webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

145

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 145 ดวงตาที่แดงก่ำด้วยความโกรธ

“พวกนายไม่ได้พูดตั้งแต่แรกนี่ แถมไม่ได้บอกด้วยว่าชิพค่าต่ำสุดหนึ่งเหรียญคือหนึ่งแสน”

ใบหน้าของเฝิงหนานขึ้นสีด้วยความหงุดหงิด ห้าสิบล้านกว่านี่ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวเลขเล็กๆ สำหรับหล่อน โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เกิดใหม่นี่ บ่อยครั้งที่หล่อนร่วมลงทุนไปกับจ้าวจวินฮั่น แต่เงินที่ถูกจ่ายออกไปของเฝิงหนาน มันก็เป็นแค่พวกค่าหนังสือ ค่าเครื่องประดับกับของทั่วๆ ไปเท่านั้น ที่เหลือก็จะนำไปลงทุนกับจ้าวจวินฮั่นเสียหมด ทุ่มทุนมหาศาลเพื่อหนังปฏิบัติการผู้พิทักษ์ของจางจิ้งอาน

วันเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ที่หล่อนมาเกิดใหม่ เรื่องที่หล่อนไปรับเล่นหนัง นั่นก็เพราะหล่อนคำนึงถึงคุณภาพของผลลัพธ์เป็นหลัก ดังนั้นเป้าหมายของหล่อนก็คือการรับเล่นหนังปฏิบัติการผู้พิทักษ์ เล่นบทเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกชอบได้ ยังไม่ต้องเป็นถึงบทที่จะต้องดังทันที

แต่ว่ามันก็เป็นเพราะเธอใช้เงินในการที่จะเข้าไปในกองถ่าย ดังนั้นก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่าตอบแทนอะไรเลย เพราะความจริงก็คือเธอต้องการจะโด่งดังเลยเล่นบทนั้น ดังนั้นน่ะนะ ไอ้กี่สิบล้านที่พูดมา ไม่ว่าจะก่อนเกิดใหม่หรือหลังเกิดใหม่ มันก็เป็นตัวเลขที่มหาศาลสำหรับหล่อนอยู่ดี

“หรือว่าเธอคิดว่า พวกเราจะเล่นกันแค่สิบยี่สิบหยวนหรือไง?”

เซี่ยงชิวหรานขำขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือไปหยิบชิพขึ้นมาเหรียญหนึ่ง “พี่เฝิงหนานพูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าคิดจะติดเอาไว้ก่อนหรอกใช่ไหม?”

จนมาถึงตอนนี้ ถ้าเกิดว่าเฝิงหนานยังดูไม่ออกว่าคนพวกนี้ตั้งใจจะแกล้งหล่อนแล้วละก็ หล่อนก็คงมีสภาพไม่ต่างจากแต่ก่อน

ตั้งแต่ที่หล่อนเดินเข้ามาในห้องนี้ เนี่ยต้านและคนอื่นๆ ต่างก็พากันชักชวนให้เธอเล่น แถมยังส่งชิพมาให้อีก นั่นก็เพราะพวกเขากำลังทำให้เธอหลวมตัว และตั้งใจทำให้หล่อนมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้!

หล่อนในโลกก่อนหน้าก็มีบ้างที่ติดต่อและคบค้าสมาคมกับคนรวยแบบนี้ และรู้ว่าพวกคนแบบนี้ชอบนักที่จะหลอกลวงและยั่วเล่น แต่ก็ไม่เคยเจอกับคนกลุ่มไหนที่จะเลวร้ายได้ขนาดนี้!

คนพวกนี้ทำให้หล่อนกลายเป็นตัวตลก แล้วยังมาหลอกหล่อนให้ต้องแพ้พนันถึงห้าสิบล้าน

“ฉันไม่ได้อยากจะติดหรอกนะ แต่ว่าก่อนที่จะเล่นกัน พวกนายไม่ได้พูดให้มันชัดเจนว่าจะเล่นกันเท่าไหร่นี่” เธอพยายามที่จะฝืนยิ้มออกมา แล้วยกมือขึ้นเสยผม

“ยังไงก็แค่เล่นๆ กัน ทำไมต้องจริงจังกันด้วยล่ะ?”

“พี่น้องกันต้องคิดเรื่องตัวเลขด้วยหรือยังไง?”

เซี่ยงชิวจี๋หันไปมองเผยอี้ แล้วพูดขึ้นเล่นๆ

“แต่พี่เฝิงหนานเป็นถึงใครกัน? ถ้าเกิดติดขัดเรื่องจำนวนเงินละก็ ผมว่าอาอี้คงไม่ติดขัดหรอกจริงไหม เอาไว้พี่สาวสะดวกตอนไหน ก็ค่อยเอามาคืนตอนนั้นก็ได้”

เฝิงหนานไม่ได้ตอบอะไร เนี่ยต้านไม่ได้สนใจเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ เขาชะโงกตัวขึ้นไปบนโต๊ะแล้วดึงไพ่ในมือของเผยอี้มาดู

“พี่อี้ ไพ่ของพี่สะใภ้มันดีขนาดนั้นเลยหรอ?”

ก่อนหน้านี้ที่เล่นกันเสร็จ เฝิงหนานอยากจะดู เขากลับเล่นตัวไม่ให้เธอได้ดูมัน

แต่แค่เนี่ยต้านยื่นมือไป เผยอี้ก็เลื่อนมือเอาให้ดูแล้ว

“ใช่ที่ไหนล่ะ” เผยอี้ส่ายหน้า ไพ่ของเจียงเซ่อไม่ดีสักนิด เพราะในไพ่โป๊กเกอร์สามใบที่เธอมี มันเป็นแค่ตัวเลขเล็กๆเท่านั้น ไพ่ที่ใหญ่ที่สุดก็แค่หก ไพ่ในมือนี่มันแย่เสียจนแย่กว่านี้คงไม่ได้แล้ว มันเทียบกับไพ่ที่เฝิงหนานโยนทิ้งลงบนโต๊ะนั่นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เนี่ยต้านโยนไพ่สามใบลงบนโต๊ะ พอเฝิงหนานเห็นมัน หน้าเธอก็ตึงไปหมด!

ถ้าหากว่าเธอยอมเล่นไปอีกสักนิด ถึงแม้ว่าเธอจะต้องเรียกชิพมาเพิ่มอีกแต่ยังยืนยันที่จะสู้ไพ่กับเผยอี้ต่อล่ะก็ สถานการณ์ในค่ำคืนนี้มันจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน!

แต่ตอนนี้เป็นเพราะว่าเธอตัดสินใจที่จะถอย ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกที่มีแต่คนหัวเราะเยาะ

เฉิงหรูหนิงระเบิดหัวเราะออกมา “พี่เฝิงหนาน พี่จ่ายไอ้ห้าสิบล้านนี่ไม่ได้หรือไงกัน”

ถึงแม้ว่ายังดีที่เฝิงหนานยังอดกลั้นอารมณ์ตัวเองได้ แต่ว่าเซี่ยงชิวจี๋และคนอื่นๆ ที่กำลังนั่งหัวเราะกันอย่างสนุกสนานตรงหน้านี่ มันทำให้หล่อนไม่สามารถเก็บซ่อนสีหน้าของตัวเองได้อีก และในใจของเธอมันก็ร้อนรุ่มไปหมด

ภายใต้แสงไฟ เด็กหนุ่มสี่ห้าคนกำลังนั่งเล่นนั่งพิงตัวอยู่ข้างๆ โต๊ะ เผยอี้นั่งกอดเจียงเซ่ออยู่บนโซฟาด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ และยิ้มหัวเราะอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขายิ้มจนเห็นฟัน มุมปากนั่นยกขึ้น ใบหน้าที่เหมือนกำลังเหยียดหยามแบบนั้น ทำให้เฝิงหนานนึกถึงชีวิตก่อนที่จะได้มาเกิดใหม่ ตอนที่ได้เจอกับจ้าวซินหงเป็นครั้งแรก ในหูของเธอก็เหมือนจะได้ยินเสียงของไปป์ที่ถูกเคาะลงบนโต๊ะไม้ดังตึกๆ หนึ่งที สองที ทำให้หล่อนเผลอกัดฟันแน่น

ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอก็เกิดมาเป็นอีกคนแล้ว เกิดเป็นคนที่ฐานะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่สิ่งที่หล่อนได้เจอในคืนนี้ ทำให้เธอนึกถึงสภาพที่แสนสุดจะทนของตัวเองในอดีต

เสียงหัวเราะของเฉิงหรูหนิงมันไม่รื่นหูเธอเลยสักนิด แววตาล้อเล่นของพวกเขามันเป็นเหมือนดั่งดมมีด มันทำให้เธอรู้สึกถึงความอัปยศและโมโห เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ตั้งใจที่กลั่นแกล้งเธอ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรให้เกิดการผิดใจกันเลยสักนิด

ราวกับว่า ไม่ว่าเธอจะมีฐานะที่เปลี่ยนไป หรือจะยังเป็นเหมือนแต่ก่อน ในสายตาของพวกคนที่แสนหยิ่งผยอง และชอบชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่เหล่านี้ ก็จะยังมองว่าเธอเป็นแค่ตัวตลกอยู่ดี

เท่ากับว่าการที่เธอมาหาเซี่ยงชิวจี๋ในคืนนี้ มันก็เหมือนกับว่าเธอพาตัวเองมาขายหน้า

เธอพยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเทา เพราะกลัวว่าจะทนไม่ได้อีกต่อไป เธอพยายามระงับความโกรธของตัวเอง และพยายามยิ้มออกมา

“ขอโทษนะ ขอตัวสักครู่ละกัน ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

รอยยิ้มฝืนๆ ที่เผยออกมาบนใบหน้าของหล่อน เพียงแค่หันหลังให้ได้ รอยยิ้มปลอมๆ นั่นก็อันตรธานหายไปในทันที พอหล่อนเดินออกจากห้องไปแล้ว หล่อนก็กำมือแน่น ขาที่กำลังก้าวเดินก็ขวิดกันไปมาอย่างลนลาน

พอเห็นว่าหล่อนเดินไปแล้วจริงๆ เนี่ยต้านก็เขยิบขึ้นไป

“พี่อี้ เฝิงหนานเขาเล่นไพ่เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” พอเขาถามประโยคนั้นออกไป ก็เห็นว่าเผยอี้คงไม่ตอบเขาแน่นอน จึงถามขึ้นอีก

“นี่พี่เฝิงหนานเขาไปทำอะไรให้พี่กันแน่?” เนี่ยต้านมองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง แล้วถามขึ้นอย่างคลุมเครือ “พี่ถึงทำแบบนี้กับเธอ”

เฉิงหรูหนิงเองก็ยังรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เผยอี้ยังดูกระวนกระวายเพราะเฝิงหนานไม่สนใจตัวเอง จนถึงขนาดที่ว่าบุกมาซ้อมเขาจนแทบจะตายให้ได้

แล้วนี่มันแค่ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่เอง เขากลับมีท่าทีกลั่นแกล้งเฝิงหนานแบบนี้แล้ว

หล่อนทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมากเลยล่ะ เผยอี้โอบเจียงเซ่อเอาไว้ และสุดท้ายก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกไปทั้งนั้น

การที่มีเฝิงหนานเข้ามาแทรกกลางคันแบบนี้ มันก็เหมือนไปลดความสนุกของทุกคนลงด้วย

แต่เธอก็ยังหน้าหนา ขนาดแพ้พนันไปแล้วถึงห้าสิบกว่าล้าน ก็ยังทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องที่จะคืนเงินกับเรื่องการพนันกันครั้งนี้อีก ทำเรื่องขายขี้หน้าเอาไว้ขนาดนี้ ก็ยังจะใจกล้าที่จะอยู่ต่อ จนคนที่นั่งข้างๆ พูดกระทบก็แล้ว ลองทำเป็นหาคำมาสื่อให้รู้ก็แล้ว ก็ยังจะไม่ไปอีก

พอได้มาจ้องมองใบหน้าที่ตัวเองคุ้นเคยที่สุดกำลังมีท่าทีลนลานอยู่ตรงหน้าแบบนี้ และพวกเนี่ยต้านเองก็ยังเผลอเอาหล่อนมาหัวเราะและมองว่าเป็นเรื่องตลกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในใจของเจียงเซ่อเองก็รู้สึกว้าวุ่นไม่น้อย เธอหาข้ออ้างบอกกับเผยอี้แล้วเดินออกมาจากห้องนั้นทันที

ข้างนอกห้องที่ทุกคนกำลังนั่งคุยนั่งเล่นกันอยู่มีระเบียงที่ทอดเป็นทางสายยาวอยู่ด้วย ฉาวจิ้นเก๋อเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาในสไตล์หัวเซี่ยโบราณ ถึงขนาดที่ว่าตั้งใจมากในการหาคนมาออกแบบสวนหย่อมและภูเขาเทียมตรงหน้านี่

ตี้ตูในเดือนมกราคมถือว่าหนาวพอสมควร ภูเขาจำลองที่อยู่ไกลๆ นั่นยังมีหิมะที่ยังไม่ละลายปกคลุมจนขาวโพลน ตอนที่เจียงเซ่อเดินออกมา ลมหนาวมันก็พัดผ่านพอดี มันหนาวเย็นเสียจนเธอต้องกระชับเสื้อคลุมที่กำลังสวมเอาไว้ แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกสับสนวุ่นวายหลังจากที่ได้เจอกับเฝิงหนานนั่นลดลงเช่นกัน

ที่จริงตั้งแต่ที่เธอคบกับเผยอี้มา ในอนาคตไม่ว่ายังไงก็คงได้เจอกับเฝิงหนานอีกบ่อยๆ

ถึงแม้ว่าตอนที่อยู่ในห้องก่อนหน้านี้ เจียงเซ่อจะไม่ได้คุยอะไรกับเฝิงหนานเลยสักคำ แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าเฝิงหนานต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล เธอเองก็ควรจะต้องระวังตัว ทางที่ดีก็ควรจะค่อยๆ สืบไปว่าแท้จริงแล้วหล่อนเป็นใครกันแน่

ภายใต้แสงไฟในยามค่ำคืน ลมหายใจที่พรูออกมาขึ้นไอควันขาว เธอยืนได้อยู่แค่แป๊บเดียว ทั้งมือทั้งเท้าก็เหมือนจะแข็งไปหมดแล้ว ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง พอเธอหันไปก็พบว่าเป็นเฝิงหนานที่สวมเสื้อคลุมด้วยเช่นกัน หล่อนยืนห่างจากเธออยู่เจ็ดแปดเมตร ใบหน้าของหล่อนประดับไปด้วยรอยยิ้ม

ฉาวจิ้นเก๋อได้ปูพื้นพรมหนาเอาไว้ หล่อนสวมรองเท้าส้นสูง เวลาที่ย่ำลงมันก็แทบจะไม่มีเสียง ตอนที่เจียงเซ่อหันไปเธอก็ไม่รู้เลยว่าหล่อนยืนอยู่ข้างหลังเธอมานานแค่ไหนแล้ว