webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

138

 娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 138 กล้าที่จะออกมายอมรับ

ข่าวของฉางยวี่หูเป็นเหมือนดั่งสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างแรง แรงจนก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ดุเดือด

แฟนคลับของเธอส่วนมากต่างก็โตเป็นวัยกลางคนกันหมดแล้ว และต่างก็เข้าสู่สังคมกันไปนานแล้ว ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างจูพ่านและเจียงเซ่อในช่วงนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องที่เด็กวัยรุ่นทั่วไปให้ความสนใจแล้ว หลังจากที่ถามไถ่เรื่องราวจนแน่ชัด เหล่าแฟนคลับบนอินเทอร์เน็ตต่างก็ออกมาโจมตีจูพ่านด้วยการด่า ทั้งข้อความ และคำพูด

อย่างแรกเลยคือทุกคนต่างได้ดูการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของจูพ่าน นั่นก็เพราะว่าหล่อนดันไปทำเรื่องน่าขายหน้าในรายการ ‘คนดังนั่งคุย’ เข้า จากนั้นทุกคนก็พากันไปหาดูรายการย้อนหลังล่าสุดของเซิ่งจิ้งจือกันทันที

พวกเขาเลือกที่จะมองไปที่เจียงเซ่อก่อน และแน่นอนว่าทุกคนต่างได้ยินที่เจียงเซ่อพูดว่า ‘กำลังฝึกฝนการแสดงอย่างหนัก’ ในตอนนั้นแล้ว เซิ่งจิ้งจือไล่ถามเธอว่า ‘รุ่นพี่อาวุโส’ ที่เรียนอยู่ด้วยคือใคร แต่เธอก็ไม่ได้พูดชื่อของ ‘รุ่นพี่อาวุโส’ คนนั้นออกมา เพราะกลัวว่าจะเป็นการไปรบกวนชีวิตส่วนตัวของ ‘รุ่นพี่อาวุโส’ คนนั้นเข้า และนั่นมันก็ตรงกับที่ฉางยวี่หูโพสเอาไว้ในเวยป๋อว่า ‘เพระกลัวจะมารบกวนชีวิตที่แสนเงียบสงบของฉัน’ นั่นเอง

การกระทำแบบนั้นของเจียงเซ่อทำให้เหล่าแฟนคลับของฉางยวี่หูเกิดความประทับใจและชื่นชอบเธอ แต่ประโยคต่อมาที่จูพ่านเป็นคนเอ่ยขึ้น กลับทำให้ทุกคนต่างพากันโมโหและโกรธเกรี้ยว

เพราะคำพูดของหล่อนมันแฝงไปด้วยคำดูถูกเดียดฉันท์ สงสัยในตัวเจียงเซ่อว่ากำลังโกหกเรื่องที่กำลังฝึกซ้อมการแสดงกับ ‘รุ่นพี่’ แถมหล่อนยังพูดถึง ‘รุ่นพี่’ ของเจียงเซ่อในทางที่ไม่ดี หาว่า ‘รุ่นพี่’ คนนั้นกำลังจะได้เกาะความดังอันน้อยนิดของเจียงเซ่อ

นั่นมันไม่มีทางที่จะทำให้แฟนคลับของฉางยวี่หูทนได้หรอก!

ฉางยวี่หูเป็นคนประเภทไหน ตอนที่หล่อนอยู่ในวงการบันเทิง ดาราอย่างจูพ่านน่ะไปอยู่ส่วนไหนของวงการก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

ตอนนี้พอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาหน่อย ก็ทำมาเป็นคุยโวโอ้อวด และกล้าพูดเรื่องเหลวไหลออกมาขนาดนี้!

ตามที่ฉางยวี่หูได้โพสข้อความทิ้งเอาไว้ แฟนคลับของหล่อนต่างก็พากันขุดภูมิหลังและอดีตที่น่าสะอิดสะเอียนของจูพ่านออกมา

ในหน้าโฮมเพจของฉางยวี่หูในตอนนี้ มีแต่การโต้ตอบที่แฝงไปด้วยความโมโหทั้งสิ้น

การนิ่งเฉย คือสิ่งที่ดีที่สุด : เมื่อภูเขาไร้ซึ่งพยัคฆ์ วานรก็ตั้งตนเป็นเจ้าป่า! ในตอนนั้นที่พี่ยังโลดแล่นอยู่ในหน้าจอโทรทัศน์ ดาราสาวแซ่จูอยู่ไหนกัน? พี่ยังต้องเกาะชื่อเสียงใครอีกหรือ? แฟนคลับและแฟนหนังของพี่เขามักจะมารวมตัวกันในทุกๆ ปีเสมอ นั่นก็เพราะหวังว่าจะได้เห็นพี่ในหน้าจอโทรทัศน์อีกสักครั้ง ถ้าพี่เขาออกมาจริงๆ ละก็ มีคนรอที่จะไปต่อแถวซื้อตั๋วหนังยาวแน่ๆ!

ใช้ใจไปสัมผัส : ดาราสาวแซ่จูนั้นเป็นนักแสดงในสังกัดของซื่อจี้หยินเหอ ประธานกรรมการของซื่อจี้หยินเหอนี่ รู้สึกว่าจะเป็นลัวหยิ่นใชไหม? เมื่อหลายสิบปีก่อนเขายังเป็นคนของพี่ยวี่หู คอยวิ่งเต้นให้คนโน้นคนนี้อยู่เลยนี่?

ใช้สติปัญญาและความกล้าหาญ : ชื่อลัวหยิ่น อายุนับตามปฏิทินก็เกิดปี 1990 ตอนนี้อายุ 65 แล้ว ภรรยาชื่อซูหรู มีลูกด้วยกันสามคน ลูกสาวสองลูกชายหนึ่ง ตอนนี้ลูกชายเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่นิวยอร์กอเมริกา เห็นว่าเรียนเกี่ยวกับการกำกับภาพยนตร์ ลูกสาวอีกสองคนเรียนอยู่ที่แคนาดา ตอนที่เขาอายุยังน้อย ทางบ้านมีฐานะยากจน ต้องหยุดเรียนมาเข้าวงการบันเทิง เคยเป็นตัวประกอบอยู่ในบริษัทหนังที่เพิ่งประกาศล้มละลายไปไม่กี่ปีก่อน เขาผ่านเรื่องราวมามากมาย สุดท้ายก็ได้พี่ยวี่หูช่วยเอาไว้ พี่ยวี่หูวิ่งวุ่นหาทุกอย่างให้เขาทำ ช่วยให้เขาได้สั่งสมประสบการณ์ต่างๆ ในวงการบันเทิงจนไปถึงสร้างคอนแทคให้ จากนั้นไม่นานลัวหยิ่นก็ก่อตั้งกิจการของตังเองขึ้นมา และพี่ยวี่หูเองก็ใจกว้างสุดๆ เธอให้ลัวหยิ่นหยิบยืมเงินเพื่อนำไปลงทุน ตอนนั้นในรายการ ‘ช่วงเวลาที่สวยงามของหัวเซี่ย’ ก็เคยได้สัมภาษณ์เขา ลัวหยิ่นก็ยอมรับเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองว่า เขารู้สึกซาบซึ้งใจต่อพี่ยวี่หูมากจริงๆ

ฉันก็แค่อยากรู้ว่า คุณลัวหยิ่น ตอนนั้นพี่ยวี่หูคอยปกป้องคุณจากลมฝนในตอนนั้นมา คอยส่องแสงสว่างให้คุณเดินก้าวไปข้างหน้า คุณยังจำมันได้บ้างไหม?

เถาหลินที่บดบังแสงแดด : การที่ซื่อจี้หยินเหอมีคนแบบจูพ่าน ดูสิว่าลัวหยิ่นจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง!

แสงเงาที่ข้ามผ่านไปตามกาลเวลา : ดาราสมัยนี้ ก็พูดได้แค่ลมปากว่าเป็นดารา คอยคิดหาแต่วิธีที่จะเชิดชูฝีมือการแสดงของตัวเองโดยที่ไม่มีการไตร่ตรอง ยังไม่ทันไรก็เผยความคิดในใจของตัวเองออกมาแบบนี้ เขาเรียกว่าอะไรนะ ปากหวานก้นเปรี้ยวใช่ไหม? หรือว่าตอนนี้วงการหนังละครของหัวเซี่ยจะใช้ไม่ได้เสียแล้ว? วงการหนังสมัยก่อนถือว่ามีคุณภาพและยิ่งใหญ่มากๆ แล้วทุกวันนี้มันยังเหลืออะไรให้ได้ชมบ้างหรือเปล่า? 

คำวิพากษ์วิจารณ์ต่อการกระทำแย่ๆ ถูกโพสลงอย่างต่อเนื่องราวกับสายน้ำ เผยอี้ดูมันครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น

“เซ่อเซ่อ ดูท่าฉางยวี่หูจะชอบเธอจริงๆ นั่นแหละนะ”

ที่จริงเรื่องราวแย่ๆ แบบนี้ ฉางยวี่หูไม่น่าเข้ามาข้องเกี่ยวเลยจริงๆ เธออุตส่าห์อำลาจากวงการไปแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่จะมาวุ่นวายกับเรื่องในวงการอีก แม้แต่แฟนภาพยนตร์ที่ออกมาร้องเรียกเธออยู่ในทุกๆ ปี แต่ก็น้อยครั้งที่เธอจะออกมา เพราะเธอกำลังใช้ชีวิตปั้นปลายของตัวเองอยู่นั่นเอง

แต่พอเจียงเซ่อดันมาเจอความซวยเพราะโดนจูพ่านใส่ร้าย ฉางยวี่หูก็รีบออกมาเปิดเผยตัวทันที

“อืม” เจียงเซ่อพยักหน้า “ฉันโทรหาอาจารย์หน่อยดีกว่า”

ตอนนี้จะโทรไปกี่สายก็โทรไม่ติดหรอก จะโทรไปกี่ครั้งๆ ก็ขึ้นสัญญาณว่าสายไม่ว่าง

ตั้งแต่ที่ข่าวของหล่อนออกมา มือถือของเธอก็มีผู้คนติดต่อมามากมายจนเครื่องแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

ตอนนี้คนที่รอจะติดต่อกับฉางยวี่หูให้ได้ นอกจากเจียงเซ่อแล้ว ก็ยังมีลัวหยิ่นที่โดนชาวเน็ตขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวขึ้นมาอีกด้วย

ชั่วนาทีที่ฉางยวี่หูโพสข้อความลง ลัวหยิ่นเองก็เห็นตั้งแต่แรกแล้ว

เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามฉางยวี่หู พอเห็นว่าเฉิงยวี่หูอัพเดทข้อความใหม่ และพอได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเขาก็โมโหจนเกือบจะบีบขวดยาดมเครื่องลายครามที่เป็นของตั้งแต่สมัยกษัตริย์เฉียนหลงจนแตก

ก็เป็นอย่างที่ชาวเน็ตขุดข้อมูลของเขามา ปีนี้ลัวหยิ่นอายุหกสิบห้าแล้ว สมัยก่อนเขาสู้กับงานทุกอย่างเพื่อให้บริษัทของตัวเองได้เติบโต ผ่านอุปสรรคมามากมายหลายปี เมื่ออายุมากเข้า เขาก็ค่อยๆ ถอนตัวออกมาจากการดูแลบริษัทและปล่อยให้คนรุ่นหลังดูแลต่อ นอกจากการกำหนดวางแผนเรื่องต่างๆ มันก็น้อยมากที่เขาจะเข้าไปยุ่ง

การพัฒนาของบริษัทมันได้ขึ้นว่าเป็นแนวทางของบริษัทที่อื่นๆ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ร่างกายของเขามันไม่เหมือนแต่ก่อน เวลาส่วนมากก็ใช้ไปกับการพักผ่อนอย่างสงบอยู่ในบ้านของตังเอง อาจมีบ้างที่นัดเพื่อนเก่าๆ ออกมาพบปะกัน เตะบอลบ้าง มานั่งจิบชากันบ้างก็แค่นั้น

แต่ใครจะไปรู้ว่าเพราะดาราคนเดียวๆ ที่อยู่ในบริษัท จะก่อเรื่องจนฉางยวี่หูต้องมาออกโรงเองแบบนี้

“โทรไปหาซูเยี่ยนจวิน บอกให้มันมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

ลัวหยิ่นหลับตาแน่น มือที่กำขวดยาดมยังสั่นไม่หยุด

“โทรไปหาฉางยวี่หูเรื่อยๆ ติดแล้วรีบเอามาให้ฉัน”

เขากำชับผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ตัวเอง

ซูเยี่ยนจวินเองก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขามาถึง ใบหน้าของเขาซีดไปหมด เดินลงมาจากรถได้ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านของลัวหยิ่นทันที

ที่จริงแล้วเขาเป็นหลานชายของซูหรู ค่อนข้างสนิทกับลัวหยิ่นพอสมควร ตั้งแต่เด็กที่ไปเรียนที่เมืองนอก เรียนจบแล้วเขาก็กลับเข้ามาทำงานที่บริษัทลัวหยิ่น และลัวหยิ่นเองก็ให้ความสำคัญกับเขาอยู่มาก

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ลัวหยิ่นได้ส่งต่อการดูแลบริษัทให้กับเขา เพราะอยากจะให้เขาคุ้นชินกับงานนี้เร็วๆ ก็เหมือนเป็นการส่งลูกหลานให้ได้เข้าทำงานและรับช่วงต่อได้อย่างราบรื่นนั่นเอง และที่ผ่านมาเขาก็ทำได้ไม่เลวทีเดียว แต่ใครจะไปรู้ว่าเพราะแค่เรื่องของจูพ่าน จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยได้ขนาดนี้

ก่อนที่จะมาที่บ้านของลัวหยิ่น ซูเยี่ยนจวินเองก็ได้รับรู้ข้าวพวกนั้นแล้ว และได้รู้ว่าฉางยวี่หูคือใครเรียบร้อย

หลังจากที่ได้รู้ท่าทีเป็นนัยๆ จากกระทรวงวัฒนธรรม สื่อต่างๆ ทั้งหลายต่างก็พากันเปลี่ยนข้างกันทันที ในใจของซูเยี่ยนจวินมันหน่วงไปหมด

ตอนที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน รับรองเท้าแตะจากคนรับใช้มาสวมแล้วสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องทันที

ในห้องเปิดฮีตเตอร์เอาไว้ แต่เขากลับรู้สึกตัวสั่นราวกับว่ากำลังหนาว และเหงื่อเย็นๆ ก็ซึมออกมาอยู่ทั่วแผ่นหลังตลอดเวลา

ลัวหยิ่นนั่งอยู่บนโซฟา บนตักมีผ้าคลุมขนสัตว์คลุมเอาไว้ มือทั้งสองข้างลูบกันไปมา ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของซูเยี่ยนจวิน

“ท่านประธาน” เขาก้มคำนับ ริมฝีปากถูกกัดแน่น

“ลุงเขย ครั้งนี้ เป็นความผิดของผมเองครับ”

   

แล้วเขาก็เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ที่จูพ่านเข้ารับเล่นหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ต่อจากนั้นก็เล่าว่าจ้าวร่างได้ใช้ประโยชน์จากเจียงเซ่อในการโปรโมทหนัง ทำให้จูพ่านไม่พอใจจนอิจฉา ไปไล่หาให้คนไปเหยียบเจียงเซ่อลง แต่สุดท้ายก็โดนตลบกลับมาเพราะเจียงเซ่อมีคนคอยหนุนหลังอยู่ จากนั้นทั้งสองคนก็เกิดแค้นกัน ทั้งๆ ที่หนังกำลังดังแท้ๆ แต่กลับสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมา