webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

133

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 133 จนตรอก

“เธอเป็นใคร เธอจะเอาอะไรมาช่วยฉันได้?”

พอจูพ่านคว้ามือถือได้หล่อนก็ถามออกไปทันที

ปลายสายอย่างเฝิงหนานหัวเราะออกมาเบาๆ ดูท่าจะมีความสุขไม่น้อย

ตอนนี้น้ำเสียงของจูพ่านมันแหบเหลือเกิน แถมเสียงขึ้นจมูกอีกด้วย เหมือนกับว่าเพิ่งจะร้องไห้มา

ในความทรงจำก่อนหน้านี้ หล่อนเป็นดาราสาวนางเอกแนวหน้าแสนหยิ่งยโสของซื่อจี้หยินเหอ พอตอนนี้ได้หล่อนมาอยู่ในกำมือ ก็อยากจะหาวิธีช่วยหล่อนเสียหน่อย

เฝิงหนานยังจำได้ว่าก่อนที่เธอจะได้มาเกิดใหม่ เธอเองก็ได้เห็นจูพ่านตัวจริงจากที่ไกลๆ แล้ว แต่ทว่าจุดยืนของทั้งคู่ในตอนนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด ตอนที่จูพ่านเดินเข้ามา ท่าทางสง่าราวกับเจ้าหญิง มีคนคอยล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนั้นเธอเป็นแค่คนที่อยู่ในวงการมานาน กว่าจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นดาราระดับสามได้ก็แสนจะยากลำบากเหลือทนแล้ว

ตอนที่ทั้งสองคนเจอกัน จูพ่านน่ะ แม้แต่จะมองกันให้ชัดๆ ก็ยังไม่เคยเลยสักครั้ง

แล้วตอนนี้ล่ะ? หล่อนร้องไห้จนเสียงขึ้นจมูก ไม่เหลือเค้าของจูพ่านที่เธอเคยเจอในครั้งแรกเลยสักนิด

“เอาอะไรมาช่วยงั้นเหรอ? ก็ฐานะของฉัน ว่าที่สามีของฉัน กับเงินของฉันยังไงล่ะ” เฝิงหนานนึกถึงเรื่องในอดีต เธอพูดเร็วขึ้นมาอีก

“เอาฐานะที่ฉันเป็นฉันยังไงละ!”

จูพ่านยกถุงน้ำแข็งขึ้นประคบตาตัวเอง แล้วเปลี่ยนท่าทางมานั่ง จากนั้นก็ถามออกไป

“เธอเป็นใครกันแน่?”

ในสถานการณ์แบบนี้ แม้แต่ผู้จัดการอย่าง ailsa ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงด้วยซ้ำ จูพ่านจึงไม่คิดว่าคนแปลกหน้าที่โทรมาหานี่จะสามารถช่วยเธอได้จริงๆ พอตัวเองถามออกไปแบบนั้น ปลายสายก็หัวเราะใส่กลับมาอีก เธอหงุดหงิดจนคิดที่จะวางสายไป แต่เฝิงหนานก็พูดขึ้นมาก่อน

“เธอมีเรื่องผิดใจกับดาราใหม่คนนั้นไช่ไหมล่ะ? ถึงได้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ! ฉันสามารถหาคนมาทำลายพวกคอมเม้นท์ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตได้ ขึ้นอยู่ที่เธอจะเลือกยังไงแล้วล่ะ”

เธอยกมือขึ้นขยี้ปลายจมูกตัวเองเบาๆ แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่น้อย

“ฉันรู้ว่าวันนี้เธอจะต้องออกมาแถลงข่าวช่วงบ่าย นักข่าวต้องแห่กันมาเยอะแน่ๆ ขอแค่เธอกัดเจียงเซ่อให้ตาย ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง แค่เธอสามารถลบชื่อเสียงของมันได้ เรื่องยุ่งๆ ของเธอ ฉันจะจัดการให้เอง”

เรื่องที่วุ่นวายที่สุดของจูพ่านในตอนนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องที่เธอไปโชว์เนื้อหนังมังสาแล้ว ยังมีเรื่องที่มีคนมาปลอมตัวเป็นแฟนคลับของเธอในอินเทอร์เน็ตอีก

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย ที่ดูจะวุ่นวายสุด ก็คงเป็นพวกบริษัทเน็ตเวิร์คพวกนั้น เพราะเธอดันไปหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรยุ่งเข้าให้

ก็เพราะว่ามีคนพวกนี้คอยยื่นมือเข้ามาช่วย เรื่องมันถึงได้ดูยุ่งยากขนาดนี้ อีกทั้งยังมีเรื่องที่ทาง

บริษัทก็เข้ามายุ่งด้วย พวกสื่อใหญ่ต่างๆ หรือแม้แต่เว็บเพจต่างก็ไม่กล้าที่จะลบพวกคอมเม้นท์หรือรูปภาพของจูพ่านทิ้งเลยสักราย ทำให้เรื่องมันลุกลามมาถึงทุกวันนี้

หญิงสาวปลายสายที่โทรเข้ามา ฟังเสียงดูแล้วน่าจะมีอายุไม่มากนัก แต่น้ำเสียงและคำพูดก็ฟังดูเหมือนจะมีแผนการเตรียมเอาไว้แล้วเหมือนกัน แต่ตอนนี้จูพ่านไม่กล้าที่เดิมพันอะไรทั้งนั้น

หล่อนนึกถึงที่ ailsa เตือนเอาไว้ ว่าหล่อนไม่ควรที่จะหาเรื่องใส่ตัวอีก

Ailsa บอกเอาไว้ว่า ตัวเธอได้เห็นพวกกลุ่มทายาทนั่นแล้ว แล้วประวัติของคนพวกนั้น ailsa เองก็ยังไม่สามารถสืบหาได้หมดด้วย แต่รู้แค่ว่าไม่ควรไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด

ดาราใหม่ที่ชื่อเจียงเซ่อนั่นก็คงจะเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งของพวกเขา ที่อีกไม่นานก็คงโดนเบื่อ

ขอแค่เธอยอมอดทนกล้ำกลืนความเจ็บปวดตอนนี้เอาไว้ก่อน รอให้เรื่องพวกนี้ซาลงไป ไม่แน่ว่าทางบริษัทอาจจะให้โอกาสเธออีกครั้งก็ได้

แต่เรื่องที่เธอก่อลงไป ทำเอาบริษัทหัวหมุนและโมโหไม่น้อย เธออาจจะไม่มีวันที่จะได้โผล่หัวออกมาจากซื่อจี้หยินเหอ อีกเลยก็ได้

“ทำไมล่ะ? เธอไม่เกลียดมันเหรอ?”

เห็นจูพ่านเงียบอยู่นาน ปลายสายอย่างเฝิงหนานจึงเกิดความแปลกใจไม่น้อย

แน่นอนว่าเธอเกลียดเจียงเซ่อมาก แต่สิ่งที่ ailsa พูดมามันก็ถูก ตอนนี้เธอไม่ควรที่จะทำอะไรโง่ๆ ตามใจตัวเองอีกแล้ว เธอแค่ต้องทนผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ รอให้เรื่องเหล่านี้มันหายไป ก็อย่างที่ ailsa บอก เมื่อเจียงเซ่อกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับพวกกลุ่มทายาทเมื่อไหร่ ตอนนั้นแหละ ที่ทางบริษัทจะออกมาช่วยดึงเธอขึ้นมาเหมือนเดิม

แต่ถ้าเธอยังมาก่อเรื่องเพิ่มอีกละก็ ก็คงจะไม่มีวันได้ย้อนกลับมาอีกแล้ว

ถึงแม้ว่าจูพ่านจะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง แต่เรื่องไหนมันสำคัญกว่า เธอรู้ดีเสมอ

“ไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากไหน แต่เรื่องระหว่างฉันกับคุณเจียงเซ่อ เราสองคนทำงานในกองถ่ายเดียวกัน ฉันว่าคงจะต้องมีคนเข้าใจผิดแน่ๆ เลยค่ะ” หลังจากที่ตัดสินใจไปแล้ว จูพ่านก็รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอย่างไรออกไป

แต่คำพูดพวกนี้ หลอกคนอื่นได้ก็หลอกไป แต่มันไม่สามารถหลอกเฝิงหนานได้หรอก

“งั้นถ้าฉันพูดแบบนี้ล่ะ เรื่องที่เธอต้องเจออยู่ตอนนี้ ทั้งคนในเน็ตที่คอยแต่จะใส่ไฟให้เธอ ทั้งบัตรหนัง ‘99 Love Letter’ ที่โดยผลกระทบตั้งแต่เมื่อคืนจนทำให้จ้าวร่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เลยไม่อยากจะออกมาพูดให้เธออีก” เฝิงหนานกดเสียงต่ำลง “เรื่องบัตรหนังในวันนี้ เธอไม่ต้องห่วงเลยนะ ส่วนเรื่องวุ่นวายบนอินเทอร์เน็ต ฉันเองก็หาวิธีแก้ปัญหานี้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ขอแค่เธอต้องกัดเจียงเซ่อให้ตายซะ ทำให้เธอกลับมาอ้าปากแก้ตัวไม่ได้อีก ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีเรื่องอะไรอีกต่อไป ส่วนเรื่องที่เหลือ ซื่อจี้หยินเหอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงไม่ใช่หรือไง?”

สิ่งที่เธอพูดออกมาทั้งหมดมันคือเรื่องจริง จูพ่านนั่งตัวตรงขึ้น จากที่ตัดสินใจไปแล้ว ก็กลับมาลังเลอีกครั้งหนึ่ง

เธอปรายตาไปมองผู้ช่วยที่ยังยืนอยู่ในห้อง จูพ่านยกมือปัดไล่ให้ผู้ช่วยสาวคนนั้นให้ออกไป ก่อนจะถามกลับ

“เธอเป็นใครกันแน่?”

“เธอไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันคือใคร ตอนนี้คนพูดถึงเธอไม่ค่อยดีนัก จ้าวร่างเองก็คงไม่มีทางที่จะออกมาช่วยเธอพูด นั่นก็เพราะเรื่องที่บัตรหนังมันขายได้น้อยลงไม่ใช่รึไง? ถ้าหากว่าวันนี้ยอดขายบัตรหนังมันเพิ่มขึ้น จ้าวร่างจะยังมาโมโหเธอได้อีกหรือ?”

เฝิงหนานยกนิ้วม้วนผมตัวเองเล่น แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“จะทำยังไง ก็คงต้องดูที่การตัดสินใจของเธอแล้วล่ะนะ”

จูพ่านกำมือถือแน่น แล้วลองหยั่งเชิงถามไปอีกรอบ

“คนที่คอยช่วยดาราใหม่คนนั้น กับพวกบริษัทที่ทำเรื่องพวกนี้ เธอรู้แล้วหรอว่าเป็นใคร? เธอมีวิธีช่วยฉันอย่างนั้นเหรอ?”

“แน่นอน!”

เฝิงหนานตอบออกมาอย่างไงลังเลเลยสักนิด

“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องมากังวลเลย แค่เธอกัดเจียงเซ่อให้ตาย เรื่องพวกนี้ฉันจะเป็นคนสะสางให้เธอเอง”

หลังจากที่เมื่อคืนจ้าวจวินฮั่นพูดถึงเรื่องเจียงเซ่อออกมาอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก เฝิงหนานก็ได้สั่งให้คนไปสืบเรื่องพวกนี้มาแล้ว สิ่งที่ทำให้เฝิงหนานต้องกัดฟันแน่นก็คือ ไม่รู้ว่าเจียงเซ่อทำอะไรถึงได้ไปรู้จักมักจี่กับพวกเซี่ยงชิวจี๋และพวกเพื่อนๆ ของเขาได้

ตั้งแต่ที่เกิดใหม่มา เธอก็ได้พบกับเซี่ยงชิวจี๋โดยบังเอิญอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเซี่ยงชิวจี๋เรียกเธอว่า ‘พี่เฝิงหนาน’ เฝิงหนานเลยคิดว่าคนๆ นี้อาจจะเป็นคนที่เคยสนิทและคุ้นเคยกันดีกับเฝิงหนานคนเก่า พอลองสืบหาดูแล้ว เธอก็ได้ข้อมูลของเซี่ยงชิวจี๋มาพอสมควร

ได้รู้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลเซี่ยงที่เป็นตระกูลทหาร ฐานะอยู่ในระดับเดียวกัน แถมยังอยู่ในแวดวงลูกหลานลูกท่านหลานเธออีกด้วย กลุ่มคนที่คบอยู่ก็เป็นพวกรุ่นราวคราวเดียวกันในกลุ่มทายาท ซึ่งเป็นกลุ่ม ที่เธอเคยหวังว่าจะได้ผูกสัมพันธ์กันในอดีต

ตอนนั้นที่เธอร่วมลงทุนหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ และเพื่อที่จะซื้อใจจางจิ้งอานให้ได้ เธอเลยลองใช้ความสัมพันธ์ระหว่างเฝิงหนานและเซี่ยงชิวจี๋ดู คอยสั่งให้เซี่ยงชิวจี๋ ไปยืมพวกอาวุธปืนมาจากค่ายทหาร

ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะต้องรออยู่ระยะหนึ่ง ถึงเซี่ยงชิวจี๋จะไม่ได้ติดต่ออะไรเธอกลับมาอีก แต่เธอก็พอจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเฝิงหนานแล้ว

สิ่งที่น่าเสียดายอีกอย่างหนึ่งคือ เพราะเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเฝิงหนานคนก่อน และกลัวว่าตัวเองจะเผยพิรุธออกมา ดังนั้นตอนที่เธอได้มาเกิดใหม่และพบว่ามือถือของเฝิงหนานมีรหัสในการเปิดปิดมือถือ เธอเปิดมันไม่ได้ และสิ่งที่เธอคิดขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก็คือการทำลายมือถือนี่ไปซะ จากนั้นก็ซื้อเครื่องใหม่เสียเลย

พอเป็นแบบนี้แล้ว ถึงมันจะลดปัญหาตอนนั้นไปได้มาก แต่ก็เหมือนว่าจะสร้างปัญหาให้เธอได้เยอะเหมือนกัน