มรู้สึกเซ็งๆ กับโต๊ะที่อยู่ตรงหน้านี่ เกะกะชะมัด เขาเลยลุกไปนั่งกับเธอเสียเลย “ผมไปสืบเรื่องของจวี้เฟิงบันเทิงมีเดียมาแล้ว เหมือนว่าบริษัทจะเพิ่งจะจดทะเบียนไปเมื่อแปดปีก่อน คนที่จดทะเบียนชื่อหลี่จวี้เฟิง พื้นเพของคนๆ นี้ไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่ แถมยังมีคนคุ้มหัวอยู่ด้วย”

ครั้งก่อนที่เจียงเซ่อพูดถึงจวี้เฟิงบันเทิงมีเดียขึ้นมา เผยอี้ก็จำมันเอาไว้ใส่ใจเสมอ สองวันมานี่ก็ขอให้เนี่ยต้านช่วยหาคนไปสืบข้อมูลมา และก็ได้มาจริงๆ

“เมื่อหลายปีก่อนเขาเคยสมัครเป็นทหารด้วย คอยหาช่องทางประจบสอพลอคนในกลุ่มทหาร จนประจบได้พ่อของโจวเฉิงอู่เข้า แล้วยังได้เรียกว่าพ่อบุญธรรมอีกนะ พอปลดประจำการออกมาแล้วก็ฉวยโอกาสใช้เส้นสายเปิดธุรกิจไนท์คลับขึ้นมา และรับแต่พวกกลุ่มคนที่มีอำนาจและร่ำรวยเท่านั้น”

ธุรกิจที่เผยอี้เอ่ยถึง เขาไม่ต้องอธิบายอะไรเจียงเซ่อก็เข้าใจดี

โจวเฉิงอู่ที่เผยอี้พูดถึงก็เช่นกัน เจียงเซ่อก็ยังพอจำได้บ้าง ว่าตอนเด็กๆ ก็เคยเห็นว่า เขาเล่นกับพวกเนี่ยต้านและเติบโตมาด้วยกันในค่ายฝึกทหาร แต่พอเริ่มโตขึ้นก็ได้ยินว่าไปก่อเรื่องร้ายแรงมา เลยโดนทางบ้านส่งไปเรียนที่ต่างประเทศ ที่จริงแล้วก็แค่จะหลบสถานการณ์ในตอนนั้นเท่านั้นเอง แต่สองปีผ่านไป ตามที่ฐานะและตำแหน่งในบ้านเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนก็ต้องแยกกันไปถึงสองปี แน่นอนว่าทั้งเรื่องการติดต่อหรือพบเจอก็มีน้อยลงทุกทีๆ

อย่างน้อยในความทรงจำของเจียงเซ่อ สามสี่ปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยได้ยินว่าพวกเขาออกไปเที่ยวหรือไปเจอกับโจงเฉิงอู่เลย

“สิบสองปีก่อน ในแถบถนนหรงชิ่งล้วนแล้วเป็นเขตของเขาทั้งนั้น แต่ว่าเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน กลุ่มอำนาจที่คอยคุ้มครองเขาอยู่ถูกโยกย้ายไปจากเมืองหลวง และแน่นอนว่าต้องเกิดเรื่องกับเขาด้วยแน่ๆ” หลายปีก่อนนั้นหลี่จวี้เฟิงอาศัย ‘ธุรกิจ’ นี้ได้เงินมาไม่น้อยและเกี่ยวพันไปถึงธุรกิจมืด จึงทำให้มีคู่กรณีอยู่ไม่น้อย พอกลุ่มอำนาจถูกโยกย้ายไป แน่นอนว่าจะต้องมีคนมาลงมือจัดการกับเขาแน่ๆ

ดังนั้นเมื่อสิบปีก่อน เขาเลยโดนข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดจนโดนฟ้องศาล และโดนตัดสินให้ถูกจำคุกอยู่ถึงห้าปี

ทรัพย์สินในมือของเขาถูกอายัดเอาไว้ทั้งหมด ทั้งธุรกิจต่างๆ ในแถบถนนหรงชิ่งและไนท์คลับที่เขาเปิดเอาไว้ก็ต้องถูกปิดตัวลงไปด้วย

จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา พ่อบุญธรรมของเขาชนะคดีมา ก็เริ่มวิ่งไปทั่วเพื่อสานสร้างอำนาจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาก็เลยได้ออกมาจากคุก

แต่เพราะการที่เขาเคยติดคุกมาก่อน และธุรกิจเดิมของเขาก็โดนขุดทิ้งไปมากแล้ว พ่อบุญธรรมของเขาจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนว่าเขาจะมาทำตัวคุยโวโอ้อวดและหาเรื่องไปทั่วแบบเดิมไม่ได้อีก ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้กลับมาทำงานเดิม แต่กลับลงทุนไปกว่าสามสิบล้านเพื่อนสร้างบริษัทจวี้เฟิงบันเทิงมีเดียขึ้นมาแทน และตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าผู้จัดการบริษัทที่มีอำนาจสูงสุด

คนๆ นี้มีคอนเนคชั่น มีเงินทอง อีกทั้งจิตใจโหดหี้ยมอำมหิต แต่เขาก็พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“ตอนนั้นที่เขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องชั่วๆ พี่เองก็คงพอจะจำได้ใช่ไหมล่ะ” เผยอี้ไม่ได้อยากจะพูดเรื่องสกปรกโสมมแบบนี้ให้เธอได้ยิน เลยพูดอย่างคลุมเครือออกไป

“ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเลย บริษัทของเขามีหน้ามีตาในวงการและมีดาราในสังกัดมากมายก็จริง”

ถึงแม้จะยังเทียบไม่ได้กับซื่อจี้หยินเหอที่ยังคงเป็นบริษัทเอเจนซี่อันดับหนึ่งของประเทศก็ตาม แต่ขอบเขตของพวกเขาก็ยังสูสีและสู้กับหัวซิงมาโดยตลอด

“แต่ว่า” เผยอี้ฮึดฮัดเบาๆ แล้วหรี่เสียงพูดลง

“จะเข้าน่ะ มันก็ง่าย แต่ถ้าจะถอนตัวออกมาละก็ คงจะยาก”

ดาราในสังกัดของจวี้เฟิง โดยเฉพาะกับดาราที่มีรูปโฉมโดดเด่นและมีแนวโน้มว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกคนเหล่านี้ไม่เชื่อฟังคำสั่ง อย่างแรกเลยที่ต้องทำคือการบังคับให้ดาราเหล่านั้นเล่นบทหนังที่ต้องโดนกระแสดูถูก ให้กลายเป็นหนังอื้อฉาว แบบนั้นบริษัทจะได้ควบคุมง่ายๆ หน่อย

มีดาราหลายคนที่โดนวิธีนี้ สำหรับหลี่จวี้เฟิงแล้ว เขาก็มองว่าพวกดาราสาวที่อยู่ในสังกัดของตัวเอง ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกผู้หญิงโสเภณีในไนท์คลับของเขาเลย เพราะบ่อยครั้งที่พวกหล่อนถูกพาไปส่งถึงห้องที่ไม่เคยซ้ำที่กันเลย และกลายเป็นของเล่นของเขา

ถึงแม้ง่าเขาจะเคยอยู่ในคุกมาถึงหนึ่งปี แต่จิตใจและความคิดของเขายังคงเป็นหลี่จวี้เฟิงคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขาคุกคามดาราในสังกัดของตัวเองด้วยวิธีต่างๆ นาๆ ไม่ใช้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ว่าจะวิธีไหนเขาก็ทำได้หมด

ดาราของจวี้เฟิงที่โด่งดังในตอนนี้ ถึงจะปีกล้าขาแข็งขนาดไหน ก็ไม่มีทางกล้าที่จะบินหนี ได้แต่อยู่ในเงื้อมมือของเขา ฟังคำสั่งของเขา และต้องอยู่ในการควบคุมของเขาตลอดไป เพราะก้าวพลาดตกลงไปในบ่อโคลนแล้ว อยากจะถอนตัวกลับมาเป็นคนสะอาดก็คงยาก

“เรื่องพวกนี้ มีคนตามเก็บให้เสียจนไร้ร่องรอย คนทั่วไปคงไม่มีทางที่จะสืบเจอแน่ๆ” เพราะว่ามีคนคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลี่จวี้เฟิงเคยประสบกับเรื่องเหล่านั้นมา ดังนั้นในทุกวันนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ระมัดระวังตัวเสมอ ถ้าเรื่องพวกนี้ไม่ได้เผยอี้เป็นคนช่วยสืบหา ก็เกรงว่าคงจะไม่มีทางเจอได้

ตอนนั้นที่เฝิงหนานแนะนำจวี้เฟิงบันเทิงมีเดียให้กับเจียงเซ่อ ก็ถือว่าหล่อนมีเจตนาที่ชั่วร้ายเสียจริงๆ

“หล่อนมีความแค้นกับพี่” เผยอี้พูดจบ คิดๆ ดูแล้วก็ถูกเสียทีเดียว เลยแก้ใหม่ “หล่อนมีความแค้นกับเจียงเซ่อตัวจริงมากกว่า”

วันนั้นที่เฝิงหนานไปยุยงให้จูพ่านใส่ร้ายเจียงเซ่อ เผยอี้ก็พอจะรู้แล้ว ว่าที่หล่อนมาแนะนำบริษัทจวี้เฟิงให้กับเจียงเซ่อ มันก็ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ และตอนนี้เผยอี้ก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมาก

พูดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน นึกถึงตอนที่สืบหาข้อมูลเหล่านี้ขึ้นมาได้อีกเรื่อง แต่พอพูดออกไปเรื่องอื่นแล้ว เขาก็ลืมที่จะพูดเรื่องนี้ไปเสียสนิท

พอคิดว่าเฝิงหนานมีเหตุอะไรที่ทำให้หล่อนต้องมีเจตนาร้ายต่อเจียงเซ่อขนาดนี้ ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

“แต่ผมเคยให้คนไปลองสืบดูแล้ว แต่ว่าตั้งแต่เด็กจนโต เจียงเซ่อก็มีเพื่อนแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ตามเหตุผลแล้ว มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปมีความแค้นกับใคร”

คู่อริคนนี่ช่างแปลกและน่าสงสัยเสียเหลือเกิน เบื้องหลังที่เน่าเฟะของจวี้เฟิงบันเทิงมีเดีย ก็อย่างที่เผยอี้พูด คนนอกไม่มีทางที่จะรู้แน่ๆ เจียงเซ่อก้มหน้าลง สายตาจดจ้องไปบนโต๊ะ แล้วถามขึ้นด้วยเสียงเบา

“นายว่า หล่อนจะเป็นดาราที่อยู่ในบริษัทจวี้เฟิงรึเปล่า?”

จู่ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะคลำเจอเรื่องราวอะไรบางอย่างเข้าแล้ว ในเมื่อเธอมาอยู่ในร่างของเจียงเซ่อ และใครบางคนก็มาอยู่ในร่างของเธอ แล้วเจียงเซ่อตัวจริงล่ะไปไหน?

ถ้าเกิดจะพูดว่าเจียงเซ่อตัวจริงอยู่ในร่างของเฝิงหนานละก็ การที่ถูกกดขี่อยู่ในจวี้เฟิงแบบนั้น ถ้าเป็นแค่จิตใจของเด็กอายุสิบแปด คงไม่มีทางที่จะรับและประคองตัวเองอยู่แน่ๆ และตามเหตุการณ์ในตอนนี้แล้ว ตัวเธอเองก็เริ่มที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมา ไม่ว่าจะยังไงเจียงเซ่อตัวจริงก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และคงจะมาตามหาตัวเธอแล้วด้วยซ้ำ

แต่หล่อนไม่เคยมาปรากฏตัวให้เห็นแม้แต่เงา เจียงเซ่อคิดว่า หรือเจียงเซ่อตัวจริงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกแล้ว และร่างของคนที่อยู่ในตัวเฝิงหนานเองก็คงจะไม่อยู่แล้วเช่นกัน

คิดถึงตรงนี้ เธอก็พูดเสริมขึ้นมาอีก

“หรือว่า ให้คนลองไปสืบดูว่าในบริษัทจวี้เฟิงมีดาราคนไหนที่มีนิสัยแบบนี้บ้าง อายุประมานยี่สิบขึ้นไป แล้วก็เสียชีวิตไปแล้ว”

เจียงเซ่อพูดจบ ก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ

ถึงจะทำแบบนี้แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมเฝิงหนานถึงเกลียดเธอ เธอพูดถึงความสงสัยในใจของตัวเองออกมา แววตาของเผยอี้ก็เป็นประกายขึ้น

“เดี๋ยวลองไปสืบดู”

พอมีเป้าหมาย เรื่องมันก็จะง่ายขึ้นเยอะ ทั้งสองต่างก็พอรู้กันดีจึงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ดูๆ เวลาแล้ว ตอนนี้มันก็ใกล้ถึงเวลาทานอาหารมื้อเที่ยงพอดี เผยอี้เองก็ได้จองร้านอาหารเอาไว้แล้ว ที่จริงช่วงบ่ายๆ กะจะไปเดินเล่นกับเธอเสียหน่อย เผื่อว่าจะซื้อของอะไรเข้าบ้านบ้าง แต่ลัวอ้าวคนของซื่อจี้หยินเหอก็โทรมาเสียก่อน

เรื่องที่โทรเข้ามา ก็ไม่ต่างจากที่เจียงเซ่อคาดเอาไว้นัก เขาบอกว่าลัวหยิ่นยินดีที่จะตอบรับข้อตกลงของเธอ และขอให้เธอทำตัวให้ว่างในช่วงบ่ายของวันพุธที่จะถึงนี้ เพื่อมาเซ็นสัญญากับบริษัท

ปลายสายอย่างลัวอ้าวกล่าวว่าการนัดเจอครั้งนี้จะพิเศษขึ้นมาอีกนิด

“ครั้งนี้จะเกี่ยวกับเรื่องผู้จัดการส่วนตัวที่ทางเราเลือกไว้ให้หลังจากที่คุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับเราแล้วนะครับ เวลานัดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ควรที่จะพลาดเลยด้วยนะครับ”

ตอนที่ได้ยินคำสั่งของลัวหยิ่น ที่บอกให้เซี่ยเชาฉวินลองมาเจอกับเธอดูก่อนแล้ว ลัวอ้าวเองก็ได้โทรหาอีกฝ่ายเรียบร้อย