webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

155

 娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 155 เตรียมการ

 

สำหรับลัวหยิ่นแล้ว เขามองว่าราดาในสังกัดของตัวเองสำคัญเสมอ เช่นเดียวกับผู้จัดการ โดยเฉพาะกับผู้จัดการดีๆ เขาให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าพวกดาราเลย หรือเผลอๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

และเขาก็ไม่ได้ใจแคบที่จะเสนอตัวเลขสูงๆ สำหรับคนที่มีค่า ขอแค่เป็นคนที่มีความสามารถ ซื่อจี้ หยินเหอก็พร้อมที่จะต้อนรับเสมอ ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนที่นะต้องให้จะมากกว่าดาราระดับหนึ่งก็ตาม

เซี่ยเชาฉวินที่ลัวหยิ่นพูดถึง เป็นคนฮ่องกง อายุสามสิบเจ็ดปี พ่อของหล่อนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของรัฐบาลฮ่องกง ถือเป็นตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียงไม่น้อย

เธอจบการศึกษาจากไฮสคูลที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเยลเกี่ยวกับสายงานหนังและภาพยนต์ เธอได้ศึกษาอยู่ที่นั่นอยู่นานหลายปีจนได้ปริญญาโทมา การที่เธอไม่ได้ต่อยอดทำงานในอเมริกา เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนแปลกใจไม่น้อย แต่เธออยู่สั่งสมประสบการณ์และคอนเนคชั่นมากมาย และกลับมาทำงานในประเทศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด และก็ได้รับการทาบทามครั้งใหญ่จากลัวหยิ่นนั่นเอง หล่อนเข้ามาทำงานในซื่อจี้หยินเหอ และกลายเป็นผู้จัดการแนวหน้าของบริษัท

ตอนที่เธอศึกษาอยู่ที่ร่างประเทศก็ล้วนแล้วเกี่ยวกับวงการหนัง ทั้งเพื่อนเก่าที่เคยเรียนด้วยกัน และเพื่อนใหม่เพื่อนปัจจุบันที่รู้จักกัน ล้วนแล้วเป็นคนที่มีชื่อเสียง ปัจจุบัน ทั้งผู้วิจารณ์หนังชื่อดังของหนังสือพิมพ์และนิตยสารระดับโลก จนไปถึงผู้ที่มีหน้ามีตาและมีชื่อเสียงในประเทศ ต่างก็มีความสัมพันธ์และรู้จักกับหล่อนทั้งนั้น ยิ่งในฮ่องกงยิ่งไม่ต้องพูด เรียกได้ว่าเป็นแวดวงของหล่อนทั้งสิ้น

มีคอนเนคชั่นที่แกร่งขนาดนี้ อีกทั้งตัวเซี่ยเชาฉวินเองก็เป็นผู้หญิงแกร่งพอตัวอยู่แล้ว แน่นอนว่ายิ่งได้เข้ามาในซื่อจี้หยินเหอก็ยิ่งสร้างความเจริญเข้าไปใหญ่

แต่ดาราที่เธอดูแลมีไม่มาก มีเพียงเถาเฉินคนดียวเท่านั้น และปัจจุบันหล่อนก็เป็นดาราที่อยู่จุดสูงสุดของซื่อจี้หยินเหออีกด้วย หล่อนทำงานอยู่ชั้นที่ยี่สิบหก และตอนนี้ก็กำลังจะพัฒนาอย่างเต็มที่เพื่อที่จะโกอินเตอร์ไปต่างประเทศ ถือเป็นคนที่ให้ความเคารพอยู่ไม่น้อย ในทุกๆ ปีสามารถทำเงินเข้าบริษัทได้มากกว่าจูพ่านเป็นสิบเท่า!

เซี่ยเชาฉวินถือว่าเป็นคนที่ทำงานเก่งมากๆ ทำให้บริษัทได้กำไรอย่างมหาศาล เมื่อหกปีก่อน เพื่อที่จะรั้งเธอให้อยู่ในบริษัทต่อ ลัวหยิ่นถึงกับยอมแบ่งหุ้นของบริษัทถึง 01% ให้เป็นชื่อของหล่อน ทำให้จากที่เป็นแค่ผู้จัดการชั้นแนวหน้าที่มีฝีมือของซื่อจี้หยินเหอ กลายเป็นคนที่ได้รับเงินปันผลกำไรอย่างผู้ถือหุ้น!

ตอนที่บริษัทได้เข้าสู่ตลาดครั้งแรก นอกจากส่วนที่เป็นของลัวหยิ่นถึง 65% และเป็นคนที่กุมอำนาจของซื่อจี้หยินเหอเอาไว้ทั้งหมดแล้ว หุ้นในส่วนอื่นๆ ก็จะกระจายอยู่กับนักธุรกิจต่างๆ ทั่วไป และประมาณ33% เป็นของเหล่ารุ่นอาวุโสทั้งหลาย

เงินทองที่หลั่งไหลเข้าบริษัทในตอนนั้นทำให้กลายเป็นซื่อจี้หยินเหอในทุกวันนี้ และ 01% ตรงนั้นก็สามารถทำตัวเลจมหาศาลให้กับบริษัทได้ในทุกๆ ปี

ตอนนั้นเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตใหญ่โตของซื่อจี้หยินเหอ ถือว่าเป็นที่ฮือฮากันมากในหมู่คนเบื้องบน

ผู้จัดการหลายคนต่างลุกฮือขึ้นมา และนี่ก็ถือเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนในความคิดและมุมมองของลัวหยิ่น นั่นก็คือการไม่คิดจะกดคนที่มีความสามารถ เขาต้องการคนที่มีความสามารถเท่านั้น และเขาจะทำทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น แค่สามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้ บริษัทก็พร้อมที่จะตอบแทนให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

“ท่านประธาน ทำแบบนี้แล้ว พี่เซี่ยเขาจะ”

พอพูดถึงเซี่ยเชาฉวินขึ้นมา ลัวอ้าวก็มีท่าทางที่ดูจะเคารพหล่อนเอาเสียมาก และยังดูลังเลในความคิดของลัวหยิ่นอีกด้วย

“ยังไงก็เป็นแค่ดาราใหม่ แล้วพี่เซี่ยเขาเป็นถึงระดับไหน มันจะดูเอิกเกริกไปหรือเปล่าครับ”

ตำแหน่งฐานะของเซี่ยเชาฉวิน หล่อนถือเป็นคนพิเศษในบริษัท และลัวอ้าวเองก็เคารพหล่อนพอสมควร

หลายปีมานี้หล่อนดูและแต่เถาเฉินมาโดยตลอด ลัวอ้าวเม้มปาก

“พี่เซี่ยเขา อาจจะเกิดความไม่พอใจก็ได้นะครับ”

เถาเฉินถือว่าเป็นผู้หญิงที่เป็นหน้าเป็นตาอีกคนหนึ่งของบริษัท แต่ละปีหล่อนทำเงินได้ไม่น้อยเลย ผู้ถือหุ้นหลายรายก็ให้หน้าเธอไม่น้อย

เซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการของเธอ ลัวหยิ่นตัดสินใจแบบนี้แล้ว อาจจะทำให้เธอไม่พอใจก็ได้

ลัวอ้าวพูดออกไปเสียงเบา ลัวหยิ่นยิ้มก็เหมือนไม่ได้ยิ้มและมองเขา และก็พบว่าลัวอ้าวมีท่าทางกังวลไม่น้อย จึงพูดขึ้น

 “เถาเฉินเป็นแค่ดารา ไม่ได้เป็นนายจ้างของที่นี่” ดาราก็เป็นแค่สินค้าอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากแค่ไหน แต่ก็ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ซื่อจี้หยินเหอสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น ลัวหยิ่นเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ แล้วเตือนสติเขาขึ้นมา

“แกลำดับความสำคัญผิดไปหน่อยนะ”

ลัวอ้าวชะงักไป แล้วรีบก้มหน้าลงทันที

บริษัทต้องการแค่ผลกำไร และฐานะหน้าตาก็เป็นอีกสิ่งที่เป็นผลดีต่อบริษัท “ลองให้พวกเธอเจอกันดูก่อน ลองดูก่อนว่าเซี่ยเชาฉวินจะคิดยังไง หล่อนชอบเรื่องท้าทายอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าหล่อนตกลง ก็จะรับเธอเอาไว้”

และลัวอ้าวก็จำสิ่งที่เขากำชับเอาไว้อย่างขึ้นใจ

ตอนที่เจียงเซ่ออกมาจากซื่อจี้หยินเหอ พนักงานฟรอนต์สาวๆ ทั้งหลายร่างก็พากันลังเลไม่กล้าเดินไปหาเธอ เพราะบริษัทค่อนขางข้มงวดกับกฎที่ว่าห้ามพนักงานไปรบกวนศิลปิน

พอดูเวลาแล้ว ตอนนี้เผยอี้คงยังนั่งเรียนอยู่แน่ๆ และทั้งสองคนได้นัดกันแล้วว่าจะทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

เจียงเซ่อเลยคิดว่าจะเดินเล่นแถวๆ นี้ไปก่อน แต่พอนึกถึงสถานการณ์ที่มีจำตัวเองได้ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแล้ว เธอก็เลยคิดว่าไปนั่งในร้านกาแฟแถวนี้จะดีกว่า

และอาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้มันยังเป็นช่วงเช้าอยู่ ในร้านกาแฟแห่งนี้เลยไม่ค่อยมีคนนัก มีลูกค้าเพียงสองโต๊ะที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่

เจียงเซ่อเลือกหาที่นั่งในมุมๆ หนึ่งของร้าน พนักงานรับออเดอร์มองเธอครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงความแปลกใจอะไรออกมา

บริษัทเอเจนซี่ส่วนมากก็ตั้งอยู่บริเวณแถวนี้ นอกจากซื่อจี้หยิ่นเหอแล้ว ก็ยังมีบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างหัวซิงและจวี้เฟิงที่อยู่ใกล้ๆ กัน ดังนั้นในรานกาแฟแห่งนี้จึงได้พบเห็นดาราอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเด็กสาวรับออเดอร์คนนี้เลยไม่ได้มีท่าทีที่แปลกใจอะไร

เจียงเซ่อสั่งมอคค่ามาหนึ่งแก้ว และเลือกขนาดแก้วจากในเมนูที่เหมาะสมมา พอพนักงานเดินออกไปแล้ว เธอก็มองไปรอบๆ ร้านกาแฟอย่างพิจารณา ในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นของกาแฟ ชุดโต๊ะเก้าอี้ในร้นถูกจัดเอาไว้อย่างชาญฉลาด โดยที่วางโต๊ะไม่ให้ชิดกันนัก ด้านข้างมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ และมีนิตสารมากมายอีกด้วย

เธอเลือกหยิบมาดูหนึ่งเล่ม มันเป็นนิตยสารภายในประเทศที่ชื่อว่า “สือไต้เฟิงฉาย” เนื้อหาส่วนมากในนี้ก็จะเป็นรูปของผู้คนในแวดวงธุรกิจในประเทศ และมีตัวหนังสือให้อ่านบ้างพอสังเขป และคนเหล่านี้ส่วนมากก็จะเป็นพวกที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี และรวมไปถึงเหล่าคนที่โดดเด่น อย่างในฉบับนี้ก็เป็นผู้ชายอายุราวๆ เจ็ดสิบห้าปีสวมชุดสูทสีน้ำเงิน เจียงเซ่อเห็นก็จำได้ว่าเขาคือประธานกรรมการอสังหาริมทรัพย์จิ่งไท่ ที่ชื่อว่าโจวเหวย

คนส่วนมากที่ตามแต่พวกดาราก็คงไม่มีทางที่จะรู้ว่าเขาคือใคร และหน้าที่สองของนิตยสารก็จะเป็นรูปของดาราแล้ว แต่มันก็เป็นรูปดาราชายที่กำลังโด่งดังสุดๆ ในตอนนี้อย่างหลิวเย่

การที่ได้มาถ่ายแบบให้กับนิตยสาร สือไต้เฟิงฉาย ถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นปก แต่แค่ได้อยู่ในหนังสือมันก็ถือว่าเป็นการสร้างหน้าสร้างตาให้กับตัวเองแล้ว และนี่ก็ถือเป็นการบ่งบอกว่ารายได้ และฐานะของหลิวเย่มันน่าจับตามองมากแค่ไหน เขาถึงได้โดนสือไต้เฟิงฉายนำรูปมาลงในนิตสารไงล่ะ

เธอพลิกอ่านมันได้ครู่หนึ่ง ตอนที่เผยอี้ก็โทรมาหลังเรียนเสร็จ เธอก็ดูไปได้ครึ่งเล่มพอดี

พอเขาถามตำแหน่งที่เธออยู่ชัดเจนแล้ว ประมานสามสิบนาทีหลังจากนั้นเขาก็มาถึง พอเข้ามาในร้านกาแฟ เขาก็มองไปรอบๆ ร้านเพื่อหาเธอ

เผยอี้น่ะตัวสูง ตอนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู ตัวของเขาก็เรียกได้ว่าแทนจะบังแสงจากข้างนอกเอาไว้เสียหมด และเงาดำก็ทอดยาวมาข้างในร้านด้วย และรูปร่างหน้าตาของเขาก็ยากที่จะไม่ให้คนอื่นหันมาสนใจ แม้แต่คนที่นั่งคุยกันอยู่ก็ยังต้องหยุดเพื่อมองเขาเลยด้วยซ้ำ

เขาเอากุญแจรถไว้ในมือข้างหนึ่ง แถมยังอุ้มตู้ปลาเล็กๆ เอาไว้อีกด้วย และในนั้นก็เหมือนจะมีเต่าสีเหลืองสองตัวกำลังปีนป่ายไปมา

และเขาก็พบว่าเจียงเซ่อนั่งอยู่ในมุมๆ หนึ่งของร้าน ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก็รีบเดินเข้าไปหาเธอและเอ่ยขึ้นด้วนน้ำเสียงตื่นเต้น

“เซ่อเซ่อ”