webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

152

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 152 ข้อเสนอ

ด้วยสัจจริง การที่ลัวหยิ่นให้ลัวอ้าวนัดเจอกับเจียงเซ่อในครั้งนี้ มันก็เป็นเพียงการไว้หน้าและให้เกียรติต่อฉางยวี่หูเท่านั้น แค่อยากจะแสดงว่าตัวเองยังจำบุญคุณที่ฉางยวี่หูมีให้ แต่ในใจไม่ได้คิดให้ความสำคัญในตัวเจียงเซ่อจริงๆ หรอก

ในทุกๆ ปี บริษัทซื่อจี้หยินเหอได้ทำสัญญากับดาราหน้าใหม่มากมาย แถมหญิงสาวสวยๆ ก็มีน้อยเสียที่ไหน แค่เจียงเซ่อคนเดียว ลัวหยิ่นคิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องไปใส่ใจขนาดนั้นหรอก

การที่เขาสั่งให้ลัวอ้าวเป็นคนมาเจอเธอด้วยตัวเอง มันก็แค่เป็นการไว้หน้าต่อฉางยวี่หูเท่านั้นเอง

ที่จริงลัวหยิ่นก็แค่ทำตามระบบไป เซ็นสัญญาสักห้าปี แล้วให้งบลงทุนเล็กๆ น้อยๆ ดันเธอ ไม่ได้ก็ช่างมัน เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ตอบแทนบุญคุณฉางยวี่หูแล้ว

นักธุรกิจก็ต้องยืนอยู่บนธุรกิจ สิ่งไหนที่มันคุ้มค่าเขาก็จะสนใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นอกเสียจากว่าตัวเจียงเซ่อจะมีศักยภาพพอที่จะอยู่ในวงการธุรกิจ และสามารถเป็นคนที่ทำเงินให้กับบริษัทได้น่ะนะ แต่ตอนนี้เธอก็เป็นแค่ดาราหน้าใหม่เท่านั้นเอง

เรื่องระหว่างเธอกับจูพ่านเขาเองก็ได้ยินมาแล้ว พวกดาราสาวปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีน้อยเสียที่ไหน

ลัวอ้าวคิดว่า เธออาจแค่อยากจะเอาชนะจูพ่านก็ได้ และการที่ฉางยวี่หูออกมาช่วยเธอพูดก็ยิ่งทำให้เธอได้ใจ ตอนที่มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าเจียงเซ่อมาถึงแล้ว เขาก็จงใจให้เลขาอู๋เชิญเธอไปนั่งรอเขาก่อน เพราะอยากจะดูว่าเธอจะทำตัวอย่างไร จะได้หาผู้จัดการให้เธอถูกคน

หลังจากที่ประชุมเสร็จแล้ว ลัวอ้าวก็กดลิฟต์ลงมาจากชั้นที่ยี่สิบเจ็ด และพบว่าเจียงเซ่อนั่งรออยู่ในห้องประชุมมาสักพักแล้ว

เธอกำลังนั่งเปิดดูนิตยสารไปเรื่อยๆ เหมือนว่าจะได้พูดคุยกับเลขาอู๋ด้วยเล็กน้อย จากที่พนักงาน ฟรอนต์โทรมารายงาน เธอนั่งรอเขามาประมาณสิบนาทีกว่าแล้ว แต่ใบหน้าของเธอกลับไม่แสดงความรำคาญไม่พอใจหรือเบื่อหน่ายออกมาเลยสักนิด แต่ไม่ว่าเธอจะแค่แกล้งหรือเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่กิริยาท่าทางแบบนี้ อย่างน้อยมันก็สามารถทำให้ลัวอ้าวมองเธอเปลี่ยนไปนิดหน่อย

กลับมาในตอนนี้ที่เจียงเซ่อกำลังจับมือทักทายเขากลับ ลัวอ้าวผายมือเชิญเธอนั่งลง แล้วกล่าวขอโทษอีกครั้ง

“ช่วงนี้ทางบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่ เรื่องทั้งหมดเลยมีผมเป็นผู้จัดการคนเดียว ดังนั้นเลยทำให้มาช้า ขออภัยที่ทำให้ต้องรอด้วยนะครับ”

เจียงเซ่อยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า

“คุณลัว คุณไม่ได้มาสายอะไรเลยค่ะ เป็นเพราะฉันมาเร็วเองต่างหาก”

และแค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้เขามองเธอเปลี่ยนไปอีก ดูๆ แล้ว เธอก็ไม่ได้ดูเหมือนดาราสาวที่โกรธจูพ่านจนต้องขอให้รุ่นพี่อาวุโสอย่างฉางยวี่หูออกมาช่วยพูดเลยสักนิด

วันนี้เธอมาที่บริษัทด้วยการแต่งตัวแบบเรียบๆ แต่รูปร่างของเธอดีทีเดียว ถ้าเทียบกับจูพ่านแล้ว ทั้งตัว และบุคลิกท่าทางของเธอดูดีกว่าเยอะ รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับดูเป็นสง่ามาก

ลัวอ้าวตั้งใจว่าพอได้มาเจอกับเจียงเซ่อในวันนี้แล้ว กะจะแค่ถามถึงจุดประสงค์ในใจของเธอ ถ้าเธอสนใจที่จะเข้าบริษัทซื่อจี้หยินเหอจริงๆ ก็จะช่วยหาผู้จัดการที่เข้ากับนิสัยของเธอให้ หรืออาจจะโยนพี่เลี้ยงคนเก่าๆ ให้เธอ จะได้ไม่ต้องทำอะไรมากมายและมันก็สะดวกดี

แต่พอตอนนี้ที่ได้เห็นเจียงเซ่อแล้ว รูปร่างหน้าตาภายนอกของเธอนี่เหมาะที่จะเข้าวงการบันเทิงจริงๆนั่นล่ะนะ ในเบื้องต้น เธอก็ถือว่ามีความสำเร็จอยู่ในมืออยู่แล้ว เธอมีชื่อเสียง แถมยังมีคนหนุนหลังอีก ถ้าได้ภาพพจน์และการดูแลเสียหน่อย ไม่แน่ว่าเธอคนนี้อาจจะทำกำไรงามๆ ให้บริษัทได้เป็นอย่างดีด้วยซ้ำ

“เหตุผลที่ผมนัดคุณมา ผมคิดว่าคุณเจียงคงจะเข้าใจแล้วสินะครับ”

ลัวอ้าวเองก็ไม่เกริ่นอะไรอย่างอื่น และเลือกที่จะพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม

“ผมได้ยินมาว่าตัวคุณเจียงเองยังไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ไหน มันเป็นเพราะอะไรหรือครับ? ถึงคุณจะเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน แต่ก็ได้เล่นหนังมาแล้วถึงสามเรื่อง แต่ละเรื่องก็มีผู้กำกับที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น ก็น่าจะมีบริษัทเอเจนซี่สักแห่งมาขอทาบทามคุณอยู่แล้ว” ลัวอ้าวดันแว่นที่หล่นลงมาตรงสันจมูกขึ้น แน่นอนว่าในวงการธุรกิจไม่มีคำว่าความลับ ก็แค่ถ้ามีความตั้งใจที่จะสืบหาสักนิด แน่นอนว่าจะต้องหาความเป็นมาเป็นไปของดาราหน้าใหม่ของคนนี้ได้อยู่แล้ว

แต่ก็แน่นอนว่าดาราหน้าใหม่อย่างเจียงเซ่อไม่เหมือนกับดาราใหม่ทั่วไป เพราะตั้งแต่ที่เธอเริ่มเข้ามาในวงการก็ได้ขึ้นเป็นข่าวใหญ่ไปเสียตั้งหลายข่าวแล้ว ครั้งก่อนก็เรื่องที่เหยาเสียงโดนทำร้ายในคืนงานปิดกล้องของหนังเรื่องฝันที่เป็นจริง ลัวอ้าวสืบมาแล้วว่ายังไงเรื่องนั้นก็ต้องเกี่ยวกับเจียงเซ่อแน่ๆ

ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว ถ้าเธออยากได้บริษัทเอเจนซี่ ด้วยข้อดีและสิ่งต่างๆ ที่ตัวเธอมีอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ได้ทำมันตั้งแต่ตอนนั้น

เจียงเซ่อค่อนข้างจะสนิมสนมกับเหล่าทายาทไม่น้อย ตามที่ลัวอ้าวได้เห็นจนเคยชิน พวกกลุ่มคนระดับสูงแบบนั้น ถ้าอยากจะดันใครสักคน จะให้ทุนตัวเองเปิดบริษัทเลี้ยงเธอคนเดียวก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แต่เจียงเซ่อกลับตอบรับคำนัดของเขา แสดงให้เห็นว่าเธอคงจะเคยพิจารณาเรื่องที่จะเข้าบริษัทเอเจนซี่มาแล้ว และไม่ได้คิดจะเอาอนาคตทั้งหมดไปฝากไว้กับผู้ชายเหล่านั้น ตรงจุดนี้เอง ที่ทำให้ลัวอ้าวเกิดสนใจขึ้นมา

“ทำไมคุณถึงเลือกที่จะมาเจอกับซื่อจี้หยินเหออย่างพวกเรา?”

ในคำพูดของเขามีหลากหลายความหมายแฝงอยู่ในนั้น

ถึงแม้ว่าบริษัทซื่อจี้หยินเหอจะมีกำลังและฐานะที่ดีกว่าบริษัทอื่นๆ แต่ทว่าก่อนหน้านี้ตัวเจียงเซ่อเองก็มีปัญหากับจูพ่าน และจูพ่านก็เป็นดาราในสังกัดของซื่อจี้หยินเหอ ตัวเขาเองก็เคยเดาว่าการที่เธอเลือกที่จะเข้าบริษัทนี้ เป็นเพราะจะได้ง่ายต่อการกำจัดจูพ่านหรือเปล่า เพียงที่จะเพิ่มความดังให้กับตัวเอง

“แบบนี้ละกันค่ะ คุณลัว” เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอ้อมค้อมอะไรกับเขา และเริ่มพูดเข้าสู่เป้าหมายจริงๆ ของตัวเองทันที

“ที่ฉันตั้งใจเลือกซื่อจี้หยินเหอ อย่างแรก บริษัทของคุณ ถ้าให้พูดถึงในประเทศแล้ว ถือว่าเป็นที่หนึ่งของบริษัทเอเจนซี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขอบข่าย ตำแหน่งฐานะและทรัพยากรในการลงทุน ทั้งหัวซิงและจวี้เฟิงแทบจะเทียบอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในทางตรงกันข้าม ฉันเองก็รู้ดีว่ายังมีทั้งดาราในสังกัดมากมายและการแข่งขันทางด้านการแสดงที่ดุเดือดด้วย แต่ว่า ถ้าบริษัทเล็งเห็นถึงผลกำไรแล้วละก็ ฉันคิดว่าบริษัทคงไม่ตัดโอกาสกันหรอกใช่ไหมคะ ฉันไม่ได้ต้องการที่จะเป็นเบี้ยล่าง แต่ก็ไม่ได้อยากจะเป็นคนที่อยู่เหนือใคร แต่ฉันอยากที่จะพึ่งความสามารถของตัวเอง” เธอยกมือขึ้นแล้วนับนิ้วตาม

“อย่างที่สอง เป็นเพราะว่าฉันเคยได้พูดคุยเรื่องนี้กับอาจารย์ฉางมาแล้ว และอาจารย์ก็เคยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวอาจารย์และคุณลัวหยิ่นเองด้วย”

ลัวอ้าวไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะยกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉางยวี่หูและลัวหยิ่นขึ้นมาแบบนี้ เขายื่นมือไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่มเพื่อจะปกปิดความรู้สึกในใจของตัวเอง ก่อนจะผายมือให้เธอพูดต่อได้เลย

“แน่นอนว่า ในใจฉันเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ฉางและคุณลัวหยิ่นสนิทสนมกันแค่ไหน อาจารย์ก็เลยเสนอโอกาสที่จะเข้าบริษัทซื่อจี้หยินเหอให้ฉัน แต่หลังจากนี้ฉันจะเดินไปได้ถึงจุดไหน ตรงนั้นก็ต้องพึ่งตัวเองแล้ว”

ความคิดที่เธอแสดงออกมาค่อนข้างจะชัดเจนเลยทีเดียว และตัวคนเองก็ดูจะทำตามสิ่งที่ตัวเองพูดอีกด้วย ไม่มีท่าทางอยากจะใช้โอกาสนี้ทำตัวหยิ่งผยองขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

“แต่ว่า” เจียงเซ่อยิ้มขึ้น และจ้องมองไปยังสายตาของลัวอ้าว

“ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ฉางและคุณลัวหยิ่นก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อฉันทั้งหมดเสียทีเดียว แต่อย่างน้อยฉันก็หวังว่าทางบริษัทจะช่วยให้ฉันไม่ต้องมาเจอคนก่อกวน หวังว่าทางบริษัทจะมีวิธีในการแก้ไขปัญหาอย่างเงียบๆ ให้ฉันเท่านั้นเองค่ะ” เวลาที่เธอยิ้มขึ้นมามันทำให้คนมองใจสั่นไปหมด ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ยิ้มเล็กๆตรงมุมปาก แต่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังได้รับลมเย็นๆ ในฤดูใบไม้ผลิอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาลัวอ้าวเผลอปล่อยแขนที่กอดไว้บนอกเลยด้วยซ้ำ

หน้าตารูปโฉมของเธอสวยมากจริงๆ สวยจนสามารถหลอกล่อคนที่ไม่คิดจะสนใจเธอได้ ถึงจะบอกว่าเบื้องหลังของเจียงเซ่อมีพวกทายาทอยู่ แต่มันก็ยังมีบางคนที่เก็บกั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่

เพราะยังไงกลุ่มทายาทเองก็ยังอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะมีความสามารถไปตามสืบทุกคนได้ เพราะหลายคนที่เข้าไปยุ่งด้วยแล้ว ก็ไม่เคยได้โผล่หัวขึ้นมาอีกเลย

ดังคำกล่าวที่ว่าคนไม่รู้อะไรก็จะเป็นพวกที่ไม่กลัวอะไรเลย บางทีในวงการแบบนี้ ดาราสาวๆ หรือกระทั่งเป็นนางเอกแถวหน้า ก็ใช่จะรับประกันได้ว่าตัวเองจะไม่โดนแทะโลม