webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

149

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 149 ความรักที่แสนเร่าร้อน

‘ผ่านไปสองวัน ที่แม่น้ำการอนจะมีการแข่งขันเรือใบ มีคนนอกเมืองบอร์โดมากมายมาดูการแข่งขันครั้งนี้ คนเยอะมากจริงๆ บริเวณริมขอบแม่น้ำเริ่มมีคนมานั่งเปิดไวน์ดื่มกันแล้ว เดินไปทางไหนก็มีแต่กลิ่นของไวน์’

แล้วเขาก็บอกเล่าเกี่ยวกับต้นองุ่นที่เริ่มออกดอกแล้ว พูดถึงการแสดงและการเต้นรำของฝรั่งเศส ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยตอบกลับเขาเลยสักฉบับ แต่เขาก็ยังส่งมันมาอย่างสม่ำเสมอ

เจียงเซ่อมองดูเวลาที่จดหมายเหล่านั้นส่งมา ดูท่าเผยอี้คงจะส่งถึงเธอทุกวันเลยสินะ

ตัวอักษรที่เคยแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและชักจูง หลังๆ ก็กลายเป็นตัวอักษรที่สื่อถึงความลนลานแทน และประโยคลงท้ายของทุกฉบับก็มักจะเป็น ‘พี่ยังโกรธผมอยู่เหรอ? วันหลังจะไม่หาเรื่องทะเลาะกับพี่แล้ว ดีไหม?’

ข้อความที่เต็มไปด้วยความเศร้าปรากฏอยู่บนหน้าจอ เจียงเซ่ออ่านมันแล้ว หน้าอกมันก็เกิดเจ็บแปลบเสียอย่างนั้น รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

‘ผมกลับมาแล้วนะ’ จดหมายฉบับนี้เขาถ่ายรูปตัวเองแนบมาด้วย เขาสวมแว่นดำ แต่บุคลิกท่าทางไม่ได้ดูสง่าเหมือนเคย ดูไม่ร่าเริงและดูหมดอาลัยตายอยาก ‘เดี๋ยวค่ำๆ ผมจะแวะไปหา’

แต่จดหมายหลังจากนี้ที่ส่งมา ทำให้รู้ว่าเขาคงไม่ได้เจอตัวเธอแน่ๆ

เจียงเซ่ออดไม่ได้ที่จะไล่เปิดดูต่อไปเรื่อยๆ ในช่วงเวลานั้น ‘เฝิงหนาน’ คงไม่ได้ออกมาเจอกับใครเลยสินะ ข้อความที่เขาส่งมามีความร้อนรนใจไม่น้อย แถมยังถามอีกว่าทำไมโทรหาแล้วไม่รับสาย

เขาไปที่บ้านตระกูลเฝิงแล้ว แต่ก็ไม่เจอเธอเลยสักครั้ง

ตอนนั้นเธอโง่เหลือเกินที่ไม่รู้ว่าในใจของเผยอี้คิดอะไร เธอเอาแต่คิดว่าคงเป็นเพราะเขาติดเธอมากแค่นั้นเอง แต่พอตอนนี้รู้ถึงคความในใจของเขาแล้ว ยิ่งพอมาได้อ่านจดหมายพวกนี้ ในใจของเจียงเซ่อมันก็รู้สึกปวดร้าวไปหมด

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปวิต่อวิ ในหัวของเธอเริ่มนึกถึงสิ่งที่เผยอี้เคยพูดกับเธอว่า ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เธอชอบผลงานของโหวซีหลิ่งมากๆ......ที่จริงหนังสือของโหวซีหลิ่งทุกเล่ม ฉันก็ท่องจำมันมาหมดแล้ว นั่นก็เพื่อว่า ถ้าเกิดเธอพูดถึงโหวซีหลิ่งขึ้นมา ฉันจะได้พูดคุยกับเธอได้ เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกเบื่อน่ะ’

เธอพยายามนึกถึงท่าทางของเขาในตอนนั้น แต่ก็จำได้แค่คำถามที่ดูจะสับสนของเขา

‘เซ่อเซ่อ เธอเข้าใจไหม?’

ตอนนั้นเขาคงจะเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเธอคือใคร ไม่คิดเลยว่าบนโลกใบนี้ จะมีใครมาสนใจการกระทำและความคิดของเธอทุกย่างก้าว และรักเธอมากกว่ารักตัวเองได้แบบนี้

และเธอก็ได้เข้าใจ ว่าทำไมตอนที่เธอตัดสินใจเชื่อฟังสิ่งที่ทางครอบครัวเตรียมให้ ตัดสินใจไปพบกับจ้าวจวินฮั่น เผยอี้ถึงได้มีท่าทางโมโหขนาดนั้น นิสัยจริงๆ ของเขาก็เป็นแบบนั้น แต่ในข้อความที่ส่งมาคงกลัวว่าเธอจะโกรธเขาอีก ถึงได้มีความอ่อนน้อมแบบนั้น

‘เซ่อเซ่อ ใช่เธอหรือเปล่า?’

ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา หลังจากวันเกิดของฉาวซวง เธอก็ได้รับอีเมลจากเขาอีก คำพูดในเมลเหมือนจะลองหยั่งเชิงถามดูอย่างนั้น เจียงเซ่อนึกถึงตอนที่เขาอยู่บนรถ ที่เธอเข้าใจว่าเขาคงตั้งใจที่จะปิดบังเรื่องนี้กับเธอ อยากจะทำให้เธอเป็นเหมือนคนโง่ ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจอธิบายให้เธอฟังมาแล้วทั้งหมด ว่าตัวเองก็เตรียมตัวที่จะบอกความจริงกับเธออยู่แล้ว

หลังจากนี้ก็ยังมีอีเมลอีกมากมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน แต่ตอนนี้เธอไม่อยากจะเปิดต่อแล้ว และเกิดนึกถึงท่าทางผิดหวังและใบหน้าเศร้าๆ ของเผยอี้ขึ้นมา แล้วเธอก็ลุกขึ้นทันที

ทันทีที่ประตูห้องถูกเธอเปิดออก เผยอี้ที่กำลังเอาตัวพิงเอาหูแนบกับประตูราวกับกำลังแอบฟังก็แทบจะล้มลงไปกับพื้น

โชคดีที่คว้าขอบประตูทัน ตัวเองก็เลยไม่ได้ล้มลงไปวัดพื้นห้อง เจียงเซ่อกัดริมฝีปากแน่นและจ้องมองไปที่เขา ความรู้สึกข้างในมันสับสนวุ่นวายสิ้นดี

เธอสวมชุดนอนของเขาเอาไว้ เสื้อตัวใหญ่ปิดคลุมร่างกายอันสวยงามและแสนเย้ายวนเอาไว้ แต่ในสายตาของเผยอี้แล้ว เขากลับรู้สึกว่าเธอในตอนนี้ดูน่ามองกว่าตอนไหนๆ เธอเงยหน้ามองเขา ปลายจมูกรั้นนั้นขยับเล็กน้อย ริมฝีปากขบกันแน่น ราวกับว่ามีเรื่องที่อยากจะพูดแต่ก็พูดออกมาไม่ถูก

เขาชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง พอได้สติขึ้นมาก็รีบก้าวเข้าไปรวบเธอเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วใช้ขาข้างเดียวดันประตูปิดลง เธอยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา ริมฝีปากของเขาก็เคลื่อนลงมา ดูดกลืนเสียงที่จะปฏิเสธลงท้องตัวเองเสียให้หมด

เผยอี้ปล่อยแขนออกมาข้างหนึ่งและใช้แขนข้างเดียวกอดเธอเอาไว้ มือข้างหนึ่งของเขาจับลำคอขาวระหงของเธอเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอได้หนีไปไหน บังคับให้เธอรับเอาจูบรุนแรงที่แสนวาบหวามนี้เอาไว้

ตัวเธอหอมเหลือเกิน เนื้อริมฝีปากก็นุ่มหยุ่น แค่เขาเพิ่มแรงอีกแค่นิดเดียว เธอก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดใกล้มากขึ้น

เรียวลิ้นที่อ่อนนุ่มอย่างไม่หน้าเชื่อถูกเขาเกี่ยวกระหวัดแน่น

จนเธอหายใจหอบถี่ และทั้งๆ ที่ระยะห่างระหว่างประตูห้องกับเตียงก็ไม่ได้ไกลอะไรนัก แต่เขากลับรู้สึกว่าเดินมาไกลเหลือเกิน พอวางเธอลงบนเตียงได้เผยอี้ก็ถือโอกาสตามไปกดคนร่างบางเอาไว้ติดๆ

ขาวเรียวยาวนั้นแนบติดกับเอวสอบของเขา แต่สาวเจ้าก็ยังดิ้นตัวถีบขาไปมา และในตอนที่เธอพยายามหันตัวหนี หน้าอกหน้าใจของเธอก็ไปโดนตัวเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งสติกระเจิงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

เจียงเซ่อรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองได้ถูกเขาลิดรอนไปหมดเสียแล้ว เขาเอื้อมมือไปสอดประสานนิ้วมือของเธอจนไม่เหลือช่องว่างและกดลงกับเตียงแน่น แต่ความใจดีก็ยังมีอยู่บ้างถึงได้ผละใบหน้าออกมาเพื่อให้เธอได้สูดอากาศ

“ผมก็อยากนอนในห้องนี้ด้วย” ปลายจมูกโด่งยังคงหยอกล้อบนใบหน้าของเธอ และทุกครั้งที่เขาขยับปากพูด มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนริมฝีปากที่เริ่มบวมแดงของเธอ “ในห้องหนังสือมันหนาว”

เธอหลับตาแน่น ไม่กล้าจะเปิดตาประตาประจันหน้ากับเผยอี้ เธอรู้สึกได้ว่าหน้าอกของตัวเองมันแนบติดอยู่กับหน้าอกของเขา แล้วยิ่งเธอหายใจหอบถี่เท่าไหร่มันก็จะยิ่งแนบชิดกว่าเดิมอีก

ชุดนอนมันก็เป็นเนื้อผ้าเบาบางแนบติดกับตัวอยู่แล้ว แล้วยิ่งตอนนี้ขาทั้งสองข้างมาถูกแยกออกจากกัน ยิ่งทำให้ไม่มีอะไรมาปกปิดอีก บนหน้าท้องก็เหมือนมีอะไรมาดันอยู่ อยากจะลุกก็ลุกไม่ได้ เพราะคนข้างบนทับเธอเอาไว้เสียแน่น

“ไม่ได้!” เธอจะลุกขึ้น แต่เผยอี้ก็กดเธอแน่นลงอีกจนน้ำตารื้นขึ้นคลอเบ้า เพราะรู้สึกว่าเขากดจนเธอแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

ตอนที่เธอดิ้นขัดขืน ปลายลิ้นของเขาก็ค่อยๆ เลียลงบนริมฝีปากของเธอ เลียจนเธอต้องจิกปลายเท้าแน่นและถีบไปถีบมาไม่หยุด

พอเธอเผลอออ้าปาก ลิ้นหนาของเผยอี้ก็ฉวยโอกาสสอดเข้ามาและเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหวานของเธอ

“ถ้านายยังทำแบบนี้อีก ฉันจะกลับหอแล้วนะ”

คำขู่ที่เคยได้ผลมาตลอดทุกครั้ง ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้ผลเสียแล้วสิ

เจียงเซ่อเบี่ยงหน้าหนี แต่ปลายลิ้นของเผยอี้ก็ลากไล้อยู่บนแก้มขาวของเธอแทน และยังซุกซนลากไปถึงติ่งหูนิ่มนั่นอีก

ลมหายใจที่หอบดังอยู่ข้างๆ หู ทำให้เธอต้องกัดปากแน่นเพื่อเก็บเสียงครางตกใจออกมา

คนสองคนอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ใกล้เสียจนเผยอี้ได้ยินเสียงสูบฉีดเลือดดัง ‘ตุบๆ’ ในลำคอขาวของเธอ และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

จนกระทั่งมาถึงตรงนี้ เขาถึงได้เริ่มมั่นใจว่าเธอเองก็ไม่สามารถเป็นคนที่แสนเย็นชาไปได้ตลอด และเธอก็ตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเป็นเหมือนกัน เหมือนกับกระต่ายเวลาตื่นตูมอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเผยอี้ได้เห็นเจียงเซ่อในอีกมุมหนึ่ง เขาก็ยิ้มหยีเสียจนตาเป็นเส้นขีดตรง ก่อนจะอดใจไม่ไหวจนต้องจูบลงอีกที แล้วแอบขบเบาๆ บนปลายคางของเธอด้วย แถมได้ยินเสียงเธอกลืนน้ำลายลงอีกต่างหาก

“ไม่ได้!” เขาปฏิเสธคำขู่ของเจียงเซ่อ พอได้เห็นเธอขบริมฝีปากและปิดตาแน่นแบบนี้แล้ว ขนตาของเธอเรียงตัวสวย แถมแก้มทั้งสองข้างก็ขึ้นสีจนร้อนผะผ่าวอีก คงไม่กล้าลืมตามองเขาสินะ

แต่ก็โชคดีที่เธอหลับตาแบบนี้ เธอจะได้ไม่ต้องมาเห็นใบหน้าที่กำลังมองเธออย่างทะนุถนอมของเขา ปลายจมูกถูกลงเบาๆ กับตำแหน่งเดียวกันของเธอ แล้วลากไปจุ๊บเบาๆ ที่แก้มใส น้ำเสียงที่เคยแข็งและเอาแต่ใจ กลับกลายเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน

“อย่าโกรธ อย่าโมโหกันอีกเลยนะเซ่อเซ่อ”

เผยอี้ดึงมือเธอมาไว้ตรงหน้าริมฝีปากของตัวเอง และวางปลายนิ้วของเธอทุกนิ้วให้สัมผัสกับปากของเขา และลูบวนนิ้วไปมาบนหลังมือของเธอ “ขอร้องนะครับ”

เขากำมือของเจียงเซ่อเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ แล้วซบหน้าลงตรงข้างลำคอของเธอ แววตาเจ็บปวด