webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

142

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 142 คู่อาฆาต

รสชาติอาหารของร้านส่วนตัวแห่งนี้ถือว่าเกิดความคาดหมายของเจียงเซ่อพอสมควร เธอเป็นคนที่ชอบทานรสชาติอ่อนๆ เถ้าแก่เองก็ปรุงอาหารที่มีอยู่ออกมาได้อย่างโดดเด่น รสชาติดี แล้วก็สดใหม่มากๆ ด้วย เขาไม่ได้ใส่เครื่องปรุงอะไรมากมาย นี่ถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากสำหรับการเป็นพ่อครัว

ตลอดการทานอาหาร เจียงเซ่อและฉางยวี่หูถือว่ามีความรู้สึกดีๆ ต่อกันเพิ่มขึ้นมากพอสมควร พอพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาจากร้าน เจียงเซ่อก็รอส่งฉางยวี่หูกลับเรียบร้อยก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว

เมื่อตอนสามทุ่มเผยอี้ได้ส่งข้อความมาหาเธอตั้งหลายข้อความ แต่เพราะเธอกำลังพูดคุยกับฉางยวี่หูเลยปิดเสียงมือถือเอาไว้ เลยไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

พอเธอโทรไปหา สายดังแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็รับสายอย่างรวดเร็ว

“ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอ?”

ตอนแรกนึกว่าเขากำลังอยู่กับพวกเนี่ยต้านเสียอีก และมันก็น่าจะมีเสียงโหวกเหวกด้วย

แต่ว่าตอนที่เขาพูดกลับมา ก็เหมือนว่ารอบๆ ข้างเขาจะเงียบไปหมด ราวกับว่าไม่ได้อยู่กับพวกคนอื่นๆอย่างไรอย่างนั้น

“รอฉันที่หน้าร้านนะ เดี๋ยวจะไปรับเดี๋ยวนี้แหละ”

เขาพูดเร็วมาก และเขาก็มารับเร็วตามที่พูดเอาไว้จริงๆ อีกต่างหาก ข้างๆ ร้านอาหารมีลานจอดรถกว้างๆ อยู่ รถ SUV คันหนึ่งกำลังเลี้ยวโค้งมาจากตรงนั้นและมาจอดอยู่ตรงหน้าร้าน กระจกรถถูกเลื่อนลงจอดเผยใบหน้าของเผยอี้ที่อยู่ข้างใน

บนรถเปิดแอร์เอาไว้ ที่นั่งข้างๆ คนขับมีผ้าคลุมขนสัตว์ผืนหนึ่งพับซ้อนกันเอาไว้ เจียงเซ่อเห็นแบบนั้นก็แปลกใจขึ้นมา

“ไม่ได้มีนัดหรอกเหรอ?”

เมื่อตอนเย็นที่ออกมา ก็เห็นว่าเนี่ยต้านกับคนอื่นๆ โทรมาหาเขาตั้งหลายรอบ กำชับว่าไม่ให้เขาไปสาย ที่จริงเธอกะว่าพอพูดคุยทานอาหารกับฉางยวี่หูเสร็จแล้วก็จะไม่ไปรบกวนเขาอีก แต่สุดท้ายเขาก็มารอรับเธออยู่ที่ลานจอดรถตั้งนานแล้ว

“ฉันกินเสร็จก็ออกมาเลยน่ะ”

เขาตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เลยไปนั่งๆ แค่แป๊บเดียวก็ออกมารอรับเธอ”

สิ้นเสียงพูดเขา มือถือของเขาที่ตั้งไว้อยู่ข้างๆ ตัวก็ดังขึ้น บนหน้าจอขึ้นชื่อว่าเนี่ยต้าน

เผยอี้รับสายเขาแล้วคุยกันสองสามประโยค จากนั้นก็หันมาหาเธอ

“อาต้านชวนไปนั่งเล่น อยากไปไหม?”

ที่จริงช่วงนี้มันเป็นช่วงใกล้สอบแล้ว แต่ว่าเจียงเซ่อเองก็ไม่เคยขาดเรียนเลยสักคาบ แถมช่วงนี้เธอก็ลองหาข้อสอบเก่าๆ ของมหา’ลัยมาลองทำดูอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นการสอบของเธอจึงไม่ใช่พวก วันไนท์ มิราเคิล แน่นอน

พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายทั้งสองวิชา ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เธอจึงตอบตกลงออกไป

พอมาถึงที่เฉาจิ้นเก๋อก็ประมาณสี่ทุ่มครึ่งพอดี ตอนที่เผยอี้พาเจียงเซ่อเข้าไป เนี่ยต้านก็ทำท่าทำทางเหมือนกับกำลังแซว

“โว้ว พี่อี้มาแล้วเหรอเนี่ย แต่ก่อนเคยได้ยินว่าความรักทำให้คนหลงทาง นี่ก็คิดว่าคงมีแค่ในนิยายปรัมปราเท่านั้น แต่ที่แท้ก็เอามาจากเรื่องจริงนี่เอง” จากนั้นก็สังเกตเห็นว่าเจียงเซ่อเองก็มาด้วย “พี่สะใภ้ก็มาด้วยหรือครับ”

โต๊ะกลางห้องใหญ่นี่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกกัน และเหมือนว่าจะเล่นกันไปกว่าครึ่งเกมแล้ว แถมตรงหน้าของสามสี่คนนั้นก็มีกองเงินพนันอีกด้วย พอเผยอี้มาถึง คนในฉาวจิ้นเก๋อที่รู้ว่าเผยอี้จะมาก็ออกมาหาเขาทันที

แม่ของเขาเป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ แค่เขาเดินเข้ามาคนของฉาวจิ้นเก๋อก็ปฏิบัติกับเขาราวกับว่าจะเป็นทายาทคนต่อไปของที่นี่ก็ไม่ปาน เผยอี้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นก็สั่งให้ไปหาอะไรมาให้เขาทานเดี๋ยวนั้น

ตอนที่อาหารมาถึง ก็พอดีกับตอนที่เจียงเซ่อกำลังไปเข้าห้องน้ำ เขารีบยัดข้าวคำใหญ่เข้าปาก เซี่ยงชิวหรานที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเห็นแบบนั้นก็ส่ายหัวไปมา

“สม! หิวมากใช่ไหมล่ะ? ตอนแรกก็เรียกให้มาก็ไม่มา ทำเป็นรอคนรักท่ามกลางความหนาวเย็นเหมือนในตำนานไปได้ แล้วตอนนี้กินก็ยังต้องแอบกินอีกเหรอ นี่พี่อี้ หัวพี่ไปโดนอะไรกระทบกระเทือนมารึเปล่าเนี่ย”

เผยอี้ตักอาหารคำใหญ่เข้าปากเพื่อเติมเต็มท้องตัวเอง พรางยื่นมือไปจะทุบเซี่ยงชิวหราน เซี่ยงชิวจี๋เลยรีบส่งแก้วน้ำไปให้เขาแล้วหยุดการกระทำของทั้งสองคน

“เอ้อ พี่อี้ คุณหนูเฝิงเขาโทรมาหาผมอีกแล้วนะ”

เขามองไปที่เผยอี้ แล้วลากเก้าอี้เข้าไปนั่งตรงหน้า

“เรื่องนี้จะเอาไงดี พี่ต้องให้คำตอบที่ชัดเจนนะ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เหล่าพี่น้องแทบจะไม่ต้องคิดก็รู้ได้ทันทีว่าควรจะต้องเอนเอียงไปช่วยทางไหน เฝิงหนานก็เหมือนดั่งชีวิตจิตใจของเผยอี้ จะใครหน้าไหนก็แตะต้องเธอไม่ได้ทั้งนั้น

แต่ตอนนี่ล่ะ? ตอนนี้หลังจากที่เขาเริ่มอยู่กับเจียงเซ่อ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้พูดถึงเฝิงหนานขึ้นมา แต่กลับร้องหา ‘เซ่อเซ่อ’ แทน ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่เคยมีให้เฝิงหนาน ในตอนนี้มันได้ไปอยู่ที่เจียงเซ่อหมดแล้ว

“เธอโทรหาแกทำไมล่ะ?”

ตอนที่เผยอี้พูดถึงเฝิงหนานขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงที่เคยตื่นเต้นและดูทะนุถนอมแบบทุกครั้งมันก็หายไปแล้วด้วย เซี่ยงชิวจี๋ชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าราวกับกำลังคิดหนัก

“เธอถามว่าผมอยู่ไหน แล้วบอกว่าจะมานั่งคุยด้วยหน่อย”

ตั้งแต่สองทุ่มกว่าของวันนี้ เฝิงหนานก็โทรมาหาเขาอยู่หลายครั้ง เหมือนว่าอยากจะเจอหน้าเขา และเหมือนว่ามีเรื่องอยากจะพูดคุยด้วยมากๆ

เขานึกไปถึงเมื่อตอนกลางวันที่เฝิงหนานโทรมาขอให้เขาไม่ต้องแกล้งจูพ่านแล้วในตอนนั้น แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าเธอต้องการจะพูดอะไร

เซี่ยงชิวจี๋รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เอาตามเหตุผลแล้ว ในกลุ่มพี่น้องนี่ เฝิงหนานจะสนิทกับเผยอี้มากที่สุด หรือพูดได้ว่าถ้าเธอมีเรื่องอะไรจริงๆ ก็ใช่ว่าต้องโทรหาเขานี่ คนที่ควรจะต้องโทรหาคือเผยอี้ไม่ใช่เหรอ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่โทรหาเขาแล้วจะสะดวกกว่า?

“เหมือนเธอจะเปลี่ยนเบอร์มือถือนะ เธอบอกพี่รึยัง?”

“ฉันไม่ได้ถามน่ะ” เผยอี้ยกน้ำขึ้นดื่ม รับผ้ามาจากพนักงานแล้วเช็ดปากเรียบร้อย

“ถ้าเธออยากมา ก็ให้เธอมาสิ”

คิดๆ ดูแล้ว ตั้งแต่ที่เจอกับเจียงเซ่อ เขาเองก็ไม่เคยที่จะลองติดต่อกับเฝิงหนานอีกเลย นอกจากครั้งนั้นที่บังเอิญเจอหล่อนอยู่กับจ้าวจวินฮั่นที่บ้านนั่น มันก็นานมาแล้วที่เขาไม่ได้เจอ ‘เฝิงหนาน’ วันนี้ได้เจอหน่อยก็ดี จะได้ลองตรวจดูว่าหล่อนเป็นใครกันแน่

เขายกขาขึ้นไขว่ห้าง มุมปากยกยิ้มขึ้น ท่าทางตอนที่พูดถึงเฝิงหนานของเขาดูเหมือนไม่สนใจใยดีอะไรนัก ไม่เหมือนกับแต่ก่อนเลยสักนิด

ตอนนี้ไม่ใช่แค่เซี่ยงชิวจี๋ที่รู้สึกแปลกใจแล้ว แม้แต่เนี่ยต้านและอีกสองคนก็จบต้นชนปลายแทบไม่ถูก สีหน้าท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังดูถูกนั่น พวกเขาเห็นหมดแล้ว และพากันมองหน้ากันเอง ดูท่าว่าเจียงเซ่อจะส่งผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับพวกเขาแล้วสิ

ในใจของทั้งสี่คนเริ่มคิดกัน เซี่ยงชิวจี๋กดมือถือโทรออก พอเจียงเซ่อกลับมาที่โต๊ะ เหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เผยอี้กวักมือเรียกเธอ เป็นนัยๆ ว่าให้ไปนั่งข้างๆ เขา

“เล่นไพ่โป๊กเกอร์หน่อยไหม?”

แขนทั้งสองข้างของเผยอี้วาดยาวไปบนพนักโซฟา ดูๆ แล้วก็เหมือนกับเธอกำลังอยู่ในอาณัติของเขา เผยอี้ก้มหน้ายิ้มให้เธอ

“เล่นยังไง?” เจียงเซ่อไม่เคยเล่นมันมาก่อน เขายกมือขึ้นกวักเรียกให้คนเอาไพ่โป๊กเกอร์และชิพสำหรับเล่นโป๊กเกอร์* (ชิพเหรียญที่เอาไว้เล่นการพนัน) มา

“เล่นง่ายๆ เดี๋ยวฉันสอนเธอเอง”

เนี่ยต้านและคนอื่นๆ เองก็ล้อมวงเข้ามา พนักงานของฉาวจิ้นเก๋อก็นำไพ่โป๊กเกอร์มาให้เรียบร้อย ในวงนี้มีคนเยอะ ดังนั้นเลยแจกให้แค่คนละสามใบก่อน เมื่อเอาไพ่โป๊กเกอร์ออกไปแล้ว จากไพ่ทั้งหมดห้าสิบสองใบ ทุกคนจะต้องเอาชนะให้ได้โดยใช้แค่ไพ่สามใบ

กฎการเล่นก็ง่ายๆ แค่นี้ ภายในสามใบที่ได้ไป ถ้าอยากรู้ว่า จะแพ้ หรือชนะ ก็เทียบกันกับตัวเลขที่มากน้อย กับตัวดอกก็ได้แล้ว นี่มันง่ายมากๆ อยู่ที่จะมีกลยุทธ์ในเล่นยังไงแล้วล่ะนะ

หลังจากอธิบายการเล่นแบบกว้างๆ ไปแล้ว เฉิงหรูหนิงก็เอ่ยขึ้น

“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์น่า ต้องลองเล่นดูสักตาถึงจะรู้”

เจียงเซ่อพยักหน้า พอเธอยกไพ่ของตัวเองขึ้นมาแล้ว เผยอี้ก็เห็นว่าไพ่ของเธอมีเลข 2 3 5 เขาจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งๆ

“อยากจะเพิ่มชิพไหม?”

ที่จริงเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่พอได้ยินเผยอี้พูดแบบนั้นก็พยักหน้าออกไป

ตรงหน้าเผยอี้มีชิพสีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลืองสามสี และแต่ละสีก็มีค่าไม่เหมือนกัน บนเหรียญชิพนั่นมีรูปดอกเรดบัดจีนอยู่ด้วย ตัวเลขก็แตกต่างกัน และตัวเลขก็เรียงตามสีเป็น 10 30 50 พอเธอพยักหน้า แล้วเผยอี้ก็ถามขึ้นอีก

“อยากเพิ่มแต้มต่อตัวไหนดี?”