webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

129

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 129 ชีวิตในวันนี้

 

จนกระทั่งในวันนี้ ถ้าให้เธอลองเทียบกันดู มันก็เหมือนฟ้ากับเหวดีๆ นี่เอง แต่ทุกค่ำคืนที่เงียบสงัด เธอก็ยังได้ยินเสียงของจ้าวซินหงถือไปป์เคาะกระทบกับโต๊ะไม้เสียงดัง ‘ตึก ตึก’ 

ถึงเสียงจะไม่ดังนัก แต่เฝิงหนานก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน มันเหมือนกับเสียงเข็มนาฬิกา ที่พาเธอค่อยๆ ด่ำดิ่งสู่ห้วงลึก

“ฉันจะไปรู้จักเธอได้ยังไงละคะ?”

เธอนึกถึงจ้าวซินหงในตอนนั้น แล้วพยายามยกมุมปากขึ้น พยายามจะทำให้เหมือนว่าไม่มีอะไร

“เธอจะนับเป็นอะไรได้? ฉันเป็นใคร? แล้วทำไมฉันต้องไปรู้จักคนแบบนั้นกันล่ะ?”

เธอพยายามสุดความสามารถที่จะกดอารมณ์อยากจะฆ่าคนเอาไว้ แต่ก็ยังพยายามฝืนที่จะยิ้มหวาน

“แต่ว่า” เธอเงยหน้าขึ้น พยายามเก็บอาการสั่นของตัวเองเอาไว้

“ฉันต้องการจะเข้าวงการบันเทิง และจะต้องไม่มีดาราใหม่หน้าไหนออกมาพร้อมฉันเด็ดขาด”

แค่นึกชื่อของเจียงเซ่อขึ้นมันก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่น เพราะกลัวว่าจ้าวจวินฮั่นจะจับสังเกตได้จึงหลุบตาต่ำลง

“ยังไงก็ต้องหาวิธีกำจัดเธอให้พ้น”

จ้าวจวินฮั่นดึงเก้าอี้มาหาตัวแล้วนั่งลง ก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว้ มือหนึ่งพาดไว้ตรงหน้าอก อีกมือก็ขยับนิ้วไปมา

“เฝิงหนาน”

เขาค่อยๆ พูดออกมา “คุณเป็นถึงคุณหนูของวิสาหกิจจงหนาน ถ้าเกิดว่าคุณปู่ของคุณไม่พอใจที่คุณจะเข้าวงการบันเทิงละก็ คุณก็อย่าเข้าเลยดีกว่านะ ไว้ถ้าคุณแต่งงานกับผมแล้ว ค่อยว่ากันอีกทีก็ได้”

พอเฝิงหนานได้ยินแบบนั้นก็หลุดเสียง ‘เหอะ’ ออกมาอย่างห้ามไม่ทัน

ไม่ต้องเข้าวงการบันเทิงงั้นเหรอ? เธอใช้เวลาทั้งชีวิตในการปีนขึ้นไปให้สูง จนต้องไปมีสภาพแสนที่บัดซบในวงการนั่น ก่อนจะมาตั้งอกตั้งใจทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลจ้าว เพื่อที่จะได้เป็นภรรยาของจ้าวจวินฮั่นอย่างถูกต้อง ดึงตัวเองขึ้นมาจากโคลนตม แต่จนแล้วจนรอด ถึงเธอจะได้ให้กำเนิดลูกชายออกมาก็ยังไม่สมหวังเลยสักอย่างเดียว

จนเมื่อเธอได้มาเกิดใหม่ ทั้งฐานะ เงินทองและชาติตระกูลเธอก็มีพร้อม แล้วจ้าวจวินฮั่นจะมาบอกให้เธอไม่ต้องเข้าวงการบันเทิงอย่างนั้นหรือ?

“ฉันไม่” เธอขยับนิ้วเล่นไปมาแล้วส่ายหน้า

“หนังของจางจิ้งอานได้มาถึงตอนจบแล้ว” เธอนั่งลงบนโต๊ะคอม ปลายเท้าค่อยๆ ไล้ไปตามตัวของจ้าวจวินฮั่น

“คุณรอนับเงินอย่างเดียวก็พอแล้วน่า ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ต้องสนใน ช่วยฉันหน่อย นะคะ?”

วันที่เธอได้มาเกิดใหม่วันนั้น ก็ไม่มีสักครั้งที่เธอคิดที่จะทำให้ชีวิตใหม่ของเธอต้องเจอกับความผิดหวัง ชีวิตก่อนหน้าที่ไม่เคยสมหวังอะไรเลยสักอย่าง ตอนนี้เธอได้มันมาทุกอย่างแล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ยังไงเธอก็ต้องกำจัดเจียงเซ่อออกไปให้ได้

ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าทำไมบท ‘หญิงสาวในฝัน’ ที่ควรจะเป็นของหลิ่วอี้อันถึงได้กลายเป็นของเจียงเซ่อไปได้ แต่ตัวเธอเองก็หลบอยู่แต่ในเบื้องหลังมาตลอด ตอนแรกเฝิงหนานคิดว่าตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาจัดการเจียงเซ่อ แต่ไหนๆ เธอก็ออกมาเองแล้ว จะมาโทษเธอก็ไม่ได้แล้วนะ

บัญชีแค้นในชาติที่แล้ว ไม่ว่ายังไงเธอจะต้องเอาคืนให้ได้!

“แล้วคุณคิดจะทำยังไงล่ะ?”

จ้าวจวินฮั่นยื่นแขนออกไปโอบเธอที่กำลังเอามือคล้องคอแกร่งของตนเองไว้ เพียงไม่กี่วิ เธอก็นั่งแปะลงบนหน้าขาของเขา

“คุณว่าจูพ่านเป็นยังไงคะ?”

เธอต้องการที่จะให้เจียงเซ่อตกลงไปในบ่อโคลนอีกครั้ง เอาให้มันสกปรกและโสมมกว่าที่เคยเป็น เอาให้โงหัวขึ้นมาไม่ได้อีกเลย ยังไงซะ ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ปล่อยให้หล่อนได้ลองลิ้มรสความเจ็บปวดก่อนจะตายของตนดูเสียบ้าง

เมื่อคืนกว่าเจียงเซ่อจะได้นอนก็ดึกมากจริงๆ ข้างกายของเธอยังมีอีกคนที่นอนอยู่ด้วยกัน ที่จริงเธอไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้นัก แต่มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดเอาไว้ อาจจะเป็นเพราะว่าอากาศมันหนาว พอได้นอนอยู่อ้อมกอดของเผยอี้แล้ว ตัวเขาอุ่นร้อนเหมือนเตาผิงเลย เธอเลยนอนสบายและอบอุ่นไม่น้อย

เขายังคงนอนกอดเธอเหมือนเดิม ไม่ได้ทำอะไรพิเรนทร์ๆ ทั้งนั้น

ตัวเธอเองมีตารางชีวิตและความเคยชินที่ดี ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะนอนดึกแค่ไหน แต่เธอก็ยังตื่นเจ็ดโมงเข้าทุกวัน ไม่รู้ว่าเขาตื่นตั้งแต่กี่โมง ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมา สิ่งที่รู้สึกได้เป็นอย่างแรกคือเขากำลังเล่นมือของเธออยู่ นิ้วของเธอทุกนิ้วถูกเขาลูบเล่นอยู่แบบนั้น

“เซ่อเซ่อ……”

พอเธอตื่นขึ้นมา เผยอี้ก็ฝังหน้าตัวเองไว้กับศีรษะของเธอแล้ว น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ฟังดูไม่ดีเท่าไหร่นัก

“ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย?

เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เขาส่ายหัว

ห้องพักที่เธอเช่ามันไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย ออกจะเล็กด้วยซ้ำ เตียงที่มีก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเหมือนกัน เจียงเซ่อนอนคนเดียวยังพอได้ แต่เขาน่ะตัวสูง แค่นอนลงบนเตียงเท้าเขาก็โผล่พ้นเลยเตียงไปแล้ว 

“หรือว่านายไม่คุ้นเตียงเลยไม่ได้นอนรึเปล่า?”

เธอกำลังลืมตา แต่เขากำลังหลับตาเพราะยังไม่กล้ามองเธอ ใบหูของเขาขึ้นสีด้วย

“เปล่า”

เธอยื่นมือไปดึงแขนเขาออก แต่ก็โดนเขากอดกลับเข้าไปเหมือนเดิม แถมยังกอดแรงขึ้นด้วย เธอดิ้นไปมาอยู่ครู่หนึ่งเขาถึงยอมปล่อยเธอออก

ถึงแม้ว่าในห้องจะเปิดฮีตเตอร์เอาไว้แล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกหนาวอยู่นิดๆ เธอถือเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เผยอี้ก็ยังนอนกอดหมอนเธออยู่บนเตียง

“อาอี้ วันนี้นายไม่มีเรียนหรือไง?” พอเธอแปรงฟันล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำแล้ว เผยอี้ก็นอนงอตัวอยู่บนเตียง เหมือนกับกำลังทรมานอยู่เลย

“ไม่สบายแล้วใช่ไหมเนี่ย?”

ก็เมื่อคืนเขายืนแกร่วอยู่หน้าห้องเป็นชั่วโมง ตอนที่คุยกันตอนนั้น เสียงของเขาก็ดูคัดจมูกแล้ว

“ไม่…” เขาฝังหน้าลงกับหมอน น้ำเสียงเบาบาง

“มีเรียน” 

ที่จริงวันนี้เขามีเรียนช่วงบ่าย แต่เขาไม่ไปแล้ว! กว่าจะได้เข้ามาอยู่ในห้องเธอแบบนี้ แถมในห้องนี้ก็มีกลิ่นของเธอฟุ้งไปทั้งห้อง เขาไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเลยจริงๆ

“ตอนบ่ายฉันมีเรียน ต้องกลับไปที่มหา’ลัยก่อน” เธอยืนอยู่ข้างเตียง “กุญแจอยู่ตรงตู้รองเท้าข้างประตูห้องนะ ถ้านายออกไปแล้วก็ช่วยล็อกไว้ด้วยล่ะ”

พอได้ยินว่าเจียงเซ่อกำลังจะไป เขาก็รับสะบัดผ้าห่มลุกขึ้นมา

“เดี๋ยวฉันไปส่ง”

เมื่อคืนก่อนเขาจะขึ้นมานอนบนเตียงอีกรอบไฟก็ปิดไปหมดแล้ว เจียงเซ่อรู้แล้วว่าตอนนั้นเขาถอดเสื้อออก แต่สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้มันต่างกับที่เธอคิดโดยสิ้นเชิง

เจียงเซ่อรู้ว่าเขาไปฝึกที่ค่ายทหารใกล้ๆ ตี้ตูนี่บ่อยๆ และเขาก็ไม่ใช่พวกเด็กเรียนร่างกายผอมบางด้วย

ในตอนที่เขาสะบัดผ้าห่มออก ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแกร่งก็ถูกเปิดเผยออกมา รอยลึกวีไลน์ตรงเอวของเขาโผล่พ้นกางเกงชั้นในขึ้นมา ขายาวนั่นก็ดูแข็งแรงไม่น้อยเลย

เธอไม่กล้าดูให้ชัดกว่านี้แล้วเลยรีบหันตัวทันที พยายามทำตัวให้นิ่งเข้าไว้

“ไม่ต้องไปส่งหรอก”

เธอรวบผมขึ้นแล้วรีบเดินไปหยิบกระเป๋ามา

“ฉันว่าจะไปที่ห้องสมุดหาข้อมูลอะไรนิดหน่อยก่อน”

เมื่อคืนที่ทำแบบฝึกหัดไป มีอยู่หลายข้อที่เธอตอบไม่ถูก เลยกะว่าจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ห้องสมุด

เผยอี้ที่ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอโกรธรึเปล่าเลยยื่นมือไปโอบเอวเธอเอาไว้ เขาตัวสูงขาก็ยาว แขนก็ยาวเหมือนกัน ห้องเช่านี่ก็ไม่ได้กว้างอะไรสักนิด แค่เขาเอื้อมแขนมาก็ได้ตัวเธอมาแล้ว

“ให้ฉันไปส่งเธอเถอะ”

เธอพยายามจัดการสายตาตัวเองไม่ให้ไปมองอะไรที่ไม่สมควรจะมอง ก่อนจะย้ำออกไปอีกรอบ “ไม่ต้องหรอกน่า” หอพักที่เธอเช่าอยู่มันก็ไม่ได้อยู่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินนัก ปกติเธอก็ชินกับการไปมหา’ลัยแบบนี้แล้ว แต่พอเห็นว่าเผยอี้มีท่าทางหงอยๆ เลยเขย่งปลายเท้าเงยหน้าขึ้นไปจุ๊บลงบนคางเขาเบาๆ แต่พอเขาจะก้มตัวลงมาจุ๊บปากเธอบ้าง เธอก็รีบดันตัวเขาออก สร้างระยะห่างขึ้นมา

“ถ้านายรู้สึกไม่สบายก็นอนต่ออีกนิดเถอะ ฉันไปมหา’ลัยก่อนละกัน”

ตอนนี้เหมือนเขากลายเป็นสิงโตเชื่องๆ ที่ยอมให้ลูบขนเล่นไปเรียบร้อยแล้ว เขาหลับตาลงแล้วพยักหน้าหงึกหงัก

“ครับผม”

พอออกมาจากหอพักแล้ว เจียงเซ่อก็เปิดเครื่องมือถือขึ้น จากนั้นก็มีเสียงข้อความเข้าดัง ‘ติ๊ดๆๆ’ ขึ้นมาอยู่หลายครั้ง

หลังจากเข้าร่วมรายการ ‘คนดังนั่งคุย’ เมื่อคืนแล้ว ทำให้มีบริษัทเอเจนซี่หลายแห่งต่างจับจ้องมาที่เธอ ในมือถือเต็มไปด้วยข้อความแนะนำจากบริษัทเอเจนซี่ต่างๆ มากมาย และทุกข้อความต่างมีความหมายเดียวกันคือต้องการให้เธอเซ็นสัญญาด้วย

นอกจากซื่อจี้หยินเหอแล้ว ก็ยังมีหัวซิง หัวหยิ่งและเอเจนซี่ที่มีชื่อเสียงอีกมากมายก่ายกอง ที่โทรเข้ามาทันทีที่เธอเปิดมือถือขึ้น