娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 151 นัดพบ
ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยเลยเสนอว่า คาบเรียนที่เหลืออยู่ของเจียงเซ่อไม่จำเป็นต้องมาเข้าเรียนทุกคาบก็ได้ เธอสามารถเรียนและทบทวนที่บ้านด้วยตัวเอง และจะไม่นับว่าเธอขาดเรียนอะไร ขอแค่ตอนสอบเธอก็มาสอบแค่นั้นก็โอเคแล้ว และแน่นอนว่าคะแนนเข้าเรียนและคะแนนชมรมของเธอจะไม่โดนหักออกเด็ดขาด
คาบวิชาที่ยังเหลืออยู่ก็มีไม่มากนัก และยังไงก็ตาม หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็ใกล้จะเปิดกล้องเต็มที เจียงเซ่อก็คิดเหมือนกันว่าเวลาที่ตัวเองกลับเข้ามาในมหา’ลัยมันก็ดูวุ่นวายไม่น้อย เลยทำได้แค่ตอบตอบตกลงไป
หอพักที่เธอเช่าอยู่ก็เหมือนว่าจะยังมีนักข่าวมาดักรอทั้งวันทั้งคืน ถึงจะเป็นแค่เวลาสั้นๆ แต่ก็คงไม่มีทางเข้าไปได้อีก ที่จริงเธอก็อยากจะหาหอพักที่ใหม่ แต่เงินที่มีอยู่ในตอนนี้มันไม่เพียงพอ เผยอี้เพื่อที่จะให้เธออยู่กับเขาต่อก็ถือว่าทุ่มเทความคิดไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เช่นว่า ในบ้านของเขายังมีพวกอุปกรณ์กล้องถ่ายทำต่างๆ ที่เซี่ยงชิวหรานเอามาให้อยู่ด้วย มันสะดวกที่เธอจะลองฝึกซ้อม และบ้านของเขามันก็เงียบสงบ ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องกังวล เพราะไม่ว่ายังไง ที่นี่จะไม่มีพวกนักข่าวมาเกาะแกะ และไม่มีอะไรมารบกวนเธอได้แน่นอน ที่นั่นสามารถให้เธอได้ทบทวนบทเรียนและฝึกซ้อมการแสดงของตัวเองไปด้วย
พูดด้านดีๆ ไปมากมาย สุดท้ายเจียงเซ่อก็เลยพยักหน้าตอบตกลงที่จะอยู่กับเขาสักระยะ เตรียมตัวที่จะแสดงหนัง ‘The Occasion of Beiping’ รอได้ค่าตอบแทนส่วนที่เหลือมาแล้วก็ค่อยหาที่อยู่ใหม่อีกที
ในวันศุกร์ เจียงเซ่อได้นัดพบกับคนของซื่อจี้หยินเหออย่างลัวอ้าวเอาไว้ตอนสิบโมงเช้า เผยอี้มีเรียนตอนสิบโมงครึ่งพอดี เขาเลยบอกว่าจะมาส่งเธอก่อนแล้วค่อยไปเข้าเรียน
บริษัทซื่อจี้หยินเหอตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหลวงย่านตึกพาราไดซ์ที่แสนจะเจริญและคึกคัก ตึกสูงระฟ้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้านี้ ทุกชั้นล้วนแล้วแต่เป็นของซื่อจี้หยินเหอทั้งสิ้น
แค่เจียงเซ่อเดินเข้าประตูบริษัทไป ก็โดนคนในซื่อจี้หยินเหอจำได้กันหมด
เพราะตอนนี้เธอเป็นจุดเด่นที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยเลย และก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะมีข่าวกับจูพ่าน นางเอกของบริษัทที่ถูกทำลายภาพพจน์ไปอย่างร้ายกาจ แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าพนักงานคิดว่ามันเกินความคาดหมายของตัวเอง ก็คือการที่ผู้จัดการของจูพ่านได้ออกมารับผิดชอบด้วยการลาออก แถมตำแหน่งเบื้องบนก็มีการเปลี่ยนแปลงอีก ก็ซูเยี่ยนจวินที่อยู่ชั้นที่ยี่สิบเจ็ดนั่นก็ยังโดนประธานกรรมการเขี่ยออกจากตำแหน่งเลย จนตอนนี้ก็ต้องกลับบ้านไป ‘พิจารณาตัวเอง’ อยู่
พนักงานที่อยู่ตรงฟรอนต์ต้อนรับลอบพิจารณาเจียงเซ่ออย่างระมัดระวัง ก็เพราะเธอคนนี้นี่แหละ แม้แต่คนที่กำลังไปได้สวยบนเส้นทางการเป็นดาราอย่างจูพ่านก็ยังโดนบริษัทสั่งเก็บตัวเอาไว้ งานหนังละครและโฆษณาที่เคยอยู่ในมือก็ถูกถอนออกไปหมด และในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเป็นลูกรักของบริษัทอีกหรือเปล่า
แต่คนที่ทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกลับได้นัดพบกับผู้ช่วยส่วนตัวของประธานกรรมการอย่างลัวอ้าวเสียอย่างนั้น พนักงานสาวที่อยู่ตรงฟรอนต์เริ่มคาดเดาขึ้นมาว่า หรือทางบริษัทจะสนใจในตัวนักแสดงหน้าใหม่ที่มีชื่อเสียงจาก ‘99 Love Letter’ แล้วนะ
“คุณเจียง คุณลัวอ้าวได้กำชับดิฉันเอาไว้ว่าถ้าคุณมาถึงแล้ว ให้ดิฉันพาคุณไปส่งที่ชั้นยี่สิบห้า และที่นั่นจะมีคนมารับคุณอีกทีค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เจียงเซ่อก้มหน้าให้หล่อนเล็กน้อย
พนักงานฟรอนต์เป็นหญิงสาวที่ไว้ผมหน้าม้า สวมชุดยูนิฟอร์มพนักงานบริษัทสีดำทั้งตัว ใบหน้ามีรอยยิ้ม และเชิญให้เธอเข้าไปในลิฟต์โดยสาร จากนั้นก็กดชั้นที่จะต้องไปให้เธอเรียบร้อย
ที่จริง การที่เป็นพนักงานของบริษัทอันใหญ่โตแห่งนี้ ก็ได้เห็นคนที่มาไล่ตามความฝันอยากจะเป็นดารามาก็หลายคน แต่เจียงเซ่อไม่เหมือนกัน
เธอมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะมาเซ็นสัญญากับทางบริษัทและกลายเป็นดาราสาวที่แสนโด่งดังขึ้นมา แต่บุคลิกท่าทางของเธอกลับไม่มีความหยิ่งยโส รูปร่างหน้าตาก็โดดเด่น มีความสงบเสงี่ยมและวางตัวดี
พนักงานฟรอนต์สาวแอบลอบมองเธออยู่หลายที จนอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากตัวเอง เธอดูดีและสวยกว่าในโทรทัศน์ตั้งเยอะแน่ะ ในรายการที่ถ่ายทอดสดในวันนั้น กลับรู้สึกว่ากล้องถ่ายทำก็ยังถ่ายความพิเศษแบบนี้ไม่ได้ทั้งหมดเลย ต้องลองได้มาเห็นตัวจริงๆ แบบนี้สิ ถึงจะรู้ว่าสวยแค่ไหน
ผิวของเธอดีมาก ผมดำยาวตรงถูกทัดไปไว้ด้านหลัง จนกระทั่งได้เข้าไปในลิฟต์ตัวเดียวกับเธอแล้ว พนักงานฟรอนต์ก็หยิบบัตรขึ้นมาแสกนแล้วกดตัวเลขไปยังชั้นที่ ‘25’ ในขณะที่ห้องโดยสารเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนไปอย่างรวดเร็วนั้น เจียงเซ่อขมวดคิ้วเล็กน้อยกับความเร็วที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่กลับเป็นภาพที่สวยมากๆ ในสายตาคนมอง
พอพนักงานฟรอนต์ลงมาจากชั้นที่ยี่สิบห้าแล้ว พนักงานสาวคนอื่นๆ ที่อยู่หน้าฟรอนต์ก็กรูเข้าไปถามหล่อนทันที
“เสี่ยวยวี่ เป็นยังไงๆ? นิสัยของเธอดีรึเปล่า?”
ถ้าในมุมมองของพนักงานบริษัทซื่อจี้หยินเหอแล้ว ดาราก็เห็นมาเยอะแยะมากมาย แต่ส่วนมากก็จะแบ่งได้เป็นสองประเภท
ประเภทที่หนึ่งคือ แค่เริ่มแรกก็ทำตัววางท่าและหยิ่งยโสโอหัง ชอบปฏิบัติตัวตามใจชอบต่อพนักงาน และชอบใช้สายตามองกันเหมือนไม่ใช่คน หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ พวกดาราที่คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นไงล่ะ
ส่วนอีกประเภทก็คือ มีเรื่องอะไรก็จะโยนให้ผู้ช่วยของตัวเองจัดการ ปล่อยให้ผู้ช่วยของตัวเองกลายเป็นคนออกหน้าแทน เป็นดาราจำพวกน้ำกลิ้งบนใบบอน*(คนที่มีจิตใจเรรวน ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน พูดจากลับกลอก) ไม่ว่าจะกับใครก็ไม่ยุ่งไม่คุยด้วย
ซ่งเสียวยวี่พยักหน้า และพูดขึ้น “เหมือนว่าจะดีอยู่นะ ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ก็ยังหันมาพูด ‘ขอบคุณ’ กับฉันด้วย บุคลิกท่าทางตัวจริงดีมาก สูงมากด้วย ขาเธอยาว แถมยังสวยสุดๆ ที่สำคัญนะ ผิวเธอโคตรดีอ่ะ แถมผมนั่นนะ ถ้าไปถ่ายโฆษณายาสระผมนี่ แทบไม่ต้องใช้เอฟเฟคเลยด้วยซ้ำ”
ปากเธอคุยอวดไม่หยุด ก่อนจะมองไปรอบๆ ตัวแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ
“คนที่นัดเธอไว้คือผู้ช่วยของประธานกรรมการเลยนะ พวกเธอว่า ที่เขามาที่นี่เพราะจะมาเซ็นสัญญารึเปล่า?”
ตอนนี้บนโลกโซเชียล ชื่อของเจียงเซ่อกลายเป็นคำที่ถูกค้นหาและเป็นที่สนใจมากที่สุดแล้ว ทั้งๆ ที่สองวันก่อนหัวข้อข่าวยังพุ่งเป้าไปที่ฉางยวี่หูอยู่เลยแท้ๆ
มีหล่อนมาออกโรงช่วยเจียงเซ่อแบบนี้ แถมยังมีฐานที่ว่าฉางยวี่หูเป็นนักแสดงที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย จนตอนนี้มีตำแหน่งอันสูงส่งอีก
แน่นอนว่าต้องมีการฝากฝังเจียงเซ่อที่เป็นถึงลูกศิษย์ของฉางยวี่หูล่ะนะ
มีเรื่องความสัมพันธ์ของฉางยวี่หูมาเกี่ยวข้องแบบนี้ ในปีที่บริษัทซื่อจี้หยินเหอเริ่มก่อตั้งขึ้นมา ลัวหยิ่นก็ได้ติดหนี้น้ำใจต่อฉางยวี่หูอย่างใหญ่หลวง ไม่แน่ว่าการที่เจียงเซ่อมาที่บริษัทครั้งนี้ อาจจะเป็นการมาเซ็นสัญญาจริงๆ ก็ได้
หญิงสาวสองสามคนพากันพูดคุยไม่หยุด จนกระทั่งเห็นว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา สาวๆ ทั้งหลายก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
พอเจียงเซ่อมาถึงที่ชั้นยี่สิบห้า ลัวอ้าวก็ได้สั่งกับเลขาสาวแซ่อู๋ที่อยู่ข้างหน้าห้องเอาไว้แล้วว่าให้ออกมาต้อนรับเธอด้วย
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อย เลขาอู๋ก็อธิบายว่าทำไมลัวหยิ่นถึงไม่ได้ออกมารับแขกที่นัดด้วยตัวเอง
“เดี๋ยวเชิญคุณเข้านั่งรอในห้องก่อนนะคะ ช่วงนี้ทางบริษัทมีเรื่องค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว เมื่อสามสิบนาทีที่แล้วคุณลัวอ้าวก็เพิ่งจะเข้าห้องประชุมไป เขาฝากมาบอกว่า จะออกมาเจอคุณประมาณเก้าโมงห้าสิบค่ะ” หล่อนเชิญเจียงเซ่อมายังห้องประชุมห้องหนึ่ง แล้วถามเธอว่าอยากจะได้เป็นเครื่องดื่มอะไร จากนั้นก็สั่งให้คนเตรียมมาให้เธอ
เวลานัดของเจียงเซ่อคือสิบโมงตรง แต่เธอมาก่อนเวลาถึงยี่สิบนาที พอดูนาฬิกาในตอนนี้แล้ว ก็ยังเหลืออีกประมาณสิบนาทีก่อนจะถึงเวลาเก้าโมงห้าสิบตามที่เลขาอู๋บอกเอาไว้
เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ดื่มน้ำไปแล้วครึ่งค่อนแก้ว จากนั้นลัวอ้าวก็ก้าวเท้ายาวเข้ามาในห้อง
เมื่อได้เห็นผู้ช่วยของลัวหยิ่นจริงๆ แล้ว ดูเหมือนว่าอายุของเขาจะดูอ่อนกว่าที่เธอคาดเดาเอาไว้มากทีเดียว น่าจะประมาณสามสิบสี่สามสิบห้าได้ละมั้ง ตัวเขาไม่สูงแต่ก็ไม่เตี้ย ไม่ได้ดูผอมเกินไป และสวมแว่นสายตาด้วย ผมของเขาถูกหวีเก็บเรียบร้อย ตอนที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง นาฬิกาดิจิตอลที่อยู่ในห้องประชุมก็ขึ้นเป็นเลขเก้าโมงห้าสิบพอดีเป๊ะ
นี่ถือว่าเป็นผู้ชายที่เคร่งครัดต่อเวลามากๆ บอกว่าจะมาถึงตอนสิบโมงเก้าสิบก็มาถึงสิบโมงเก้าสิบจริงๆ
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น เลขาอู๋กูลุกขึ้นทำความเคารพเขา ลัวอ้าวโบกมือ และเลขาอู๋ก็เดินออกจากห้องไปทันที เมื่อประตูห้องประชุมถูกปิดลง ลัวอ้าวก็ยื่นมือออกมาหาเธอเพื่อทักทาย
“คุณเจียง เป็นเกียรติที่ได้พบนะครับ”
เจียงเซ่อเองก็ยื่นมือไปจับทักทายกับเขา ลัวอ้าวมองและสังเกตทุกท่วงท่าการกระทำของเจียงเซ่อไปอย่างนิ่งเงียบ
เธอเป็นคนที่ฉางยวี่หูแนะนำให้กับลัวหยิ่น และความสัมพันธ์ระหว่างลัวหยิ่นและฉางยวี่หู เขาเองก็รู้ดีทุกอย่าง