娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 137 ยืดอก
ดังนั้นพอเซี่ยงชิวจี๋ได้รับสายจากเฝิงหนานแล้ว เขาก็รีบโทรหาเผยอี้ต่อทันทีว่าจะให้ทำอย่างไร
เขายังคิดไม่ออกเลย ว่าจะบอกกับเจียงเซ่อยังไงว่าตนเองรู้สึกว่าเหมือน ‘เฝิงหนาน’ ตั้งใจที่จะมุ่งร้ายต่อเธออยู่
ตอนนี้เจียงเซ่อเริ่มตระหนักแล้วว่าถ้าตัวเองไม่มีเอเจนซี่จะมีผลเสียยังไง ถ้าเกิดว่าเธอคอยมีคนมาช่วยสกัด คอยอธิบายต่อพวกนักข่าว จูพ่านก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องแบบนี้ และคงจะโต้ตอบกลับได้ทันที
เจียงเซ่อลังเลไม่ได้พูดอะไรออกไป เผยอี้เองจึงพูดขึ้น
“ชิวหรานมันแนะนำว่า ให้ดีที่สุดในตอนนี้คือไม่ต้องไปลบพวกคำวิจารณ์พวกนั้นก่อน แล้วก็ไม่ต้องไปโต้ตอบอะไรด้วย จะได้ถือเป็นการปลุกระดมไปในตัว” เขายิ้มแห้ง ตาคู่นั่นมองช้อนขึ้น “ถึงตอนนั้นค่อยเชิญฉางยวี่หูออกมาหยุดเรื่องนี้ ให้เขาออกมายอมรับว่าเป็นคนสอนการแสดงให้เธอ ดีไหม?”
พอเขาพูดจบ ก็พบว่าเจียงเซ่อกำลังขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเอาคางไปถูกับขาเธอจนเจียงเซ่อเบี่ยงตัวจะหลบออก แต่เผยอี้ก็รีบเอื้อมมือไปจับเก้าอี้เอาไว้แน่น ไม่ให้เธอไปไหนไกลจากเขา
“เธอวางใจเถอะนะ ถ้าเกิดว่าฉางยวี่หูไม่ต้องการที่จะออกมา ฉันก็จะคิดหาวิธีให้เธอเอง”
ในวงการก็ใช่ว่าจะไม่มีนักแสดงเก่งๆ คนอื่น แล้วก็ใช่ว่าทุกคนจะหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองจนไม่กลัวคำว่าอำนาจกันไปทั้งหมด
ถ้าเกิดว่าฉางยวี่หูไม่ออกมาพูดให้เธอจริงๆ ละก็ เขาเองก็มีวิธีที่จะหา ‘รุ่นพี่อาวุโส’ คนอื่นให้ออกมายอมรับว่าเป็นคนสอนการแสดงให้เธอได้
ตอนนี้ในเน็ตเริ่มมีคนออกมาโพสข้อความด่ามากมาย ในใจของเขามันรู้สึกอยากจะทำลายจูพ่านเสียให้สิ้นซาก
เพราะเขาอยากจะทะนุถนอมคนที่อยู่ข้างกายเขาเอาไว้ให้ได้มากที่สุด จะไม่มีวันยินยอมที่จะให้ใครมาพูดไม่ดีใส่เธอได้เด็ดขาด
ในขณะที่เผยอี้กำลังคิดว่าใครกันที่เหมาะกับคนที่เขาต้องการใช้ เซี่ยงชิวหรานก็โทรเข้ามา
“พี่อี้ พี่อี้ พี่ลองเปิดเน็ตดูสิ ฉางยวี่หูออกมาแสดงความคิดเห็นแล้วนะ! คุณนายคนนี้เขาอำลาวงการไปแล้ว น้อยมากที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในวงการบันเทิง เธอออกไปตั้งหลายปี แต่ว่าแรงกระทบก็ยังถือว่ามีอยู่มาก แฟนคลับของเธอส่วนมากนี่ก็โตๆ เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แถมเธอยังคลุกคลีและรู้จักกับทุกสายทุกแขนงในวงการเลยนะ”
เซี่ยงชิวหรานพูดจ้อไม่หยุด “เมื่อกี้ผมโทรไปหาลุงสอง ว่าอยากจะให้แกช่วยเสียหน่อย แค่ผมพูดชื่อฉางยวี่หูที่แสนเคารพขึ้นมาเท่านั้นแหละ ลุงสองก็ตกลงทันทีเลยว่าจะช่วยผมอ่ะ เห็นบอกว่าจะถือโอกาสนี้แสดงความสามารถออกมา แล้วก็สั่งให้คนไปวางแผนแล้วด้วย”
ตระกูลเซี่ยงต่างกับเผยอี้ที่เดินทางสายทหารอย่างเดียว ไม่กี่ปีมานี้ตระกูลเซี่ยงก็เข้ารับราชกาลเสียกันซะส่วนใหญ่ ลุงสองของเซี่ยงชิวหรานเองก็เข้ารับราชกาลอยู่ในหัวเซี่ย และทำงานอยู่ในกลุ่มวัฒนธรรม และท่านก็มียศมีตำแหน่งที่ถือว่ากุมอำนาจเลยก็ว่าได้
ฉางยวี่หูเองก็ขึ้นชื่อว่าได้เป็นศิลปินแห่งชาติ และเธอก็เป็นถึงศิลปินนักแสดงที่ได้รับเบี้ยยังชีพพิเศษจากหัวเซี่ย ตอนนั้นเธอก็มีบทบาทอยู่ในโรงละครแห่งชาติอยู่นานหลายปี ศิลปะการแสดงต่างๆ เธอรู้และเข้าใจ อยู่ในฐานะที่สูงส่งไม่น้อย ดังนั้นลุงสองจึงตกลงที่จะตอบรับทันทีที่เซี่ยงชิวหรานพูดถึงเธอขึ้นมา
“ถ้ามีกระทรวงวัฒนธรรมออกมาชี้แจงขนาดนี้ แล้วไอ้พวกสื่อ ไอ้พวกนักข่าวนั้นจะยังทำอะไรได้อีก?”
เซี่ยงชิวหรานพูดด้วยน้ำเสียงดี๊ด๊าสุดๆ
“ดาราสาวของซื่อจี้หยินเหอที่ชื่อจูพ่านนั่นโง่สมองกลวงสุดๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะทำตัวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้!”
หัวเซี่ยถือว่าเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะวัฒนธรรมและความเป็นไปของวงการบันเทิงที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด สื่อมวลชนต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสื่อเอกชนหรือบริษัทสื่อมีเดียต่างๆ ที่มีแรงขับเคลื่อนของวัฒนธรรม จนไปถึงเหล่าสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ที่เติบโตขึ้นจนถือว่าได้เป็นแนวหน้าของวงการ
หรือจะเป็นบนอินเทอร์เน็ตโซเชียลมีเดียทีมีเว็บเพจของสื่อเล็กใหญ่มากมาย และกลุ่มคนที่มักจะมีอิทธิพลต่อพวกชาวเน็ตทั้งหลาย ต่างก็ยิ่งมีอิทธิพลในสังคมมากขึ้นทุกๆ วัน แต่ว่านะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในสถานีโทรทัศน์ หรือจะเป็นกลุ่มคนทางโซเชียลมีเดีย ถึงจะพัฒนาไปมากแค่ไหน ก็จะยังอยู่ในขอบเขตของการดูแลควบคุมของกลุ่มวัฒนธรรมของหัวเซี่ยเสมอ
และถ้าทางกลุ่มวัฒนธรรมชี้ไปทางไหน สื่อทุกสื่อก็จะต้องไปตามนั้นแน่นอนอยู่แล้ว และผลกระทบแบบนี้ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาไปเทียบกับสิ่งที่จูพ่านได้ให้สัมภาษณ์กับพวกสื่อเลย
“แต่ไม่รู้ว่า ทำไมพี่เฝิงหนานถึงได้มายุ่งกับเรื่องพวกนี้ได้ นี่พี่อี้ พี่ได้ข่าวเกี่ยวกับเธอบ้างรึเปล่า?”
ตอนที่เซี่ยงชิวหรานถามแบบนั้นขึ้นมา สายตาของเผยอี้ก็มองไปที่เจียงเซ่อทันที
แน่นอนว่าเฝิงหนานตัวจริงคงไม่มีทางจะมายุ่งกับเรื่องไม่ดีแบบนี้แน่ๆ แต่ว่าถ้าเป็น ‘เฝิงหนาน’ ตัวปลอมนั่นก็ไม่แน่ หล่อนเป็นใครกันแน่นะ แล้วเพราะอะไรหล่อนถึงได้มีเจตนาร้ายต่อเจียงเซ่อได้ถึงขนาดนี้ หรือแม้กระทั่งเรื่องแปลกๆ ที่เฝิงหนานต้องกลายมาเป็นแบบนี้อีก ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องหาวิธีสืบหาความจริงให้กระจ่างให้ได้
“เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน แล้วก็บอกพี่ชายแกด้วยว่าอย่าเพิ่งทำอะไร”
เผยอี้กำชับออกไป เซี่ยงชิวหรานเองก็ตกลง
“โอเค ผมเชื่อพี่ คืนนี้ออกมาเจอกันที่ไหนดี? ฉาวจิ้นเก๋อดีไหม?”
เผยอี้ตอบตกลงออกไป แล้วกดวางสายทันที
“เซ่อเซ่อ ฉางยวี่หูออกมาพูดให้เธอแล้วนะ”
ฉางยวี่หูมีฐานะที่ไม่เหมือนใคร ครั้งแรกที่เวยป๋อของเธอเปิดใช้ คนที่มีชื่อเสียงอย่างหล่อน แทบจะไม่ต้องลงทะเบียนสร้างแอคเคาท์เองเลยด้วยซ้ำ เวยป๋อของบริษัทก็ได้ขึ้นชื่อเธอเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งโฮมเพจก็ยังถูกสร้างไว้ด้วย
ตั้งแต่ตอนนั้นจนมาถึงตอนนี้ เวยป๋อของหล่อนก็ไม่เคยมีการโพสหรืออัพเดตอะไรเลยสักอย่าง แต่คนที่เข้ามาติดตามก็มีมากกว่าสามสิบล้านคน
อีกทั้งที่ฉางยวี่หูก็มีฐานะสูงขนาดนี้ อีกทั้งออกจากวงการมาก็หลายปีแล้ว แน่นอนว่าเวยป๋อไม่มีทางที่จะมีใครมาดูแลอีก และมันก็ไม่เหมือนกับเวยป๋อของดาราสมัยนี้ด้วย ที่จะมีคนอื่นมาปลอมว่าเป็นของดาราคนนั้นคนนี้ได้ และจุดๆ นี้มันก็ถือว่าเป็นประโยชน์สุดๆ เพราะทั้งตัวเจ้าของและตัวแฟนคลับล้วนแล้วเป็นของจริงทั้งนั้น
เมื่อสิบนาทีก่อน หล่อนได้โพสข้อความลง
เมื่อหลายปีก่อน ฉันได้เดินทางเหมือนคนร่อนเร่ ผ่านพายุลมฝนที่โหมกระหน่ำ ต้องเดินกระเผลกขาไปท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนตัวคนเดียว และฉันหวัง ว่าจะมีใครสักคนเดินเข้ามายื่นตะเกียงไฟ และร่มสักคันให้ฉัน ช่วยฉัน ให้ได้ผ่านมันไป
จนมาถึงตอนนี้ ฉันก็ได้รู้ว่า ตัวเองได้มาเจอะเจอกับเหตุการณ์ลมฝนที่คุ้นเคยอีกครั้งแล้ว แต่ในทางกลับกัน เป็นตัวฉันเองที่เป็นคนหยิบยื่นตะเกียงและร่มให้กับลูกศิษย์ ได้ช่วยเขาให้เดินผ่านคืนนั้นไปได้สำเร็จ
เจียงเซ่อเป็นลูกศิษย์ของฉัน เหล่าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉัน และอีกหลายๆ คนที่ยังจำฉันได้ ขอให้ออกมาเพื่อเป็นพยานให้ฉัน เพื่อลูกศิษย์ที่แสนซื่อตรงของฉัน ลูกศิษย์ที่ยอมให้คนอื่นมาสาดโคลนใส่ ยอมอดทนอยู่ฝ่ายเดียว เพราะไม่อยากจะมารบกวนชีวิตที่แสนเงียบสงบของตัวฉัน!
หลังจากที่ข้อความนั้นถูกโพสออกไป ในเวยป๋อของหล่อนก็มีคนมากมายเข้ามาคอมเม้นท์
หัวใจน้ำแข็ง : พี่ยวี่หู? พี่ยวี่หูอัพเวยป๋องั้นหรือ!
เส้นทางที่ไปถึง : พี่ฉางอัพเดทข้อความหรือ?
เมื่อนิมิตหมายที่ดีมาถึง : ฉางยวี่หูตัวจริง?
ขัดเกลาจิตใจ : ฉางยวี่หูตัวจริงน่ะหรือ?
หากปกครองบ้านเมืองไม่ได้ จะมาปกครองประเทศทำไม : ตั้งแต่ที่สร้างแอคเคาท์เวยป๋อมา คนที่ดูแลก็มีแค่ฉางยวี่หูเท่านั้น เคยหวังว่ายวี่หูจะออกมาพูดคุยกับแฟนๆ หนังบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้เจอกับวันนั้นเลย ถึงจะเห็นแล้วว่าพี่ออกมาประกาศอำลาวงการไป ภาระหน้าที่ทุกๆ อย่างที่เคยทำมาก็คงจะเบาลงไปบ้างแล้วเช่นกัน แต่ถึงแม้ว่ามันจะเหลือความหวังริบรี่แค่ไหน ยังดีที่ฉันยังไม่ยอมแพ้!
คุณธรรมที่ไร้ร่องรอย : พี่อัพเดทหรอ?
พร้อมกับทุกๆ เรื่อง : พี่ยวี่หู?
......
แค่เวยป๋อของฉางยวี่หูอัพเดท คอมเมนท์ของผู้ที่ติดตามเธออยู่ก็แทบจะเต็มหน้าจอไปหมด
ตั้งแต่ที่เวยป๋อถูกพัฒนามาเรื่อยๆ นี่มันก็กี่ปีมาแล้ว แต่ชื่อเสียงของเธอก็ยังอยู่มาโดยตลอด ก็แค่ไม่ได้เผยตัวออกมาเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เธอกลับออกมาโพสข้อความ ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์เลยก็ว่าได้ เพราะว่าแม้แต่คนที่มีชื่อเสียงก็ยังออกมาเคลื่อนไหวกัน
สถานีโทรทัศน์หัวเซี่ย : พี่สาวออกสู่ยุทธภพออีกครั้ง!
เหยียนชุนหัว (ประธานกรรมการ บริษัทรุ่ยจี๋จำกัดมหาชน) : กี่ปีมาแล้วนะ ผมยังจำได้ไม่เคยลืม ร่มคันนั้นที่พี่กางไว้เหนือศีรษะเพื่อกันฝนให้ผม ตะเกียงไฟที่หยิบยื่นมาให้ด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือผมมามากมายเหลือเกิน ถ้าพี่มีเรื่องอะไร แค่โทรมาหาผมก็พอครับ
ภายในเวลาแค่ประมาณสิบนาที ตอนที่เจียงเซ่อเปิดเข้าไปดูในโปรไฟล์ของฉางยวี่หู แรงตอบรับที่ขึ้นมามันก็ใกล้จะถึงหมื่นแล้ว
ก็แค่สิ่งที่ไม่สำคัญ : แม้กำลังจะมีเพียงน้อยนิด แต่ก็ยังอยากจะเป็นตะเกียงและร่มคันนั้นให้พี่เสมอ ถึงแม้จะมีแสงสว่างแล้ว แต่หากทางที่จะก้าวเดินมันถูกปิดกั้นเอาไว้ ขอเพียงได้ปกป้องแม้เพียงเส้นผมของพี่ แม้จะเป็นเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว ฉันก็ยินยอมพร้อมใจเสมอ
เกิดเป็นคนต้องมีเหตุผล : เจียงเซ่อ? ลูกศิษย์ของพี่? มีใครกล้ามารังแกลูกศิษย์ของพี่กัน?
ข้ามผ่านชุนชิว : เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ฉางยวี่หูถึงกับต้องออกโรงเองแบบนี้!
คำพูดซื่อตรงมักระคายหู : พี่รับลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่เห็นบอกแฟนๆ หนังบ้างเลย?