webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

150

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 150 น่าสงสัย

ที่จริง เผยอี้ก็เป็นคนที่ห่วงส่วนได้ส่วนเสียของตัวเองไม่น้อย แต่ก็กลัวว่าเธอจะโกรธ

แค่เธอบอกว่าจะไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ปล่อยมือออก แต่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะให้วิธีไหนที่จะสามารถรั้งเธอเอาไว้ได้

“ต่อไปนี้จะไม่ปกปิดอะไรพี่อีกแล้ว อย่าโกรธผมเลยนะครับ อย่าขังผมไว้ข้างนอกอีกเลย” เธอมีอำนาจเหนือเขาเสมอ แต่เขานี่สิ ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปยื้อเธอได้เลย

จนมาถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่เขาอยู่ต่อหน้าเธอ เขาก็ทนไม่ได้ที่จะทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ

เขาดึงผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาคลุมตัวทั้งสองคนเอาไว้ ลมหายใจของเธอค่อยๆ กลับมาสงบลง มือที่โดนเขากำเอาไว้แน่นเริ่มคลายออกแล้วเช่นกัน น้ำเสียงของเขาเหมือนกับคนจะร้องไห้ ทำหน้าหน้าตาน่าสงสารและอาลัยอาวรณ์ใส่เธอ

เธอนึกถึงจดหมายที่มีคำสารภาพที่ไร้คำพูดของเขาขึ้นมา นึกถึงภาพต่างๆ ในฝรั่งเศสที่เขาส่งมาให้ดู นึกถึงตอนที่เขาร้อนรนเพราะติดต่อกับเธอไม่ได้ และนึกถึงตอนที่เขาพูดถึงหนังสือของ ‘โหวซีหลิ่ง’ ขึ้นมา ร่างกายของเธอมันก็ค่อยๆ ค่อยๆ สงบและนิ่งลง

ทั้งๆ ที่นิสัยของเขาเป็นพวกเอาแต่ใจตัวเอง ตอนเด็กเวลาทำผิดแล้วโดนตีก็อดทนทำเป็นไม่ร้องไห้ออกมา เจียงเซ่อเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เมื่อไหร่กัน?

จู่ๆ เธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่เธอโดนเขาเอาเปรียบแท้ๆ แต่แค่เผยอี้ส่งเสียงอ้อนวอนขอร้องแบบนี้ ไฟโกรธในใจเธอก็ดับมอดลงเสียอย่างนั้น

“วันหลังมีเรื่องอะไรก็จะบอกพี่หมดเลย ขอร้องนะครับ นะ?”

เพราะเขายังอยากจะได้คำตอบจริงๆ จากปากของเธอมารับรอง เลยพยายามขอร้องสุดๆ แบบนี้ เจียงเซ่อถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นอย่างลังเลก่อนจะผลักตัวเขาออก

“ลุกออกไปก่อน” ตอนนี้ตาเธอพร่าไปหมดแล้ว “ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะ”

แล้วเขาก็รีบพลิกตัวพร้อมกับอุ้มตัวเจียงเซ่อให้มาอยู่บนตัวเขาแทนอย่างว่องไว พอนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ขึ้นมา ก็เกิดเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น เลยฝังหน้าลงกับเรือนผมเธอไม่กล้าเปิดหน้าตัวเองให้เห็น

เจียงเซ่อปรับท่าทางของตัวเองอยู่บนตัวของเผยอี้ครู่หนึ่ง แต่มือของเผยอี้ก็จับเอวเธอเอาไว้เพราะกลัวว่าร่างบางจะลุกหนีกันเสียก่อน

“เซ่อเซ่อ วันนี้เธอคุยอะไรกับพี่กัน?” เธอยอมนอนนิ่งๆ อยู่บนตัวของเผยอี้ เหมือนว่าจะไม่ได้โกรธเหมือนเมื่อกี้นี้แล้ว เผยอี้ลูบๆ เรือนผมเธอ แต่ยังไม่กล้ามองหน้เธอ

ถึงเขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อขึ้นมา แต่เจียงเซ่อก็รู้ว่าเขาหมายถึง ‘เฝิงหนาน’

พอพูดถึงคนๆ นี้ขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามันแปลกมาก “เหมือนว่าเธอจะเคยสืบประวัติฉันแล้ว”

เธอขมวดคิ้ว “เธอพูดกับฉันเกี่ยวกับเรื่องบริษัทเอเจนซี่ บอกว่าจะแนะนำฉันเรื่องบริษัทจวี้เฟิงมีเดียให้”

เปยอี้แอบจำชื่อบริษัทที่เจียงเซ่อพูดขึ้นมาไว้ในหัว และตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะสั่งให้คนลองไปสืบข้อมูลมา

“พี่ต้องระวังตัวนะ” เขาเตือนเธอขึ้น คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้น

“พี่ว่า เธอจะใช่......” เขาเดาว่าตัวจริงในร่างของ ‘เฝิงหนาน’ อาจจะเป็นเจียงเซ่อตัวจริงหรือเปล่า

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เจียงเซ่อถึงส่ายหน้าให้แทน

“ฉันว่าไม่เหมือนเท่าไหร่” เธอเงยหน้าขึ้น ท่าทางเอาจริงเอาจังไม่น้อย

“นายเห็นหรือเปล่า การแต่งตัวของเธอ น้ำหอมที่ใช้ กระเป๋าที่เธอถือ แถมยังสูบบุหรี่อีก......” ทุกประโยคที่เธอพูดออกมา ใบหน้าของเผยอี้ก็แสดงถึงความรังเกียจในตัวหล่อนเต็มที “เสื้อผ้าการแต่งตัวที่หล่อนใส่มันดูเป็นสิ่งที่เธอชอบและคุ้นเคยอยู่แล้ว ฉันเดาว่า อายุหล่อนคงจะราวๆ ยี่สิบขึ้นไปมากกว่า”

สิ่งที่ “เฝิงหนาน” สวมใส่และชื่นชอบดูจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดจะชอบเท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าพวกนี้ยังไม่สามารถยืนยันในสิ่งที่เจียงเซ่อเดาได้อีก ถ้าอย่างนั้นแบบนี้ล่ะ จะพอพิสูจน์ได้ไหม

เจียงเซ่อตัวจริงไม่ได้สูบบุหรี่ เพราะความจริงตั้งแต่ที่เธอมาเกิดในร่างนี้ ด้วยฐานะทางการเงินของเจียงเซ่อแล้วหล่อนจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อบุหรี่ได้

“แต่ว่าตอนที่เธอสูบบุหรี่ ท่าทางของหล่อนดูคุ้นเคยมากๆ เหมือนกับว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอแตะมัน”

เพราะอย่างนี้ ในตอนนั้นเธอเลยลบความคิดที่ว่าตัวเธอและ ‘เจียงเซ่อ’ อาจจะสลับร่างกันเองนั่นทิ้งไป “แต่ว่า ฉันเองก็รู้สึกได้ว่าเธอเกลียดฉันมาก”

อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอจะคิดหรือเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า เพราะ ‘เฝิงหนาน’ เองก็ปกปิดความรู้สึกตัวเองได้ดี คืนนี้ที่ออกมาคุยกันสองคนก็ไม่ได้แสดงออกถึงสีหน้าที่มุ่งร้ายอะไร กลับกันหล่อนยังแสดงความจริงใจออกมาอีกด้วย บอกว่าจะแนะนำบริษัทเอเจนซี่ให้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ว่ายังไงเจียงเซ่อก็ยังรู้สึกถึงความไม่หวังดีของหล่อนได้

“เรื่องของจูพ่าน เธอก็เป็นคนลงมือเอง” เผยอี้ยื่นมือไปกดปิดไฟตรงข้างหัวเตียง และเล่าถึงเรื่องที่เฝิงหนานโทรหาเซี่ยงชิวจี๋ในวันนี้ให้เธอฟัง “เธอโทรไปหาชิวจี๋เพื่อให้เจ้านั่นช่วย สั่งให้ลบพวกคอมเม้นท์ไม่ดีที่เกี่ยวกับจูพ่านในเน็ตทิ้งซะ แถมยังสั่งให้ชิวจี๋ไม่ต้องช่วยพี่ด้วย”

เรื่องนี้ก็ถือว่าเกี่ยวข้องกับเผยอี้แล้ว แน่นอนว่าเซี่ยวชิวจี๋ไม่มีทางตัดสินใจลงมือเอง เจ้านั่นโทรมาถามเขาเรื่องเฝิงหนานว่าจะเอาอย่างไร

“ดังนั้น ผมว่าพี่คิดถูกแล้วล่ะ เธอดูน่าสงสัยจริงๆ” เขาเลียมุมปากตัวเอง แล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนไม่พอใจพี่ และไม่ใช่ ‘เจียงเซ่อ’ ตัวจริง อายุราวๆ ยี่สิบขึ้นไป...... โอเค ไว้หลังจากนี้ผมจะค่อยๆ ช่วยสืบให้เอง ผมจะคอยจับตาดูเธอเอาไว้ ผมไม่เชื่อว่าจะสืบมาไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร นอกเสียจากว่า บนโลกนี้จะไม่มีคนๆ นั้นอีกแล้ว!”

เจียงเซ่อพยักหน้า พอดูเวลาแล้ว ตอนนี้มันก็ใกล้จะตีสองเต็มที และเธอก็ง่วงมากแล้วด้วย เจียงเซ่อหาวขึ้น และดูแล้วเผยอี้คงจะไม่ยอมลงไปจากเตียงแน่ๆ เจียงเซ่อจึงทำได้แค่เตือนเขาว่าอย่าทำอะไรแผลงๆเด็ดขาด

ที่จริงตัวเขาเองก็รู้ว่าเส้นขอบเขตระหว่างตัวเองกับเจียงเซ่ออยู่ตรงไหน ก่อนหน้านี้ที่เธอใจเย็นลง นั่นก็เพราะเธอเป็นคนขี้สงสารต่างหาก แต่ดูท่าว่ายังใช้มุขเดิมๆ อีก ต่อไปก็คงจะไม่ได้ผลแน่ๆ

เผยอี้เองก็ไม่กล้าทำให้เธอโมโหอีกแล้ว เลยเชื่อฟังทุกคำพูดของเธอ

ก่อนหน้านี้ที่ฉางยวี่หูคุยกับเธอเรื่องบริษัทเอเจนซี่ของลัวหยิ่น สองวันถัดมาก็มีคนของซื่อจี้หยินเหอโทรมาหาเธอ

คนที่โทรมาคือผู้ช่วยส่วนตัวของลัวหยิ่น และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกหลานในตระกูลของลัวหยิ่น ด้วย เพราะว่าเขาแซ่ลัวเหมือนกัน และเป็นเพราะฉางยวี่หูได้เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเอาไว้แล้ว ดังนั้นเธอเลยได้นัดพบกับผู้ช่วยที่ชื่อลัวอ้าวว่าจะไปเจอกันที่ซื่อจี้หยินเหอ เจียงเซ่อตอบตกลงไปว่าจะเจอกันในวันศุกร์ช่วงเย็นเพราะเธอไม่มีเรียน

ในช่วงนี้ยังคงมีกระแสข่าวที่เธอขัดแย้งกับจูพ่านอยู่เรื่อยๆ ทำให้เจียงเซ่อกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งบ่อยเหลือเกิน แถมกระแสก็เหมือนจะพุ่งขึ้นแบบไม่มีทีท่าว่าจะลง แถมทั้งข้อมูลส่วนตัวของเธอก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว เลยมีพวกปาปารัสซี่ และรวมไปถึงเหล่านักข่าวทั้งหลายก็พามาดักรออยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยทุกวัน

แม้แต่ตารางเวลาเรียนของเธอก็ถูกปล่อยออกไปบนเว็บเพจของมหา’ลัยแล้วด้วย ทุกครั้งที่เธอไปเข้าเรียน ในห้องก็มักจะมีนักศึกษาจากสาขาอื่นมานั่งเลกเชอร์ด้วยจนเต็มห้อง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่หอพักเลย บางทีเพิ่งจะกลับไปถึง ก็มีเด็กคนอื่นๆ มาตามาล้อมเอาไว้จนเดินไปไหนก็ไม่ได้

ที่จริง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในมหา’ลัยก็ถือว่าดีมากแล้ว เพราะยังไงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งก็เป็นเด็กที่เรียบๆ ง่ายๆ กันอยู่แล้ว เด็กที่สอบติดที่นี่ส่วนมากก็เป็นเด็กที่สนใจแต่เรื่องการเรียนทั้งนั้น เรื่องความวุ่นวายของเจียงเซ่อก็ไม่ได้ไปรบกวนอะไรพวกเขาเท่าไหร่

แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ทางมหาวิทยาลัยเองก็เริ่มจะทนไม่ได้กับสถานการณ์แบบนี้แล้ว เลยเรียกเธอไปคุยด้วยนิดหน่อย และคำพูดเหล่านั้นก็ถูกขัดเกลาออกมาให้ดูนิ่มนวลว่า การมีอยู่ของเธอทำให้ส่งผลกระทบต่อเด็กคนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย

ถึงจะใกล้วันสอบปลายภาคแล้วเต็มที แต่ก็ยังมีนักศึกษาหลายคนที่เอาแต่หลงใหลและตามติดดาราไม่หยุด คุณป้าที่อยู่ในหอเองก็เริ่มทนไม่ได้จนต้องออกมาเตือน วันถัดมาที่เจียงเซ่อออกมาจากบ้านของเผยอี้ กะว่าจะกลับไปอยู่ที่หอในเสียหน่อย แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมาโดนล้อมตัวเอาไว้แบบนี้ แม้แต่ตอนกลางคืนดึกดื่นก็ยังกลับเข้าไปในหอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และมันก็เป็นการรบกวนเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในหอด้วย