webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

154

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 154 สังเกตการณ์

แต่ว่าถ้าเจียงเซ่อยังยืนยันว่าจะเซ็นสัญญาแค่สามปี อย่างนั้นเงินที่จะให้อีก 10 % ก็จะไม่มี และถ้าเธอยังจะเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอแล้วละก็ มันก็ถือว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของตัวเธอเองแล้ว

“ถ้าคุณเข้าวงการนี้แค่ในระยะเวลาสั้นๆ เรื่องต่างๆ ก็คงจะทำให้ชัดเจนไม่ได้น่ะสิครับ ถ้าให้เทียบกันแล้ว ดาราระดับสอง*(ราดาประเภทนางร้าย นางรอง พระรอง) ของทางบริษัท ก็จะมีผู้จัดการระดับสองคอยดูแล ทางบริษัทก็จะหักออกประมาณ 25% แล้วดาราในสังกัดของพวกเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นดาราระดับสองที่มีต้นทุนมากมายแค่ไหน ถ้าปีหนึ่งได้รับรายได้อยู่ที่สามสิบล้าน แล้ว 25% คือเท่าไหร่ คุณจะลองเอากลับไปคิดดูก็ได้นะครับ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงดาราระดับหนึ่ง* ( ดาราประเภทพระเอกนางเอก ) และผู้จัดการของพวกเขาเลย” พอเขาพูดถึงตรงนี้ เขาก็พิงตัวไปกับพนักพิงด้านหลัง

“ผู้จัดการอันดับต้นๆ ของบริษัท ตามกฎแล้ว บริษัทจะหักออก 50% เลยนะครับคุณเจียง”

ส่วนของผู้จัดการยิ่งเยอะ แน่นอนว่าจะต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม นี่มันเป็นกฎที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ยิ่งทำมากแค่ไหนก็จะยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ดาราระดับหนึ่งมีรายได้เกินร้อยล้านอยู่แล้ว ก็เหมือนอย่างชุยซิ่ง ในทุกๆ ปีเขาสามารถทำเงินให้กับบริษัทได้เป็นกอบเป็นกำ และแน่นอนว่าผู้จัดการ หลิวฟางผิง ของเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงคนที่จบมาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในรัฐแมนแฮตตันแห่งนครนิวยอร์ก ช่วงวัยเรียนของเขาก็ถือว่าผ่านอะไรมามากมาย และได้สั่งสมประสบการณ์มาหลายปี และหลังจากที่กลับมาถึงประเทศบ้านเกิดตัวเองเขาก็ได้มีคอนเนคชั่นมากมาย ที่เรียกได้ว่าท่าจะทุกสายงานเลยด้วยซ้ำ ทำให้เขาสามารถหางบประมาณมาลงทุนกับหนังของชุยซิ่งได้อย่างมหาศาล และทำให้เขาได้มีชื่อเสียงขึ้นมา การที่ได้เป็นผู้จัดการระดับแนวหน้าของซื่อจี้หยินเหอ รายได้ในแต่ละปีที่อาจจะมากกว่าดาราระดับสองด้วยซ้ำไป

ดาราแบบนี้กับผู้จัดการแบบนั้น มันก็ดูวินๆ กันทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว

พูดถึงตรงนี้แล้ว ลัวอ้าวนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นอย่างเนิบๆ

“10% ตรงนี้คุณคงจะพอรู้แล้วใช่ไหมครับว่ามันเท่าไหร่ และผมว่าในตอนนี้ คุณคงจะต้องคิดให้รอบคอบเสียหน่อยนะครับ”

ถ้าหากว่าเธอยอมเซ็นสัญญาห้าปีนี่ แล้วเลือกผู้จัดการแนวหน้า ทางบริษัทก็ยังพอจะดันเธอให้กลายเป็นดาราระดับหนึ่งได้ และถ้าภายในหนึ่งปีเธอสามารถหารายได้ได้ถึงร้อยล้าน งั้น 10% ตรงนั้นที่เสนอไปก็ดูจะแฟร์ๆ กันอยู่

แต่คำพูดของลัวอ้าวไม่สามารถโน้มน้าวเจียงเซ่อได้ เพราะเธอไม่ใช่เจียงเซ่อตัวจริงที่แสนยากจน เห็นเงินแล้วตาพร่าอะไรแบบนั้น

ตั้งแต่เด็กที่เกิดในตระกูลเฝิง เธอมีชีวิตที่ร่ำรวยมาโดยตลอด และเธอจะไม่ยอมให้ความเห็นแก้ผลประโยชน์ตรงนี้มาเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเอง

“ชีวิตที่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้น”

ถ้าหากว่าเธอต้องการเงินจริงๆ เธอไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าวงการนี้เลยด้วยซ้ำ “ถ้าจะแค่ทำเพื่อเงิน ไม่สู้ฉันไปแต่งให้คนอื่นไม่ดีกว่าเหรอคะ”

พอเธอพูดแบบนั้นออกมา ลัวอ้าวก็เผลอหลุดขำเล็กน้อย

“ดังนั้นฉันยังยืนยันว่าจะเซ็นสามปีเท่านั้น สิ่งที่ขอไปก็มีเพียงเท่านี้ ยังไงคุณลัวเองก็ต้องลองคิดให้ดีๆ นะคะ”

คำพูดของเธอเหมือนเป็นการจบบทสนทนาของทั้งสองลงเพียงเท่านี้ ลัวอ้าวพยักหน้า แล้วก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตัวตรง

“ผมจะลองเอากลับไปพิจารณาดูเป็นอย่างดี ถ้าหากมีความคืบหน้าอย่างไร ผมจะโทรไปหาคุณเองครับ” เขาจับมือบอกลากับเจียงเซ่อเรียบร้อย พร้อมกับสั่งให้เลขาอู๋ไปส่งเธอด้วย

เจียงเซ่อเพิ่งจะออกไปจากห้องประชุมเท่านั้น ลัวหยิ่นก็โทรมาหาเขาพอดี

ในห้องประชุมแห่งนี้มีกล้องวงจนปิดติดอยู่ด้วย ดังนั้นการสนทนาต่างๆ ของทั้งสองในห้องประชุมก็ได้ปรากฏสู่สายตาของลัวหยิ่นหมดแล้ว เรื่องที่จะทำอย่างไรต่อ เขาคิดว่าประธานกรรมการจะต้องจะต้องตัดสินใจเอาไว้แล้วแน่ๆ

บนตึกชั้นที่ยี่สิบเก้า ถือเป็นชั้นที่สูงที่สุดของตึกนี้แล้ว และยังถือว่าเป็นชั้นของคนทีมีอำนาจสูงสุดของซื่อจี้หยินเหออีกด้วย ในบริษัทยังมีอีกหลายชีวิตมากมายที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อปีนขึ้นมาจุดสูงๆ เหมือนกับคนที่กำลังปีนขึ้นไปยังยอดพีระมิด

คนบนชั้นนี้มีไม่มากนัก เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นเหล่าผู้มีหุ้นส่วนของบริษัทนี้เอง และห้องทำงานของเขาก็อยู่บนชั้นบนสุด และเขาคงจะต้องกำลังนั่งทำงานอยู่แน่ๆ

ห้องทำงานของเขาใหญ่มาก อีกทั้งยังมีห้องครัว มีห้องเสื้อผ้า และรวมไปถึงที่เก็บไวน์ และบาร์เล็กๆ เป็นต้น ส่วนด้านหลังของห้องก็จะเป็นกระจกหนาใสบานใหญ่ มีพอมองออกไปแล้วก็จะได้เห็นเมืองหลวงที่สุดแสนจะเจริญรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่

ลัวหยิ่นกำลังถือบุหรี่ที่ถูกไฟลนแล้วไปเกือบครึ่ง เขาสูบมันเข้าทีหนึ่ง แล้วหรี่ตาถาม

“เธอว่าเป็นอย่างไรล่ะ?”

“ท่านประธาน คุณหมอบอกว่า คุณควรจะลดการสูบบุหรี่ลงนะครับ” ลัวอ้าวเตือนออกไป แต่ลัวหยิ่นก็ใช่ว่าจะสนใจเขา กลับกันกลับทำเป็นดูดเข้าไปคำใหญ่ ลัวอ้าวจึงเป็นได้แค่คนถือที่เขี่ยบุหรี่ที่เดินตามควันสีเทาของเขา แล้วตอบความคิดเห็นตัวเองขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“เป็นคนมีหลักการ มีแนวทางชัดเจน ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเบื้องหลังยังมีคนหนุนอยู่ ก็พิสูจน์ได้ว่าเธอแตกต่างจากที่ท่านประธานคิดเอาไว้แต่แรก”

เธอไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์ของฉางยวี่หูมาต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และจากที่ฟังเหตุผลที่จะเซ็นสัญญาแค่สามปีมันก็ดูสมเหตุสมผลดี ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานและมีเป้าหมายที่ชัดเจน “มีต้นทุนมาตั้งแต่กำเนิด และมีความมานะตั้งใจแบบนี้ ตอนที่ผมไปถึง เธอก็ไม่ได้พูดถึงชื่อจูพ่านขึ้นมาเลยสักครั้ง ผมลองสังเกตดูแล้ว เหมือนเธอจะไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องความแค้นของจูพ่านเลยสักนิดนะครับ”

ถ้ามองจากในมุมนี้แล้ว ตอนนี้ลัวอ้าวดูจะมองเธอด้วยสายตาที่ดีไปเสียแล้วสิ

สิ่งที่ดาราหลายคนยังขาดอยู่ อย่างเช่นคนจูพ่าน ถึงจะพูดได้ว่าเป็นคนที่ซื่อจี้หยินเหอปั้นมา แต่ก็ยังไม่สามารถลบตัวตนจริงๆ ของหล่อนออกไปได้ ถึงได้มีท่าทางกระโตกกระเตกออกมาให้ได้เห็น

ส่วนขั้นตอนต่างๆ ก็ใช่ว่าจะสามารถเปิดเผยกันให้รู้ได้ คนพวกนี้ดังเร็วก็จริง แต่อยู่ไม่ได้นานนักหรอก

โดยเฉพาะกับดาราไอดอลสมัยนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แฟนคลับเป็นพวกที่เกิดความรู้สึกง่ายต่อเหล่าดารา แค่มีดาราคนใหม่เข้ามาแทนดารายุคเก่าก็สามารถเปลี่ยนใจไปชอบของใหม่กันแล้ว จูพ่านเองก็ใช่ว่าจะดังอยู่ได้นาน ที่บริษัทพยายามจะช่วยพยุงเธอ นั่นก็เป็นแค่เพราะบริษัทต้องการที่จะรีบบีบเอาสิ่งที่คุ้มค่าในตัวเธอออกมาเท่านั้นเอง

“แต่เจียงเซ่อไม่เหมือนกัน เท่าที่ผมได้พูดคุยกับเธอ ก็พอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ฉางถึงได้ชอบเธอนัก” ลัวอ้าวผินหน้าเล็กน้อย ในใจก็รีบเรียบเรียงคำใหม่

“เธอดูแตกต่างมาก มีความทะเยอทะยานตั้งใจ แต่ความทะเยอทะยานเหล่านั้นไม่ใช่เพราะเงิน แต่เหมือนจะเน้นไปที่ตัวหนังมากกว่า เพื่อที่จะขุดค้นศักยภาพในตัวของตัวเอง”

สิ่งที่ซื่อจี้หยินเหอหามาก็พอจะทำให้รู้ได้บ้างว่า การที่ไม่เอาเรื่องเหยาเสียงโดนทำร้ายมาสร้างข่าวให้ตัวเองดัง ถือเป็นการกระทำที่ฉลาดมาก การกระทำอันชาญฉลาดนั่นทำให้เธอได้ความประทับใจจากกู้เจียเอ่อจนต้องโทรศัพท์หาหลินซีเหวินด้วยตัวเองเลยทีเดียว

ฐานะทางบ้านของเธอไม่ค่อยดีนัก ในสถานการณ์ที่ขาดแคลนเงินแบบนี้ เธอกลับไม่เลือกที่จะรับเล่นหนังที่ได้ค่าตอบแทนสูงๆ แต่กลับเต็มใจที่จะรับเล่นหนังที่ค่าตัวน้อยอย่าง The Occasion of Beiping แทน

สติปัญญาแบบนี้ ส่วนมากมักจะพบอยู่ในรุ่นพี่คนเก่าๆ ที่อยู่ในวงการมานานและเจออะไรมากมายหลายปีเสียมากกว่า แต่ตัวเธอกลับใจเย็นและสงบนิ่ง และให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“ผมรู้สึกว่า เธอดูคล้ายกับอาจารย์ฉางตอนที่ยังสาวๆ น่ะครับ”

พอลัวอ้าวพูดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกว่านี่มันไม่ถูกต้องแล้ว

ฉางยวี่หูในใจของลัวหยิ่นนั่นมีตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป แบบนี้ลัวหยิ่นอาจจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนล่วงเกินทางวาจาอยู่ก็เป็นได้ เขาเลยรีมเปลี่ยนความคิดเห็น

“เธอไม่เหมือนกับคนที่อยากจะเป็นดารา แต่เธอมีความทะเยอทะยาน ที่จะเป็นนักแสดงที่ใกล้เคียงกับคำว่าศิลปินเสียมากกว่า”

ลัวหยิ่นสูบบุหรี่เข้าไปอีก เปลวไฟอ่อนๆ สว่างขึ้น แล้วเขาก็พ่นควันขาวออกมา หมุนเป็นเกลียวลอยขึ้นไปในอากาศ ลัวหยิ่นตัดสินใจแล้ว

“ได้ งั้นก็ทำตามที่เธอขอซะ ให้เธอเซ็นสัญญาสามปีไปก่อน” แล้วเขาก็บดปลายบุหรี่ที่ยังเหลือลงบนที่เขี่ยบุหรี่ ก่อนจะหันหน้าไปพ่นควันที่ยังอยู่ในปากออกไป

“ในบริษัท ศิลปินในมือของเชาฉวินถือว่าน้อยที่สุดแล้วละนะ”

แค่เขาพูดออกมาแบบนั้น ลัวอ้าวก็ถึงกับตะลึงไป

อาจจะเพราะรู้สึกแปลกใจมากไปหน่อย ทำให้มือที่กำลังถือที่เขี่ยบุหรี่มันสั่นไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตกใจอยู่ไม่น้อย

“อะไรนะครับ? พี่เซี่ยน่ะหรือ?”

ในซื่อจี้หยินเหอ ผู้จัดการสำหรับดาราก็แบ่งออกเป็นหลายระดับ

อย่างเช่นระดับผู้จัดการของจูพ่านที่ชื่อ ailsa นั่น ก็ยังเทียบไม่ได้กับเซี่ยเชาฉวินเลยด้วยซ้ำ