娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 132 ความสามารถ
จนกระทั่งเมื่อจูพ่านดันไปโชว์หวิวกลางรายการแบบนั้นจนทำให้ชาวเน็ตเกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมา ยอดการขายบัตรหนังของจ้าวร่างก็ค่อยๆ ลงลด
การฉายหนังของเมื่อคืน บัตรหนังที่ขายรวมกันแล้วยังไม่ถึงสามล้านเลยด้วยซ้ำ นี่มันเทียบไม่ได้เลยกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นมา
และเมื่อตอนเช้านี้เองที่มันหยุดลง ยอดการขายบัตรมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ชาวเน็ตต่างพากันโพสข้อความโจมตีจูพ่านว่า หล่อนเป็นตัวซวยของหนังเรื่องนี้
เจียงเซ่อฟังที่ยวี๋เสี่ยวโจวและคนอื่นคุยกันเกี่ยวกับเรื่องข่าวเหล่านั้น จนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่จ้าวร่างโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา แค่การกระทำของจูพ่านคนเดียว ก็สามารถส่งผลกระทบที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ มิน่าจ้าวร่างถึงทนไม่ได้ที่จะระเบิดใส่จูพ่านแบบนั้น
“ได้ยินมาว่าพอรายการจบลง แค่กล้องหยุดถ่ายไปจ้าวร่างก็ด่าใส่จูพ่านเลยนะ แถมยังพูดอีกว่าจะใช่ชื่อหล่อนลงแบล็คลิสต์เลยด้วย นี่มันเรื่องจริงรึเปล่า?”
เฉาซวงถามออกมาอย่างสงสัย และคนอื่นๆ เองก็ดูจะสงสัยไม่น้อยเช่นกัน จึงเร่งรัดให้เจียงเซ่อตอบออกมา
ถึงแม้ว่าในรายการเมื่อคืนจูพ่านจะแสดงออกต่อเธออย่างชัดเจนว่าเป็นศัตรู แต่ถ้ามีปัญหาอะไรจริงๆ เธอก็ยินดีที่จะพูดกันต่อหน้า ถ้าเป็นเรื่องความขัดแย้งกัน เอาไว้สู้กันในหนังก็พอแล้ว เธอไม่ชอบที่จะมาพูดเกี่ยวกับคนอื่นลับหลังอย่างเสียๆ หายๆ พอได้ยินเฉาซวงพูดแบบนั้น เธอก็ส่ายหน้าทันที
“ฉันไม่รู้หรอก รายการจบฉันก็ออกมาจากที่นั่นเลยน่ะ”
พอทั้งสามคนได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ผิดหวังกันหมด แต่ยวี๋เสี่ยวโจวดูเหมือนจะยังไม่เชื่อสนิท
“ไม่ได้ยินข่าวลืออะไรสักนิดเลยหรอ? พวกเธอไม่ได้อยู่กลุ่มนักแสดงด้วยกันหรือไงกัน?”
“ข่าวลืออะไรล่ะ? เมื่อคืนตอนที่ฉันไปเข้าร่วมรายการ นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอเขาเหมือนกัน” พอเจียงเซ่อพูดออกมาแบบนั้น ใบหน้าของทั้งสามคนก็ยังดูสงสัยอยู่ พอจะลองไล่ถามอีกเจียงเซ่อก็พูดออกมาว่าจะทบทวนบทเรียนแล้ว จึงหยุดเรื่องที่จะถามไปทันที
ตอนที่อยู่ในห้องสมุดก็มีหลายคนเอามือถือขึ้นมาแอบถ่ายรูปเธอ เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เลือกหนังสือที่อยากได้เรียบร้อยแล้วก็ไปหามุมนั่งอ่านมัน
เธอไม่อยากจะไปซ้ำเติมอะไรจูพ่าน แต่ในใจของจูพ่านน่ะ ไม่ได้คิดแบบเธอหรอก
ซื่อจี้หยินเหอตัดสินใจที่จะจัดการแถลงข่าวของจูพ่านในบ่ายวันนี้ และจูพ่านก็คิดว่าตัวเองคงจบลงแค่นี้แล้วแน่ๆ
ตั้งแต่ที่เธอเดินทางสายนี้มา ทุกย่างก้าวที่เลือกเดินมันไม่ง่ายเลยสักอย่าง การที่เธอได้รับเล่นบทจ้าวหรงในเรื่อง ‘99 Love Letter’ ของจ้าวร่าง นั่นก็เป็นเพราะซื่อจี้หยินเหอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
ตอนแรกก็คิดว่าถ้าแสดงบท ‘จ้าวหรง’ ที่เป็นตัวเรียกเงินนี่แล้ว เส้นทางการทำงานของเธอก็จะต้องเพิ่มขึ้นมาอีกระดับแน่ๆ ในตอนที่จูพ่านกำลังฝันหวานก็ไม่ทันได้คิดเลยสักนิด ว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แทน
ตอนนี้ในเน็ตต่างก็พูดถึงเธอย่างเลวร้าย ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเมื่อคืน ก็เริ่มมีคนออกมาโพสว่า ‘ไม่เอาจูพ่าน’ และมันก็กลายเป็นประเด็นร้อนสุดๆ ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค
Ailsa เองก็กำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการคำวิจารณ์ต่างๆ ในด้านไม่ดีของจูพ่านทิ้ง แต่ทว่าตั้งแต่รายการจบไปเมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ยอดขายบัตรหนังของ ‘99 Love Letter’ ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว และมีคนออกมาพูดว่า ‘จูพ่านเป็นตัวซวยของหนังเรื่องนี้’
“เรื่องในบริษัท มันไปกวนใจเบื้องบนไม่น้อยเลย ซูเยี่ยนจวินติดต่อไปหาเหยียนชุนหัวที่อยู่ในรุ่ยเหอมีเดียแล้ว ก็หวังว่าเขาจะสามารถไปไกล่เกลี่ยกับทางนั้นได้ เพื่อขอให้จ้าวร่างช่วยพูดให้เธอ” ailsa มีท่าทางที่เหนื่อยหน่ายไม่น้อย จูพ่านเองก็ร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ เธอได้เห็นคอมเม้นท์ด่าสาดใส่ตัวเองมากมาย มากเสียเกิดความกลัวขึ้นมาแล้ว
Ailsaเอง ก็ทุ่มเทและคิดหาวิธีช่วยเธอมากมายเช่นกัน และหล่อนก็อดไม่ได้ที่จะว่ากล่าวในทุกครั้งที่เจอหน้าจูพ่าน แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมา หล่อนก็โมโหจนแทบจะคุมสติไม่อยู่
“เพิ่งจะมาร้องไห้เหรอ แล้วช่วยอะไรได้ไหม? เมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้างรู้ไหม? รายการ ‘คนดังนั่งคุย’ เป็นรายการแบบไหนไม่รู้หรือไง? แล้วเซิ่งจิ้งจือเป็นคนยังไงเธอก็ไม่รู้เลยงั้นเหรอ? เขาเป็นคนที่ฉลาดมากแค่ไหนรู้ไหม ตัวเขาเองก็จบมาจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ถ้าเธอรู้สึกไม่ชอบดาราใหม่เจียงเซ่อนั่นทำไมไม่รู้จักอดทนซะบ้าง? สมองเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ห้ะ ถึงได้กล้าดึงกระโปรงตัวเองลงแบบนั้น!”
หล่อนพูดจนถึงตรงนี้ ก็ยังโกรธไม่หาย
“ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าคนที่ชื่อเจียงเซ่อนั่นมีคนหนุนหลังอยู่ พอมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหา รู้บ้างไหมว่าฉันขายขี้หน้ามากขนาดไหน ทุกๆ ที่ที่ฉันโทรศัพท์ไปหา ทั้งสื่อเล็กสื่อใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลบพวกคอมเม้นท์นั่นออกสักรายเพราะเรื่องนี้เป็นคนเบื้องบนสั่งมา เธอกลัวว่าเจียงเซ่อจะมาแย่งซีนเธองั้นเหรอ? เธอก็น่าจะรู้ดีนี่ ว่ามันก็ทำได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ เธอยังมีผลงาน แล้วหล่อนคนนั้นมันก็ดังได้แค่ตอนนี้เท่านั้น เธอจะกลัวอะไรหนักหนา?”ailsa พยายามควบคุมความโกรธของตัวเองลง “คนใหม่คนนั้น เมื่อคืนฉันเองก็เห็นมากับตา พวกคนที่อยู่ข้างๆหล่อนก็คงจะเป็นพวกกลุ่มทายาทนั่นแน่ๆ กลับมาฉันก็ลองหาข้อมูลพวกเขาดูแล้ว พี่โจวที่ทำงานอยู่ในสถานีโทรทัศน์เองก็เตือนฉันมาว่าอย่าไม่ยุ่งกับพวกเขา ตอนนี้ดาราใหม่คนนั้นกำลังถือไพ่เหนือกว่าเธอ แต่ดูๆ แล้วก็คงเป็นแค่ของเล่นเท่านั้นแหละ จะถูกเห่ออีกนานเท่าไหร่กันเชียว?”
“พ่านพ่าน เธอควรที่จะฉลาดขึ้นมาได้แล้วนะ จ้าวร่างเองหลังจากนั้นคงจะไม่โมโหขนาดนั้นแล้วล่ะ เรื่องในตอนนี้ ถ้าเขายังยินดีที่จะช่วยเหลือเธออยู่ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากคนของรุ่ยเหออีกต่อไปด้วยซ้ำ”
Ailsa ยกมือขึ้นกอดอก ปลายเท้ากระทบพื้นจนเกิดเสียง ‘ตึก ตึก’ และจ้องมองไปที่จูพ่านที่กำลังก้มหน้าลง
“ฉันกับพี่ซูสนิทกันอยู่ ครั้งนี้เขาจะออกหน้าไปพูดกับพวกเบื้องบนของบริษัทให้ ตอนบ่ายถึงได้จะจัดงานแถลงข่าวให้เธอไงล่ะ ส่วนคำตอบที่จะต้องตอบ ฉันหาคนมาช่วยไกด์ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็จำๆ มันไปละกัน แล้วก็อย่าก่อเรื่องอะไรอีกเด็ดขาด!” หล่อนเตือนเธออีกครั้ง “ถ้าเกิดยังก่อเรื่องบ้าๆ อะไรอีกละก็ แม้แต่สวรรค์ก็คงช่วยเธอไม่ได้แน่!”
พอพูดจบ ailsa ก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่พอใจก่อนที่จะเกิดออกจากห้องไปทันที
จูพ่านยังคงนั่งอยู่ในห้องพัก เธอเงยหน้าขึ้นพิงพนักเก้าอี้ ขอบตาบบวมแดงไปหมด
ผู้ช่วยที่เตรียมถุงน้ำแข็งเอาไว้เรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ส่งเสียงออกมา แต่เสียงสูดจมูกก็ยังดังอยู่ตลอดเวลา แววตาสวยคู่นั้นทอแสงความแค้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“พี่พ่านคะ......”
ผู้ช่วยนึกอยากจะปลอบใจเธอเสียหน่อย จูพ่านกำลังเงยหน้ามองเพดาน น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั่นช่างแหบพร่าเหลือเกิน
“ไสหัวออกไป”
พอเห็นว่าเธอท่าจะอารมณ์ไม่ดีแล้วแน่ๆ เพราะเมื่อกี้เธอเพิ่งจะโดน ailsa อบรมสั่งสอนไป แถมยังมีเค้าว่าบริษัทจะปล่อยเธอแล้วด้วย
ถ้าหากว่าบริษัทยอมแพ้เรื่องเธอแล้วจริงๆ ล่ะก็ ถึงแม้จะไม่สั่งดองเธอไว้ แต่บทเรียนครั้งนี้ก็หนักหนาสำหรับเธอมากทีเดียว
การแถลงข่าวในตอนบ่ายนี้มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่ถ้าเธอทำอะไรผิดพลาดไปอีกละก็ เธอก็คงจะไม่มีวันที่จะได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาอีกแน่ๆ
“เจียงเซ่อ! เจียงเซ่อ!” จูพ่านกัดฟันตัวเองแน่น คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร เธอก็รู้สึกทั้งเกลียดทั้งแค้นไปหมด
จนกระทั่งมือถือของเธอที่อยู่ในกระเป๋าหนังมันดังขึ้นมา มันเป็นเสียงเปียโนของศิลปินชื่อดังอย่างต้งสัวผู่ที่อยู่ในหนัง ‘99 Love Letter’ มันเป็นเสียงริงโทนที่เธอเปลี่ยนเองกับมือในตอนที่หนังฉายออกไปแล้ว ตอนแรกเป็นเพราะว่าทุกครั้งที่ได้ยินก็จะรู้สึกภูมิใจที่ได้เล่นเป็นนางเอกหนังของจ้าวร่าง เมื่อไม่กี่วันก่อนทุกครั้งที่มือถือดังขึ้นมาเธอก็ยังยิ้มอยู่เลยด้วยซ้ำ
แต่พอตอนนี้จูพ่านมาได้ยินเสียงเปียโนนั่น มันก็เกลียดจนแทบอยากจะโยนมือถือทิ้ง!
หน้าจอมือถือโชว์เบอร์คนแปลกหน้าขึ้นมา ตอนทันดังรอบแรกเธอก็ไม่ได้รับมัน ดังครั้งที่สองผู้ช่วยที่อยู่ข้างนอกก็เดินเข้ามาแล้ว แต่เธอก็ยังไม่อยากจะรับ
แต่คนที่โทรมาก็ดูท่าจะแน่วแน่ไม่น้อย จนกระทั่งมันดังขึ้นเป็นครั้งที่ห้า ผู้ช่วยของเธอก็ยื่นมือหยิบมือถือขึ้นมารับดู ไม่นานนัก หล่อนก็ยื่นมือถือไปให้จูพ่านด้วยสีหน้าแปลกใจ
“พี่พ่าน เขาจะคุยกับพี่น่ะค่ะ คนปลายสายบอกว่าสามารถช่วยให้พี่หลุดพ้นจากสถานการณ์แย่ๆ ตอนนี้ได้......”
ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้พูดจบ จูพ่านก็ยิ้มเยาะออกมา
“ช่วยให้ฉันหลุดจากสถานการณ์นี้?”
“ปลายสายบอกว่าเธอแซ่เฝิง เขาบอกว่าช่วยได้จริงๆ......” ผู้ช่วยพยักหน้าให้อย่างขลาดกลัว จูพ่านขมวดคิ้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจรับมือถือมา
ยังไงตอนนี้เธอก็ตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกลัวว่าจะถูกหลอกใช้อะไรอีก แต่ถ้าเกิดมันมีโอกาสลอยเข้ามาหา เธอก็จะไม่มีทางที่จะปล่อยให้มันหลุดมือเป็นแน่!