娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 153 เงื่อนไข
ตอนนี้เพิ่งจะมาอยากได้บริษัทคอยจัดการออกหน้าให้ ลัวอ้าวเองก็อยู่ในวงการมาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นเบื้องบนหรือเบื้องล่างก็ต้องมีการติดสินบนกันอยู่แล้ว และทุกที่ต่างก็มีทั้งคนดีและคนเลว การที่จะคอยปกป้องเธอให้รอดพ้นจากเรื่องราวต่างๆ ขอแค่คนเบื้องบนเกิดชอบเธอขึ้นมา แค่นั้นก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเธอแล้ว
การที่เจียงเซ่อพูดแบบนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าเธอคงไม่ได้พูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่ๆ
ลัวอ้าวพยักหน้า
ถึงแม้ว่าบ่อยครั้งที่บริษัทเอเจนซี่จะทำเป็นไม่ค่อยไปสนใจต่อดาราที่มีราคาต่ำ แต่การที่เธอมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับฉางยวี่หู ข้อตกลงที่เธอได้กล่าวมา แน่นอนว่าลัวหยิ่นจะต้องปกป้องเธอแน่ๆ ในส่วนของเรื่องของเหยาเสียงที่เกิดขึ้นที่โรงแรมรุ่ยจี๋นั่น หลังจากที่เธอเซ็นเข้าบริษัทเอเจนซี่แล้ว มันก็ถือว่าเป็นหลักประกันได้เป็นอย่างดีว่าเธอจะไม่เจอกับเรื่องพวกนี้อีก
“หรือถ้าเป็นแบบนี้ละคะ ถ้าหากต้องเซ็นสัญญาจริงๆ ฉันจะขอเซ็นแค่สามปีเท่านั้น ฉันรู้ว่าถ้าทางบริษัทลงทุนกับตัวฉันแล้วละก็ สามปีนั้นก็ยังถือว่าน้อยไป แต่ว่าฉันสามารถตกลงในสัญญาได้ว่า หากว่าฉันอยากจะต่อสัญญาล่ะก็ ซื่อจี้หยินเหอจะได้รับสิทธิพิเศษก่อนใครแน่นอนค่ะ”
ลัวอ้าวขยับปากเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอได้ทำการพิจารณามาแล้วอย่างรอบคอบและเตรียมตัวมาอย่างดี เขายกกาแฟขึ้นดื่ม แล้วยิ้มขึ้นโดยที่ไม่พูดอะไร
“ต่อไปก็เป็นเรื่องขอการรับงานต่างๆ ทั่วไป” เจียงเซ่อถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันยังเป็นแค่นักศึกษา และเรื่องการเรียนที่ฉันกำลังเรียนอยู่ ฉันไม่มีทางที่จะทิ้งมันไปแน่ๆ ดังนั้นเรื่องการรับเล่นหนัง ก็คงจะรับเล่นได้ไม่มากนัก ดังนั้น เรื่องการรับเล่นหนังและงานต่างๆ ต้องผ่านการเห็นชอบจากฉันก่อนนะคะ”
ข้อเงื่อนไขต่างๆ ที่เจียงเซ่อเสนอมา นี่มันเทียบเท่ากับสิทธิของพวกดารานางเอกเลยด้วยซ้ำ ลัวอ้าวที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มขมวดคิ้ว
ถ้าตามที่เธอพูดละก็ เซ็นสัญญาสามปี ระยะเวลาแบบนี้ถือว่าน้อยมาก เพราะยังไงทางบริษัทก็ต้องคอยเลี้ยงเธออยู่แล้ว ทั้งการลงทุนเรื่องคนและเรื่องสิ่งของปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายกับเธอ บางทีอาจจะเพิ่งทำได้แค่ให้เธอเริ่มมีชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมา พอถึงเวลาแล้วเธอเกิดไม่ต่อสัญญาขึ้นมาล่ะ อย่างนั้นสิ่งที่เคยลงทุนไปกับเธอทั้งหมดไม่ต้องละลายหายไปกับอากาศเลยหรือ
“คุณเจียง เงื่อนไขนี้สามารถต่อรองได้รึเปล่าครับ?”
ตอนนี้ลัวอ้าวไม่ได้มองเธอเป็นแค่แจกันดอกไม้ที่เอาไว้แค่ประดับแล้ว การที่เจียงเซ่อเลือกซื่อจี้หยินเหอ ดูๆ แล้วคงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาและลัวหยิ่นคิดเสียแล้ว
จนมาถึงตอนนี้ แม้แต่คำว่าจูพ่านเธอก็ไม่ได้พูดออกมาเลยสักคำ ราวกับว่าเธอจะไม่พูดถึงความขัดแย้งระหว่างตัวเองกับจูพ่านขึ้นมาเด็ดขาด แต่ในใจจริงๆ ก็อาจจะคิดอยู่ก็ได้
จากสิ่งที่ลัวอ้าวได้เห็นผ่านสายตา เขาสามารถมองเห็นได้ว่าตัวของเจียงเซ่อจะสามารถทำกำไรได้ดีทีเดียว แต่เขาจะดูแค่ด้านดีอย่างเดียวไม่ได้
“คุณพูดทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ปิดบังคุณเช่นกันนะครับ” ลัวอ้าวกระแอมไอเบาๆ แล้ววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ
“อาจารย์ฉางและประธานกรรมการเป็นเพื่อนกันมาหลายสิบปี พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจริงๆ แต่ว่า” เขาทำลากเสียงยาว ทำให้ดูเป็นคำพูดที่แสนคมคาย
“ซื่อจี้หยินเหอไม่ได้ทำการกุศล เงื่อนไขที่คุณขอมา ที่จริงถึงผมจะตอบตกลงตอนนี้เลยก็ได้ เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติต่ออาจารย์ฉาง แต่ระยะเวลาแค่สามปีน่ะหรือ ทางบริษัทเองก็ต้องพิจารณางบประมาณที่จะลงทุนและผลกำไรที่จะได้กลับมาอยู่แล้ว เวลาแค่นี้มันสั้นไปหน่อย กับเงินค่าตอบแทนที่จะได้มายังได้ไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปเลยด้วยซ้ำนะครับ ถ้าตอนนี้คุณยังไม่ต้องการที่จะรับงานเยอะ ตรงนี้ผมก็แล้วแต่คุณเลย แต่เท่าที่ผมรู้มา ตอนที่คุณเซ็นสัญญากับทางกองถ่ายหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ คุณก็ได้ปฏิเสธที่จะรับเล่นหนังที่ราคาต่ำ ที่ถึงแม้ค่าตัวที่เสนอให้มันจะมากกว่าของเรื่อง ‘The Occasion of Beipign’ เสียอีก ถ้าให้ผมเดา ผมว่าคุณคงเป็นคนที่ชัดเจนในเป้าหมายของตัวเองอยู่พอสมควรเลยนะครับ”
เขายื่นมือออกมา แล้วนับนิ้วให้เธอดู
“อย่างแรก เงื่อนไขในตัวคุณเองมันไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว คุณมีรูปร่างหน้าตาและบุคลิกที่ดี และแทบจะไม่ต้องให้บริษัทไปเชิญอาจารย์ท่านไหนเพื่อสอนอีก ในหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณมีความสามารถ แต่ทว่า ม้าพันธุ์ดี ก็ต้องได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเช่นกัน ถ้าหากคุณมีความทะเยอทะยานมุ่งมั่น ทางบริษัทก็จะช่วยหาผู้จัดการที่จะมาคอยแนะนำเส้นทางให้คุณได้” เขายิ้มขึ้น “นี่คืออย่างแรก อย่างที่สอง ก็คือการที่คุณจะเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง คุณสามารถเลือกเดินในทางดาราไอดอลที่มีคุณภาพที่ดีได้ เแต่จากที่ได้ฟังเมื่อครู่นี้แล้ว ผมเดาว่าเป้าหมายของคุณไม่ได้มีแค่นี้แน่ๆ ใช่ไหมล่ะครับ ถ้าคุณไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทของพวกเรา อย่างน้อยพวกคอมเมนท์และข้อวิจารณ์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตก็อาจจะสามารถทำให้สำเร็จได้เหมือนกัน ถ้าหากว่าเป้าหมายคุณสูงกว่านี้ แบบนั้นก็ขอพูดตรงๆ เลยว่า ถึงแม้ว่าซื่อจี้หยินเหอจะได้ทุนกลับมา แต่ทุนเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะได้มาโดยไม่ต้องเสียอะไร”
หรือพูดได้ว่า ลัวหยิ่นไม่ถือสาถ้าจะต้องออกเงินเล็กๆ น้อยเพื่อเลี้ยงดูดาราเล็กๆ สักคนเพื่อเป็นการตอบแทนฉางยวี่หู แต่ถ้าจำนวนเงินที่เบิกออกไปมันมีจำนวนมากจนตัวเขาต้องหันมาสนใจ หรือถ้าเงินจำนวนนั้นไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ เขาก็จะไม่ตกลงด้วยเด็ดขาด
เพราะตัวเขาเองก็มีขอบเขตของตัวเองเช่นกัน ถึงแม้ว่าชื่อของฉางยวี่หูจะใช้ประโยชน์ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ทั้งหมด
“ถ้าพูดในมุมมองของธุรกิจแล้ว ดาราส่วนมากของเราจะเซ็นสัญญากันถึงสิบปี ยี่สิบปีก็ยังมี ถ้าหากว่าสามารถทำทุนให้บริษัทได้ แน่นอนว่าทางบริษัทก็จะต้องมีสิทธิพิเศษให้กับบุคคลคนนั้นอยู่แล้ว” ลัวอ้าวทำทีเป็นจัดเนคไทตัวเอง
“ยังไงก็ตาม ผลดีและข้อได้เปรียบไม่ควรจะไปอยู่ในมือของคนนอก ผมคิดว่าคุณเจียงน่าจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดีนะครับ สามปีที่เสนอมา มันน้อยเกินไปจริงๆ”
เขาถอนหายใจออกมา แล้วพูดต่อ
“ผมรู้ว่าที่คุณเสนอว่าหลังจากสามปี ซื่อจี้หยินเหอก็จะสามารถได้สิทธิพิเศษในการเซ็นสัญญากับคุณก่อนบริษัทอื่น แต่ถ้าเกิดคุณไม่ได้คิดจะไปเซ็นสัญญากับที่อื่น หรือเกิดดังแล้วคุณคิดจะบินเดี่ยวล่ะ?” ลัวอ้าวยิ้ม แล้วทำเป็นเหมือนพูดเล่นๆ “ถ้าเป็นแบบนั้น การให้สิทธิพิเศษก็คงไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบของใครทั้งนั้นแล้วล่ะมั้ง”
“ยังไงผมก็อยู่ในแวดวงนี้มานาน ดาราแบบนี้พวกเราเองก็เห็นมาเยอะแล้ว เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ค่อยจะน่าฟังเท่าไหร่ถ้าพูดออกไป”
เจียงเซ่อฟังคำพูดเหล่านั้นเสร็จแล้ว เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกลับ
“งั้นฉันจะลองเปลี่ยนวิธีพูดดูนะคะ คุณลัว ถ้าเกิดฉันพูดว่า ฉันยังยืนยันว่าต้องการเซ็นสัญญาแค่สามปีเท่านั้น” พอเธอพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของลัวอ้าวก็ค่อยๆ เจื่อนลง ไม่คิดเลยว่าทั้งๆ ที่ตัวเองก็อุตส่าห์พูดขนาดนี้แล้ว เจียงเซ่อก็ยังยืนยันว่าจะเซ็นสัญญาสามปี เขาก้มหน้าลงมองดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง เพราะเขารู้สึกว่าการสนทนาครั้งนี้มันชักจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว
เจียงเซ่อพูดต่อ
“หลังจากสามปีไปแล้ว ฉันยังคิดว่าจะต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอเหมือนเดิม แต่เรื่องเงื่อนไข และค่าตอบแทนอื่นๆ ก็คงต้องรอดูในสัญญาอีกที ถึงตอนนั้นแล้วค่อยปรึกษาตกลงกันไม่ดีหรือคะ?”
ลัวอ้าวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับ
“คุณเจียงหมายถึง?”
“ความหมายของฉันง่ายมาก ฉันเข้าในความลำบากใจของคุณดีค่ะ และฉันก็เข้าใจกับสิ่งที่บริษัทต้องทุ่มออกไปด้วย แต่ฉันไม่คิดว่าคุณค่าของดิฉันจะอยู่ในจุดๆ เดิมตลอดไปหรอกนะคะ”
หรือพูดได้ว่า เธอยืนยันว่าจะเซ็นสัญญาแค่สามปีเท่านั้น แต่หลังจากสามปีแล้ว ทั้งเรื่องสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
ลัวอ้าวขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วพูดเตือนเธอขึ้น
“ผมคงต้องเตือนคุณนะ คุณเจียง ว่าข้อตกลงแบบนี้มันมีความเสี่ยงมากขนาดไหน ผมไม่อ้อมค้อมเลยนะ ทางบริษัทได้เตรียมการที่จะให้ค่าตอบแทนคุณแบบไม่ได้น้อยเลย แต่สัดส่วนของจำนวนเงินทั้งหมดก็จะได้ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้จัดการของคุณด้วย” เขาสดหายใจเข้าลึก แล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมา
“แต่เพราะว่าคุณสมบัติของคุณดีไม่น้อย ประธานกรรมการเลยตัดสินใจว่า สุดท้ายไม่ว่าจะได้คนไหนมาเป็นผู้จัดการให้คุณ ทางบริษัทก็จะช่วยคุณออกตรงส่วนนั้นถึง10% แถมเงินส่วนนั้นก็เป็นเงินส่วนตัวของประธานกรรมการเองด้วย ถ้าคุณตกลงเซ็นสัญญา ผลทุกอย่างหลังจากนี้ก็จะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ และนี่มันก็เป็นข้อได้เปรียบของตัวคุณเองด้วย”
เขาค่อยๆ ลูบนิ้วไปบนโต๊ะหินอ่อนในห้องประชุมแห่งนี้ “ทางบริษัทเองก็ได้เตรียมตัวเอกสารสัญญาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และมันก็เป็นสัญญาที่ไม่ได้นานอะไรนัก ภายในห้าปีนี้ ถ้าคุณสามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้ เงินส่วน 10% ของประธานกรรรมการก็ถือว่าเข้ากระเป๋าคุณไปเลย”