webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

148

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 148 ยอมรับ

เจียงเซ่อพยายามดึงมือออกมา แต่เผยอี้ก็จับเอาไว้เสียแน่น แต่ก็เพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บ เขาเลยรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันไปหาเธอ

“ผมอธิบายได้นะ”

เธอหลับตาลง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า หลังจากที่ได้มาเกิดใหม่แล้ว กลายเป็นอีกคนที่มีครอบครัวไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนร่างกาย และหน้าตา กระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่คนเก่าก็ไม่เหลือแบบนี้ แต่เผยอี้ดันจำเธอได้เสียอย่างนั้น

พอเขาเห็นว่าเธอไม่ปฏิเสธที่จะฟังเขาอธิบายก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และพูดความจริงออกมาทุกอย่างไม่กล้าโกหกหรือปิดบังอะไรเธออีก “ที่จริงตอนแรกผมแค่เดาๆ เอาไว้น่ะ”

เพราะไม่ว่ายังไงเรื่องแบบนี้มันก็ดูจะแปลกประหลาดเกินไปหน่อย ถ้าเป็นคนทั่วไปคงไม่มีทางที่จะคิดแบบนี้แน่ๆ

“ครั้งแรกที่ผมเจอพี่ ยังจำได้ไหม?” ตอนนั้นทางมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งได้ส่งนักศึกษาไปฝึกที่ค่ายทหารสินะ เพราะว่าตอนนั้นเขาดันไปซัดเฉิงหรูหนิงซะอ่วม จนคุณปู่ของเฉิงหรูหนิงต้องมาบอกเรื่องนี้ถึงบ้าน คุณปู่เผยเองก็ทนไม่ได้กับการกระทำแบบนี้เช่นกัน จึงสั่งให้เผยจิ้นหยางเอาตัวเขาไปที่ค่ายทหาร และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับเจียงเซ่อ

“ทุกครั้งที่พี่อารมณ์ไม่ดี เวลาที่ดื่มน้ำ มันเหมือนกับเฝิงหนานมาก”

ตอนนั้นเผยอี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่รู้สึกว่าเธอเหมือนกับเฝิงหนานเท่านั้นเอง แต่มันก็ถือว่าเป็นภาพที่ติดอยู่ในหัวล่ะนะ

อีกครั้งที่พบกันที่โรงแรมรุ่ยจี๋ ตอนนั้นเขาอารมณ์ไม่ดี เลยซัดเหยาเสียงจนหมอบ และเรื่องนี้มันก็กลายเป็นข่าวด้วย อีกทั้งมันก็เกี่ยวกับเผยอี้โดยตรง เนี่ยต้านเลยออกโรงหาข้อมูลเธอมาให้เรียบร้อย และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เผยอี้เกิดความสงสัย

“ตอนที่พี่เล่นเปียโน พี่นั่งบนเก้าอี้หนึ่งส่วนสามเท่านั้น ท่านั่งก็ดูเรียบร้อยและเหมือนกับเฝิงหนานมากๆ ผมยังจำตอนที่อาจารย์สอนเปียโนชมพี่ได้นะ และเพลงที่พี่ชอบเล่นที่สุดคือเพลง Star” เวลาที่เธออารมณ์ดี เธอก็จะดีดเปียโน แต่ถึงจะอารมณ์ไม่ดี เธอก็จะเล่นมันอีกเช่นกัน ครั้งนั้นที่เนี่ยต้านเอาคลิปในมือถือมาให้ดู ทำให้เผยอี้รู้สึกสงสัยในตัวเจียงเซ่อมากกว่าเดิม

จนครั้งสุดท้ายที่เขาตามเรื่องที่เกิดขึ้นในจิ่วหลงถาง และพบว่ามีบางอย่างในตัวเจียงเซ่อที่เปลี่ยนไป และมันก็ตรงกับช่วงที่เขาและเฝิงหนานขัดแย้งกันพอดี และนั่นมันก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันในความสงสัยของเขา

และมันก็เป็นเพราะเขาชอบเธอมากจริงๆ ตั้งแต่เป็นเด็กและเริ่มจำความได้ เขาก็คิดว่าเธอเป็นของเขามาโดยตลอด

สิ่งของที่เธอชอบ ท่าทางจังหวะการพูดของเธอ คิ้วที่ขมวดและมือที่ยกขึ้น ไม่มีใครสังเกตและรู้เรื่องแบบนี้ดีเท่าเขาอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นเฝิงจงเหลียงก็ตาม ก็ยังไม่รับรองเลยว่าเขาจะรู้ละเอียดขนาดนี้

ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน และไม่ว่าเธอจะกลายเป็นใคร เขาก็จะต้องจำเธอได้

พอกลับมาถึงที่บ้าน เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบจะตีหนึ่งแล้ว พอเผยอี้จอดรถเรียบร้อยแล้ว ก็หยิบคีย์การ์ดออกมาเปิดลิฟต์

ดูท่าเจียงเซ่อคงไม่ยอมพูดคุยกับเขาง่ายๆ แน่ และนั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกร้อนรนใจไม่น้อย จนต้องเดินไปเดินมาในลิฟต์อยู่แบบนั้น

“ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดพี่จริงๆ นะ” ตอนที่เขาพูดออกมา น้ำเสียงก็เหมือนคนขาดความมั่นใจอย่างไรอย่างนั้น

“ที่จริงผมตัดสินใจว่าจะบอกพี่แล้ว ผมสาบานเลย”

“ฉันไม่เชื่อหรอก” เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขารู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ยังตั้งใจไม่พูดเรื่องนี้ออกมา แถมยังฉวยโอกาสแบบนี้ทำให้เธอดูเหมือนเป็นคนโง่

ถึงแม้ว่าเธอจะฟังที่เขาอธิบายมาทั้งหมดแล้ว แต่เธอยังติดใจกับเรื่องที่เขารู้แล้วแต่กลับปิดบังกันแบบนี้

และเพราะในบ้านของเขาไม่มีห้องรับรองแขก เขาเลยอุ้มเอาของๆ ตัวเองเข้าไปในห้องหนังสือ และยกห้องนอนของตัวเองให้เธอแทน

ก่อนจะออกจากห้องก็ยังมีการหันมามองเป็นระยะๆ ท่าทางหน้าม่อยคอตกแบบนั้นก็ดูน่าสงสารอยู่เหมือนกัน

เจียงเซ่อปิดประตูลง พอนึกถึงตอนที่เผยอี้ไปนอนในห้องหนังสือในตอนนั้น เธอก็คิดว่าคงจะต้องหาที่พักใหม่แล้วรีบย้ายออกไปเสียแล้ว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมานอนที่นี่ แต่ว่าครั้งที่แล้วที่มานอนบ้านเขา มันเป็นวันเกิดของเธอ แถมเธอยังเมาสลบจนจำอะไรไม่ได้สักอย่าง

แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ฉวยโอกาสทำเรื่องอะไรไม่ดีต่อเธอ พอคิดถึงตรงนี้ ความโมโหในใจของเจียงเซ่อก็ค่อยๆ สงบลงไม่น้อย

ในห้องแต่งตัวถูกตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป ข้างนอกเป็นชั้นดาดฟ้าที่ถูกปรับแต่งให้เป็นห้องหนังสือแทน และมันก็อยู่ติดกับห้องนอน

เธออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาเช็ดผมให้แห้ง คืนนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน ทำให้เธอรู้สึกว่ายังนอนไม่หลับ

เจียงเซ่อหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา แล้วโทรไปหาเผยอี้ “คอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือใช้ได้ไหม?”

แน่นอนว่าเขาคงไม่ตอบว่าไม่ได้

“ได้สิ รหัสผ่านเป็นเลขวันเกิดของพี่” พอกำลังจะพูดอะไรกับเธออีกสักนิด เจียงเซ่อก็รีบบอกขอบคุณแล้ววางสายไปในทันที

เผยอี้รู้สึกกลัดกลุ้มจริงๆ ในตอนนี้ เธอรู้สึกอะไรก็ไม่เคยแสดงออกมาให้รู้ มีเรื่องอะไรก็ชอบเก็บไว้ในใจ มันก็เลยทำให้เขาต้องกระวนกระวายใจแบบนี้ไง

เขารีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วออกมา แต่ห้องกลับถูกล็อคเสียแล้ว เขายืนอยู่หน้าประตู และไม่กล้าเรียกให้เจียงเซ่อเปิดประตูให้สักคำ

ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตัวเองเป็นเด็กนักเรียนที่ทำความผิดมาเลย ได้แต่หงุดหงิดและรอให้ทุกคนมาตัดสินว่าเขาถูกหรือผิด เขาเสยผมขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเขาเสียใจที่ตอนนั้นเขารู้ว่าเธอคือใครแล้วปกปิดเธอหรอกนะ

ถ้าเกิดเขาพูดออกไปว่าเขารู้ว่าเธอคือเฝิงหนาน งั้นตั้งแต่ตอนนั้นทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเธอ เขาก็คงต้องทำตัวเหมือนเดิม เธอคงไม่มีทางที่จะยอมให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนไป เพราะในใจเธอเขาเป็นแค่น้องชายเท่านั้น

พอเปิดคอมขึ้นมาแล้ว เจียงเซ่อก็ใส่รหัสวันเกิดของเจียงเซ่อตัวจริงเข้าไป แต่ก็เปิดไม่ได้ เธอเลยลองใช้เลขวันเกิดของเฝิงหนานแทน แค่กดเอนเทอร์เท่านั้น หน้าจอมันก็เปิดเข้าสู่หน้าปกติทันที และมันก็เป็นรูปเธอบนหน้าจอนั่น เธอที่กำลังก้มหน้ายิ้มกับอะไรบางอย่าง

ไม่รู้ว่าเผยอี้ถ่ายมันตั้งแต่เมื่อไหร่ เจียงเซ่อลองนึกๆ ดู แต่ก็นึกไม่ออกว่าตอนไหนกันแน่

พอเห็นว่าหน้าจอเป็นภาพของตัวเองแบบนี้แล้ว เธอกัดริมฝีปากแน่น นั่งแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็รีบยื่นมือไปคลิ๊กเปิดหน้าเว็บไซต์ขึ้น ที่จริงเธอตั้งใจที่จะหาข้อมูลบริษัทจวี้เฟิงมีเดียที่เฝิงหนานพูดถึงวันนี้ดู แต่ไปๆ มาๆเธอดันไปเปิดอีเมล์ของตัวเองเสียอย่างนั้น

ที่จริงตั้งแต่เกิดใหม่มาเธอก็แทบไม่คิดจะไปแตะอะไรที่เกี่ยวกับตัวเองในอดีตอีกเลย ความทรงจำและสิ่งต่างๆ ถูกเธอเก็บและกดมันเอาไว้ในใจ ไม่กล้าจะเอ่ยถึงมันออกมา และไม่กล้าที่จะไปคิดถึงมันด้วย ก็แค่กลัวว่าถ้าคิด ถ้าพูดถึง ถ้าไปแตะต้องมันละก็ เรื่องราวและคนเหล่านั้นก็จะกลับมาสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเธออีก และมันจะทำให้เธอรู้สึกไม่สงบสุข

เจียงเซ่อนั่งอยู่ตรงหน้าคอมอยู่พักหนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมา

หลังจากกรอกรหัสผ่านเข้าไปแล้ว เสียงแจ้งเตือนติงๆๆๆ ก็ดังขึ้นมาไม่หยุด และบนจอก็มีข้อความจดหมายหลายฉบับที่ยังไม่ได้เปิดอ่านมากมาย มันคงสะสมมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว จดหมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่านมีถึงร้อยกว่าข้อความ

นอกจากมีจดหมายจากลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ฮ่องกงจำนวนหนึ่งแล้ว และข้อความอีกเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็เหมือนว่าจะเป็น ID ของคนๆ เดียวกันหมดเลย

ถ้าจำไม่ผิด มันเป็นไอดีอีเมล์ของเผยอี้

เจียงเซ่อมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลองเลื่อนลงหาดูจดหมายที่ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วว่าอยู่ตรงไหน และฉบับแรกมันก็เป็นของเผยอี้นั้นเอง

จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาตอนปลายเดือนพฤษภาคมในปีที่แล้ว พอลองๆ นับเวลาดู ตอนนั้นคงเป็นตอนที่เผยอี้อยู่ที่ฝรั่งเศส

ทันทีที่เธอกดเข้าไปดูข้อความ รูปภาพที่แนบมามันก็เด่นหราสู่สายตาเธอ

อินเทอร์เน็ตในบ้านเขาเร็วมาก รูปที่ส่งมาก็เด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน มันเป็นรูปไร่สวนองุ่นขนาดใหญ่ มองดูแล้วเหมือนมันเป็นไร่องุ่นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ร่มเงาต้นไม้ใหญ่สีเขียวตัดกับท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆลอยกระจัดกระจาย ไกลๆนั่นยังมีป้อมปราการสีขาวสะอาดอยู่ด้วย และอีเมล์ที่เขาส่งมาก็มีข้อความของเขาด้วยว่า ‘ผมรอพี่อยู่นะ’

เธอลองคิดถึงความรู้สึกของเผยอี้ตอนที่เขาพิมพ์ประโยคนี้มา มันคงจะต้องเต็มไปด้วยความรู้สึกเฝ้ารอคอยแน่ๆ รูปที่เขาถ่ายมาก็ถ่ายได้ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ทันได้รอเธอไปหาที่ฝรั่งเศส และอีเมล์ก็ไม่ได้เปิดดูเลยด้วยซ้ำ เธอก็เพิ่งจะมาเปิดดูตอนนี้นี่เอง

‘ในคืนนี้ในสวนปิแอร์มีการจัดงานเต้นรำขึ้น และพวกผมเองก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน พวกเนี่ยต้านเองก็ไปด้วยเช่นกัน เฝิงหนาน ผมยังรอพี่ตอบข้อความผมอยู่นะ ช่วยบอกผมทีว่าพี่หายโกรธผมบ้างรึยัง’