webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

156

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 156 ราคาที่ต่ำสุด

เผยอี้วางตู้ปลาไว้บนโต๊ะ พนักงานรับออเดอร์เองก็เดินมาอย่ารวดเร็ว เผยอี้สั่งออกไปทั้งที่ไม่เงยหน้ามองเลยด้วยซ้ำ

“เอาเหมือนเธอเลยครับ”

เธอเองก็สั่งแค่กาแฟแก้วเดียว และเหมือนว่าจะไม่ได้แตะมันเลยด้วยซ้ำ เหมือนมันจะเย็นชืดไปแล้วด้วย

หลังจากที่พนักงานเดินออกไปแล้ว เขาก็รีบดันตู้ปลานั่นไปตรงหน้าเธอ

“เซ่อเซ่อ ดูนี่สิ”

ในแววตาของเขาเปล่งประกายออกมา ยังไงซะทั้งสองคนก็เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะนอนในห้องหนังสือก็เถอะ แต่ก็เป็นแบบนี้ล่ะนะ แต่การที่ได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมันทำให้เผยอี้ค่อนข้างพอใจ

“ผมรู้สึกว่าที่บ้านมันดูมีอะไรน้อยไปหน่อย”

เผยอี้กัดริมฝีปากตัวเอง เหมือนพยายามจะไม่ยิ้มออกมา

“ดังนั้นผมเลยก็ซื้อเจ้าเต่าสองตัวนี่มา” ตอนที่เขาเลิกแล้วออกมานอกมหาวิทยาลัย ก็ได้ผ่านร้านขายสัตว์ร้านหนึ่ง จากนั้นก็เห็นเจ้าเต่าสองตัวที่กำลังตลาดไปคลานมาอยู่ในตู้ ดูๆ ไปก็น่ารักดีไม่หยอก เหมือนเป็นคู่รักกันเลย ก็เหมือนเขากับเจียงเซ่อ ไม่มีทางที่จะแยกจากกันไปไหน

เขาพยายามปกปิดสิ่งที่คิดในใจอย่างเต็มที่ แล้วก็ค่อยๆ เงยหน้ามองเธอ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข

“พี่ว่าเราควรตั้งชื่อให้มันดีไหม?”

เจียงเซ่อมองดูท่าทางกระตือรือร้นของเขา ก็ไม่อยากจะทำลายความรู้สึกนั้นลง

ที่จริง แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่ค่อยสนใจกับการเลี้ยงสัตว์เท่าไหร่ เต่าสองตัวกำลังคลานชนกันไปมา และเผยอี้ก็มองมันอย่างสนอกสนใจ

“หรือว่า ตัวหนึ่งเราจะเรียกมันว่าอาอี้” เขาเงยหน้ามองเธอเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มขึ้น

“ส่วนอีกตัวเรียกว่าเซ่อเซ่อดีไหม?”

เต่าสองตัวปีนไปปีนมา ดูไร้เดียงสาแต่ก็ดูโง่ๆ เจียงเซ่อยื่นนิ้วไปแหย่มันทีหนึ่ง แต่เต่าสองตัวนั้นก็รีบหดหัวเข้ากระดองทันที เผยอี้ตกใจแล้วรีบย้ายตู้ปลานั่นหนี แล้วเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ

“อย่าไปแหย่มันแบบนั้นสิครับ! มันยังเล็กอยู่เลย ถ้ามันตายขึ้นมาจะทำยังไง?”

เขากอดตู้ปลาที่มีเต่าสองตัวนั้นเอาไว้ในอ้อมกอด แต่ก็กลัวว่าเจียงเซ่อจะโกรธตัวเองเหมือนกัน

“เซ่อเซ่อ พี่อย่าโมโหผมเลยนะ ในใจขอผม พี่สำคัญกว่าเจ้าสองตัวนี้อยู่แล้ว!” พอพูดจบ ก็ชี้นิ้วไปที่สองตัวนั้นอีกรอบ “ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยอ่ะ งั้นพี่เรียกตัวนี้ว่าเซ่อเซ่อนะ ส่วนตัวนี้ชื่ออาอี้”

เจียงเซ่อชะเง้อคอไปดูมัน เจ้าเต่าสองตัวนี่มันสีเหมือนกันเด๊ะ เธอพยายามมองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความแตกต่างกันตรงไหนเลย แล้วเผยอี้ก็ถามขึ้นมาอีก

“ดีไหม?”

เธอไม่อยากจะมีชื่อเหมือนเต่าหรอกนะ เลยส่ายหัวไป

“ตัวหนึ่งชื่อเสี่ยวเผย อีกตัวชื่อเสี่ยวอี้ดีกว่ามั้ง”

“...” เผยอี้ทำหน้าเซ็งเล็กน้อย เจียงเซ่อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากขึ้น

“แล้ววันนี้ที่ซื่อจี้หยินเหอ ราบรื่นดีหรือเปล่าครับ?”

กาแฟที่สั่งมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วดันเจ้าเต่าสองตัวนั้นไปไว้อีกฝั่ง เพื่อกันไม่ให้เธอเอานิ้วมาแหย่มันอีก

เจียงเซ่อหยิบช้อนขึ้นมาคนกาแฟที่เย็นชืดไปตั้งนานแล้วเล่น ที่จริงเธอไม่ได้ชอบกินกาแฟ แก้วที่สั่งมาก็แค่นั่งดมมันอยู่แบบนั้น

เธอเล่าสิ่งที่ได้คุยกับลัวอ้าวในซื่อจี้หยินเหอคร่าวๆ และก็พูดเกี่ยวกับที่ตัวเองเสนอว่าจะเซ็นสัญญาแค่สามปีเท่านั้นให้ฟัง “เขาบอกว่าจะไปปรึกษากับทางบริษัทก่อน ไว้วันหลังจะติดต่อกลับมาหาเอง”

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เจียงเซ่อกลับรู้สึกว่าลัวอ้าวจะต้องตอบรับคำขอของเธอแน่ๆ

“ให้ผมช่วยไปกดดันหน่อยดีไหม?”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง หรือจะหาเรื่องยุ่งๆ ให้ซื่อจี้หยินเหอได้หัวหมุนดี เพื่อบีบให้พวกมันเหลือทางเลือกไม่มาก “ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้พวกเขากำลังมีการลงทุนครั้งใหญ่ และจ่ายเงินไปอย่างมหาศาลเพื่อที่จะยัดนักแสดงหญิงแซ่เถาของบริษัทนั่นให้ได้เล่นหนังของจางจิ้งอาน เห็นว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ด้วยสิ”

ที่จริงเผยอี้ก็ไม่ได้สนใจหรือรู้เรื่องอะไรนักเกี่ยงกับวงการบันเทิงหรอก แต่ทั้งหมดก็เพื่อเจียงเซ่อทั้งนั้น เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะหันมาสนใจด้านนี้เอาไว้บ้าง

ตอนนั้น หนังเรื่องแรกที่เจียงเซ่อไปเล่นเป็นตัวประกอบก็คือหนังของจางจิ้งอาน พอได้ยินเผยอี้พูดถึงชื่อจางจิ้งอานขึ้นมาแล้ว เธอก็หยุดคนแก้วกาแฟทันที พร้อมกับเงยหน้าขึ้น

ข่าวนี่ บางทีคนนอกก็อาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ไม่มีทางที่จะปกปิดเผยอี้ได้หรอก

“หนังเรื่องใหม่ที่จางจิ้งอานจะกำกับ รู้สึกว่าจะคุยเรื่องการลงทุนเรียบร้อยแล้วด้วย แล้วแต่ละที่ที่มาร่วมลงทุนก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ เพื่อบทๆ นั้น ซื่อจี้หยินเหอได้ทำการแลกเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยนะ ทำให้เงินกำไรที่เคยได้มาต้องไหลออกไปเยอะพอสมควร เพื่อแลกกับเงินมหาศาลที่จะได้มาในภายหลัง” เผยอี้เลื่อนแก้วกาแฟที่ยังร้อนอยู่ของตัวเองไปให้เจียงเซ่อ แล้วยกกาแฟที่เย็นชืดของเธอขึ้นมาดื่มแทน

“หรือว่า ให้ผมช่วยดีไหม ทำให้หนังเรื่องนั้นไม่มีโอกาสได้สำเร็จในประเทศไปเลย”

กาแฟที่เย็นชืดนี่เสียรสชาติไปแล้ว เขาดื่มไปแค่อึกเดียวก็ไม่แตะมันอีกเลย

หัวเซี่ยเป็นประเทศที่ใหญ่ หรือพูดได้ว่า ถ้าวงการหนังมีพละกำลังมากพอในการแข่งขัน หลายปีมานี้ค่าใช้จ่ายในประเทศก็เหมือนจะยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาพการขายบัตรหนังเพิ่มขึ้นสูง ธุรกิจภายในและบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ร่วมลงทุนหนังก็ทำให้ฉากหน้าดูดีไม่น้อย

ไม่ว่าจางจิ้งอานจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหน หรือไม่ว่าเขาจะมีคนคอยสนับสนุนอยู่สักกี่คน แต่ถ้าหนังเรื่องใหม่ของเขาถูกห้ามไม่ให้ฉายในประเทศละก็ ทุกอย่างมันก็จะสูญเปล่า

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ทุนมหาศาลที่ถูกลงไปกับการยัดคนของตัวเองเข้าเป็นนักแสดงตรงนั้นก็จะสูญเปล่าไปด้วย และมันก็จะเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงสำหรับจางจิ้งอานด้วย

และการที่เผยอี้พูดออกมาแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นการพิสูจน์ว่าเขาทำเรื่องแบบนั้นได้แน่นอน

“ถ้ามันไม่ยอมตอบรับข้อตกลงของพี่ ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้มันก้มหัวนะ” เขาพูดประโยคนั้นออกมาอย่างไม่แคร์อะไรเลยสักนิด เจียงเซ่อปิดนิตยสารที่ถูกเปิดอ่านไปเกือบครึ่งเล่มลงแล้วนำไปเก็บเข้าที่เดิม

“ไม่ต้องเลย” เธอก้มหน้าลงดมกลิ่นหอมๆ ของกาแฟ “พวกเขาจะต้องตกลง”

พอนึกถึงตอนที่ได้เจอและพูดคุยกับลัวอ้าวในวันนี้แล้ว ถึงเขาจะพยายามพูดถึงประธานกรรมการและฉางยวี่หูมากแค่ไหน หรือจะพูดถือผลประโยชน์และความเกรงใจต่อฉางยวี่หูก็ตาม แต่ข้อตกลงสองข้อที่เธอขอไป มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ส่งผลร้ายต่อบริษัทเลยสักนิด

และความห่วงใยหรือจะกังวลของลัวอ้าวที่อุตส่าห์เตือนก็โดนเธอหักล้างไปเรียบร้อยแล้ว สามปีหลังจากนั้นถ้าเธอดังขึ้นมาจริงๆ เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะยกเลิกสัญญาของซื่อจี้หยินเหอทิ้ง ถึงเวลานั้นแล้วก็ยังต้องมาตกลงข้อสัญญาใหม่ด้วยซ้ำไป

ขอแค่ลัวหยิ่นไม่โง่ เขาก็น่าจะรู้ดี ว่าเงื่อนไขข้อตกลงแบบนี้ ไม่ได้มีผลเสียอะไรต่อซื่อจี้หยินเหอเลยสักนิด

อย่างแรกเลย คือเขาสามารถซื้อใจของฉางยวี่หูได้ และไม่ต้องมารับผิดชอบเธอถึงห้าปีตามสัญญาและไม่ต้องเสียเงิน 10% นั่นด้วย

ถ้าหากว่าหลังจากสามปีนั่นผ่านไปแล้ว เธอยังเดินต่อในเส้นทางนี้ได้อย่างราบรื่นและยังสามารถทำเงินให้กับบริษัทได้ละก็ สัญญาสามปีที่เธอเสนอไป ลัวหยิ่นก็ยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายอีกสองปีนั่นได้ด้วยซ้ำ

แต่ถ้าสามปีให้หลัง เธอไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ บริษัทก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีรับผิดชอบเธออีก

“ผมไม่เข้าใจว่าซื่อจี้หยินเหอจะเอาเหตุผลไหนมาปฏิเสธ”

ถ้าแม้แต่เงื่อนไขง่ายๆ แบบนี้ซื่อจี้หยินเหอยังตกลงไม่ได้ งั้นตัวเธอเองก็ไม่รู้จะหาเหตุผลไหนมาพูดแล้ว ก็คงต้องเลิกที่จะเลือกบริษัทนี้ไปซะ

เผยอี้รับคำ พูดถึงเรื่องบริษัทเอเจนซี่แล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้

“จริงสิ” เขาหุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง “ผมว่าเฝิงหนานน่าจะเป็นปัญหาอยู่นะ”

“นายไปสืบเจออะไรเข้า?”

เจียงเซ่อถามออกมา ท่าทางของเผยอี้ดูเคร่งขรึมขึ้น แล้วชะโงกตัวเข้าไปหาเธออีกนิด

“ครั้งก่อนพี่บอกไม่ใช่เหรอ ว่าหล่อนแนะนำให้พี่เข้าบริษัทจวี้เฟิงบันเทิงมีเดียน่ะ”