webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

147

 娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

 

 

 

บทที่ 147 ผิดปกติ 

 

 

แบบนี้มันจะดูแปลกไปหน่อยละมั้ง ทั้งที่มันชัดเจนอยู่แล้วว่าทั้งสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เฝิงหนานกลับมามีความหวังดีให้กับเธอแบบนี้

 

และหล่อนเองก็ไม่ได้ดูหวังดีอย่างที่แสดงออกมาเลยสักนิด

 

“ถ้าหากว่าเธอสนใจ ฉันจะช่วยเธอติดต่อกับคนดูแลที่นั่นก็ได้นะ เธอหน้าตาดี แถมยังมีชื่อเสียงติดตัวมาแบบนี้แล้วด้วย พวกเขาต้องรีบรับเธอเอาไว้ชัวร์

 

เฝิงหนานยกแขนขึ้นกอดอก ทั้งๆ ที่หล่อนก็ยิ้มให้อยู่แท้ๆ แต่เจียงเซ่อกลับรู้ว่าว่ามันดูน่าสงสัยเสียมากกว่า

 

ความรู้สึกแบบนี้เธอเองก็หาที่มาไม่ได้เช่นกัน แต่เจียงเซ่อก็แค่รู้สึกว่ามันดูไม่ปกติ

 

“ไม่ต้องหรอก” เจียงเซ่อหันหน้าไปทางภูเขาจำลองที่มีหิมะปกคลุมนั่น “ขอบคุณสำหรับความหวังดี”

 

มุมข้างที่สวยราวกับภาพสเก็ตช์สะท้อนอยู่ในตาของเฝิงหนาน ในโลกใบก่อน หล่อนได้เจอดาราผู้หญิงสวยๆ มาก็หลายคน บางคนถึงแม้ว่าใบหน้าตรงๆ จะสวยมากแค่ไหน แต่พอหันข้างเท่านั้นแหละ กล้องถ่ายแทบจะไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ 

 

ปลายคางเรียวเล็กของเหล่าดาราสาวไม่สามารถปกปิดเนื้อตรงแก้มที่ล้นออกมาได้ ถ้าถ่ายหน้าตรงๆ ก็ขึ้นกล้องอยู่หรอก แต่พอเอียงหน้าหน่อยก็เห็นโครงหน้าที่แท้จริงแล้ว

 

แต่เจียงเซ่อไม่ เพราะไม่ว่าเธอจะหันหน้าตรงๆ หรือเอียงหน้าไปทางไหนก็ตามแต่ โครงหน้าของเธอก็จะยังคงสวยงามเสมอ ผิวของเธอขาวเปล่งประกาย และใบหูเล็กนั่นก็ยังไม่มีรอยเจาะจนเต็มเหมือนอย่างที่หล่อนเคยจำได้ ราวกับว่ายังเป็นเพชรแท้ที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนให้ต้องแปดเปื้อน และสิ่งเหล่านี้มันก็ยิ่งทำให้เฝิงนานอยากจะบดขยี้เธอให้ตายอย่างโหดเหี้ยม

 

“งั้นก็ต้องขอโทษด้วยที่ฉันต้องพูดตรงๆ นะคะคุณเจียง” เฝิงหนานเชิดปลายคางขึ้น แววตาส่อถึงความเยาะเย้ยและเหน็บแนม

 

“ครอบครัวของเธอไม่ได้มีฐานะอะไรเลย ถึงแม้ว่าจะได้ถ่ายหนังใหม่ของจ้าวร่างไป แต่ก็เพราะว่าข่าวของจูพ่านทำให้การขายบัตรหนังต้องโดนผลกระทบไปด้วยอีก สถานการณ์แบบนี้มันนะไม่ดีต่อตัวเธอเองนะ ถ้าเกิดว่าตัวเธอยังไม่มีบริษัทเอเจนซี่มาคอยวางแผนให้เอาไว้ล่วงหน้าแล้วละก็ จะเดินบนเส้นทางนี้ไปอีกได้นานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้

 

แต่หล่อนพูดแบบนั้นออกมา เจียงเซ่อก็รู้ได้ทันทีว่าเฝิงหนานต้องแอบสืบข้อมูลเธอมาแล้วแน่ๆ

 

การที่เฝิงหนานมาตามสืบเรื่องของเธอ แบบนี้มันเป็นเพราะใครกันแน่? สายตาหล่อนที่มองเธอมันดูแปลกจริงๆ ถึงแม้ว่าหล่อนจะพยายามปกปิดมัน แต่ตอนที่เฝิงหนานมองมา แววตาของเธอก็มีแต่ความประสงค์ร้ายทั้งสิ้น

 

“คุณเฝิง” เจียงเซ่อเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าที่ตัวเองออกมาข้างนอก ก็เพราะว่าไม่อยากเห็นหน้าของหล่อนอีกแล้ว แต่หล่อนก็ยังตามมาราวีไม่เลิก “ฉันจะเป็นยังไงต่อไป หรือฉันจะเลือกเข้าบริษัทเอเจนซี่ไหน มันก็เป็นเรื่องของฉัน”

 

มุมปากที่กระดกขึ้นของเฝิงหนานค่อยๆ ลดลง หล่อนยืนนิ่งและประจันหน้ากับเจียงเซ่อ เจียงเซ่อยิ้มขึ้นมา แววตาไม่แสดงความรู้สึก มันเป็นแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่น้ำเสียงที่แสนนุ่มนวลของเจียงเซ่อจะดังขึ้น

 

“ขอทางด้วยค่ะ”

 

หล่อนยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงหน้าเจียงเซ่อ จนเธอเดินหน้าเข้าไปก็แล้วแต่ก็ยังไม่หลบ จนกระทั่งชนเข้ากับแขนของหล่อน  ชนจนตัวของหล่อนต้องเซไปอีกทาง พอกำลังจะหันหลังไปด่า ก็พบว่าเจียงเซ่อเดินเข้าไปในห้องของคนเหล่านั้นเสียแล้ว

 

เฝิงหนานกำกระเป๋าในมือแน่น ดวงตารี่ไล่มองตามแผ่นหลังของเจียงเซ่อ ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดออมาอย่างไม่พอใจ

 

พอกลับเข้ามาในห้อง เนี่ยต้านและคนอื่นก็ยังนั่งพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม เผยอี้ที่เห็นเธอเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วก็รีบลุกขึ้นยืน

“เหนื่อยแล้วใช่ไหม?” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้มันจะเที่ยงคืนแล้ว ที่จริงเธอเป็นคนเข้านอนเร็ว และตอนนี้มันก็ดึกกว่าเวลานอนของเธอมามากพอแล้ว เขาจึงหันไปพูดกับเหล่าพี่น้องตนเอง

 

ไวเท่าความคิด เผยอี้เดินไปคว้าเสื้อคลุมของตัวเองมาสวมแล้วพูดขึ้น “งั้นฉันไปก่อนละกัน พวกแกก็เล่นไปเรื่อยๆ ล่ะ”

 

เนี่ยต้านส่ายหัว และลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเองเช่นกัน

 

“ไม่เล่นละ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว คุณปู่ที่บ้านนี่กำลังเพ่งเล็งผมเสียเหลือเกิน”

 

เซี่ยงชิวจี๋เองก็พูดขึ้น

 

“เออพี่อี้ แล้วเฝิงหนานล่ะทำไง?”

 

ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อก่อน แน่นอนว่าพี่น้องกันไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซ้ำ เพราะว่ายังไงเผยอี้ต้องไปส่งเฝิงหนานเองอยู่ดี แต่สิ่งที่เผยอี้แสดงออกมาในวันนี้ เขาแสดงออกอยางชัดเจนว่าได้ขีดเส้นระหว่างตัวเองกับเฝิงหนานออกไปแล้ว ซ้ำยังตั้งใจไล่ต้อนเฝิงหนานแบบนั้นอีก รู้ได้ทันทีว่าคงไม่คิดจะให้หน้ากับเธออีกแล้ว

 

“อะไรทำยังไง?”

 

เผยอี้เอื้อมมือไปจับมือของเจียงเซ่อเอาไว้ เพราะเธอเพิ่งจะกลับมาจากข้างนอกที่แสนหนาวเย็นนั่น นิ้วของเธอก็เลยเย็นเฉียบไปหมด เขาก็เลยจับมือเธอสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวเอง

 

“มายังไงก็กลับไปอย่างนั้นสิ หรือถ้าใครสมัครใจก็เชิญไปส่งเธอแล้วกัน”

 

เขาพูดจบ ก็ดึงเจียงเซ่อให้เดินตาม

 

“ไปล่ะ”

 

พอออกมาจากฉาวจิ้นเก๋อแล้ว พอขึ้นรถได้เผยอี้ก็สังเกตเห็นว่าเจียงเซ่อเงียบไปไม่พูดอะไรสักคำ เธอพิงหัวไปกับเบาะที่นั่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรถึงได้ดูเหม่อขนาดนั้น

 

ภายในรถเงียบกริบ เผยอี้นั่งอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มทนไม่ไหว กระแอมไปออกมา

 

“เซ่อเซ่อ ตอนที่เธอออกไป เฝิงหนานก็ตามเธอไปเหรอ?”

 

“อืม”

 

เธอตอบคำและเปิดตาเพียงครึ่งเดียว ท่าทางดูนิ่งสงบ และสีหน้าเธอก็มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

“หล่อนพูดอะไรกับเธอ?”

 

พอเผยอี้เห็นว่าเธอเป็นแบบนี้แล้ว ในใจมันก็ดูจะวุ่นวายไปหมด การปรากฏตัวของเฝิงหนานในค่ำคืนนี้ หล่อนมีอะไรบางอย่างกับ ‘เจียงเซ่อ’ จริงๆ นั่นแหละ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ช่วยจูพ่าน อยากจะหาเรื่องวุ่นวายให้เจียงเซ่อก็เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

 

“ก็พูดถึงเรื่องบริษัทเอเจนซี่” เจียงเซ่อพูดจบ เธอก็ลืมตาหันไปมองเผยอี้

 

“เผยอี้ นายรู้ความจริงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

เธอพูดแบบนั้นขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุใดๆ ทั้งนั้น แต่กลับทำให้ในใจของเผยอี้มันเต้นรัวไปหมด ถึงแม้ว่าท่าทางจะไม่ออก แต่ลูกกระเดือกนั้นขยับขึ้นลงตามแรงกลืนน้ำลาย เลยปิดสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้ไม่มิด

 

“อะไรเหรอ คะ ความจริงอะไรงั้นเหรอ?”

 

เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาไม่เคยพูด แค่ก็ใช่ว่าในใจเธอจะไม่เคยคิด

 

เผยอี้ดีกับเธอเกินไปจนดูน่าแปลกใจ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มจีบ ท่าทางของเขา มันเหมือนในอดีตไม่มีผิด

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกินอะไร หรือเวลาที่พูดอะไร ก็มักจะเป็นสิ่งที่เธอชอบเสมอ

 

แต่ก่อนก็แค่เดาๆ เอา แต่พอวันนี้ที่ ‘เฝิงหนาน’ มาปรากฏตัว ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

เรื่องที่ ‘เฝิงหนาน’ เล่นไพ่โป๊กเกอร์ได้นั้นเขากลับไม่แสดงท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด แต่ความจริงแล้วเขาควรจะรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่เคยเล่นไพ่โป๊กเกอร์มาก่อน ก็จะมีแค่ไพ่นกกระจอกที่เล่นกับเผยอี้อยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เก่งอยู่ดี

แต่ว่านะ แต่ก่อนเขาก็ดีกับเธอมากๆ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่าเขาแล้ว บางที แค่ขอร้องอะไรนิดหน่อยก็ทำให้ทันที

 

ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ถึงความรู้สึกจริงๆ ของเผยอี้หรอก เธอคิดกับเขาเป็นเพียงน้องชายคนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น

 

เธอยังจำได้ว่า เผยอี้เคยพูดกับเธอถึงเรื่องโหวซีหลิ่ง เพราะเธอชอบผลงงานของโหวซีหลิ่งมาตั้งแต่ต้น เขาเลยแอบท่องจำเนื้อหาของโหวซีหลิ่งเอาไว้อย่างแม่นยำ ถึงเขาจะไม่พูดขึ้นมาว่ากำลังพูดถึงใคร แต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังพูดถึงใคร

 

ความรักและความปรารถนาดีเหล่านั้น ทุกการกระทำและคำพูดของเขายังตราตรึงอยู่ในใจเสมอ แต่ในตอนนี้ เขากลับไม่มีความเกรงใจต่อ ‘เฝิงหนาน’ เลยสักนิด และตอนที่พูดคุยกับ ‘เฝิงหนาน’ ก็ไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็น ราวกับว่าเป็นคนละคนกัน

 

แถมก่อนหน้านี้ที่เล่นไพ่กันก็ยังจงใจแกล้ง ‘เฝิงหนาน’ อีก และการกระทำที่กลับตาลปัตรแบบนี้ก็ทำให้เจียงเซ่อมั่นใจว่าเขาต้องรู้เรื่องอะไรสักอย่างแล้วแน่ๆ

 

เขารีบจอดรถเทียบข้างทาง ล้อรถเบียดลงบนถนนจนเกิดเสียงแสบแก้วหู

 

เผยอี้รีบดึงมือเธอไปด้วยความร้อนรน

 

“อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

 

เขายกมือบางขึ้นไปตรงหน้าริมฝีปากของตัวเอง แล้วจูบลงเบาๆ ท่าทางแบบนั้นดูจริงใจกับเธอมาก เผยอี้เป็นถึงทายาทที่แสนเย่อหยิ่ง ตั้งแต่เด็กเขาก็ถูกโอ๋และตามใจมาตลอด สั่งลมก็ต้องได้ลม สั่งฝนก็ต้องได้ฝน แต่สิ่งเดียวที่เขายอมให้คือเธอเท่านั้น

 

“นะครับ อย่าทำเป็นไม่สนใจผมอีกเลยนะ”

 

ริมฝีปากของเขาจรดลงบนปลายนิ้วของเธอทีละนิ้ว ท่าทางเห็นแล้วก็ดูน่าสงสารไม่น้อย ราวกับว่ากลัวเธอจะทิ้งเขาไปอย่างไรอย่างนั้น