120

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 120 สัมภาษณ์

“ฉากในหนังที่หลี่ชิงหยางได้พบกับ ‘หญิงสาวในฝัน’ จิตใจของเขาก็ดูจะเคลิบเคลิ้มไปเลยนะ แต่ดีที่ยังมีเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กอย่างจ้าวหรงคอยให้กำลังใจเสมอ ถึงได้ช่วยให้เขาหลุดมาจากห้วงนั้นได้” เซิ่งจิ้งจือมองไปที่เจียงเซ่อแล้วพูดขึ้น “แต่ตอนนี้ผมกลับอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ถ้าผู้กำกับจ้าวเดินเรื่องให้หญิงสาวในฝันหันหน้ามา ให้ผู้ชมได้เห็นใบหน้าของเธอในตอนนั้น อีกทั้งถ้าหลี่ชิงหยางได้เห็นหน้าเธอ ผลลัพธ์ที่ออมาจะเป็นยังไงนะ?

เขาวกกลับมาพูดเรื่องหนังโดยที่ในสคริปนั้นไม่มี จ้าวร่างเองก็ยิ้มขึ้นมา

“บางทีการพลาดอะไรไปมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจอะไรขนาดนั้นนะ มันก็เหมือนกับเป็นสิ่งสวยงามสิ่งหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไงครับ”

ชุยซิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ตามทางเดินที่เราเลือกจะมีสิ่งสวยงามอยู่รอบๆ เสมอ แต่ก็ต้องจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ และหมั่นคิดทบทวนทุกเรื่องให้ดีก็พอแล้วครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องได้ครอบครองไปเสียทุกอย่าง” พอเขาพูดถึงตรงนี้ สายตาก็ดันไปเห็น ailsa ที่ยืนอยู่หลังกล้อง และกำลังโบกมือไปมาให้เขาด้วยสายตาที่ปกปิดไม่มิดว่ากำลังตำหนิเขาอยู่ เขาจึงหันไปมองจูพ่านที่นั่งอยู่ข้างๆ

“สิ่งที่มีอยู่ข้างๆ เราต่างหาก ที่สำคัญที่สุด”

ดูท่าครั้งนี้จูพ่านคงไม่รอดแล้ว คนที่ฉลาดพอแค่มองดูก็รู้ เพราะตอนนี้คนในบริษัทเถิงเฟยที่แฝงตัวมาเป็นแฟนคลับของจูพ่านกะจะเหยียบเธอให้ตาย

คนที่สวมรอยเป็นแฟนคลับของจูพ่านที่ออกมาชมว่าความสวยของจูพ่านน่ะฆ่าได้ทุกคน จนกระทั่งเจียงเซ่อเผยตัวออกมา ขอแค่ได้ดู ‘คนดังนั่งคุย’ นี่ ทุกคนก็รู้แล้วว่าใครดูดีดูโดดเด่นกว่ากัน

‘แฟนคลับ’ ของจูพ่าน จากตอนแรกที่พากันชมอย่างนู้นอย่างนี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกที่ดูน่าหัวเราะไปแล้ว

แต่ว่าทั้งสองคนนี้อยู่ค่ายเดียวกัน ailsa คิดๆ ดูแล้วก็ใช่ว่าจะต้องยอมแพ้เสียทีเดียว เลยคิดจะลองดึงจูพ่านขึ้นมาด้วยตัวเองดู สร้างข่าวซุบซิบขึ้นมา แบบนั้นอาจจะช่วยดึงจูพ่านขึ้นมาได้

เซิ่งจิ้งจือยิ้มชมเชยขึ้นมา

“คำพูดนี้ไม่เลวเลยนะครับเนี่ย” เขาเว้นไปช่วงหนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงคนที่กำกับรายการพูดผ่านหูฟังมา “พี่เซิ่ง ตอนนี้เว็บเพจของรายการเราแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ส่วนมากกำลังสนใจเกี่ยวกับ ‘หญิงสาวในฝัน’ กัน พี่รีบหาวิธีพูดเรื่องเธอเร็วเข้า”

“ดาราที่ผู้กำกับจ้าวเป็นคนดูแลมักจะมีชื่อเสียงเสมอ พวกเราเองก็รู้ดี อย่างเช่นบท ‘หญิงสาวในฝัน’ ในเรื่อง ’99 Love Letter’ นี่ไงล่ะ” เซิ่งจิ้งจือมองไปยังชุดที่เจียงเซ่อกำลังสวมใส่อยู่ และมันก็ไม่ใช่เสื้อผ้าที่มีแบรนด์ดังอะไรนัก “คุณเจียงเป็นดาราหน้าใหม่ ไม่ทราบว่าผู้กำกับจ้าวไปหาเธอมาจากไหนกันครับเนี่ย?”

“เท่าที่ผมรู้มา วันที่หนัง ’99 Love Letter’ เปิดกล้อง บท ‘หญิงสาวในฝัน’ ก็ยังไม่สามารถหาคนมาแสดงได้สักที เห็นว่าตอนนั้นก็มีคนในวงการมากมายเข้าไปลองแสดงบทนี้ แต่สุดท้ายทำไมผู้กำกับจ้าวกล้าที่จะเลือกดาราใหม่มาแสดงกันล่ะครับ หรือว่าคุณไม่กลัวว่าการที่มีดาราใหม่เข้ามาแสดงจะทำให้การถ่ายทำมันล่าช้าไปอีก?”

พอเซิ่งจิ้งจือถามจบ จ้าวร่างก็กระเถิบตัวขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อย “ตอนที่เซ่อเซ่อเข้ามาลองแสดงน่ะ ผมกับชุ่ยซิ่งเองก็อยู่ที่กองถ่าย พอได้ยินเสียงเปียโนดังขึ้นมา ก็รีบไปดูเธอทันที รูปร่างภายนอกของเธอดีมาก บุคลิกก็ไม่เลวเลย มันเหมาะมากๆ กับคาแรคเตอร์ของ ‘หญิงสาวในฝัน’ ที่ผมคิดเอาไว้ พอถึงตอนที่ถ่ายทำจริงๆ เธอเองก็ลำบากไม่น้อยเลยล่ะ ที่ทุกคนได้เห็นเธอในหนังแค่ไม่กี่สิบวิเท่านั้น แต่จริงๆ ตอนที่พวกเราถ่ายทำกันน่ะ เรียกได้ว่าทั้งวันเลย ช่วงพักเบรกกลางวันก็แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น” จ้าวร่างมองไปที่เธอ สีหน้าของเขาเผยความชื่นชมอย่างไม่ปกปิดเลย

“ตัวเธอเองก็ดีดเปียโนตั้งแต่เช้าจนถ่ายเสร็จ ไม่มีบ่นสักคำ นี่แหละเป็นสิ่งที่เหนือความคาดคิดของผม” และมันก็เป็นเพราะแบบนี้ เลยทำให้จ้าวร่างประทับใจในตัวเจียงเซ่อนักหนา ในช่วงที่มีการโปรโมทหนัง ก็รีบบอกเธอไปแล้ว ครั้งนี้ที่พาเจียงเซ่อมา ก็เหมือนเป็นการเผยถึงจุดสำคัญของการสัมภาษณ์ในวันนี้นั้นเอง “ในมุมมองของผม จะเป็นดาราใหม่หรือไม่ หรือจะเป็นคนที่จบมาจากโรงเรียนสอนการแสดงหรือไม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย ฝีมือการแสดงมันฝึกฝนกันได้ นิสัยต่างหากที่ต้องใช้เวลา”

พอพูดถึงตรงนี้เขาก็ผายมือออก “ไม่งั้นคุณลองดูสิ การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ล่าช้าอะไรเลย แถมยังออกฉายไปตั้งแต่วันที่หนึ่งที่ผ่านมานี่เองใช่ไหมล่ะ”

ในขณะที่จ้าวร่างกำลังพูดไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เซิ่งจิ้งจือก็เริ่มจับประเด็นที่ซ่อนไว้อยู่ในคำพูดของเขาได้

“ความหมายของผู้กำกับจ้าวคือ คุณเจียงเซ่อเป็นคนเล่นเปียโนเองงั้นหรือ?”

“ใช่แล้วครับ” จ้าวร่างพยักหน้า “แถมยังเล่นได้ดีอีกต่างหาก ฉากที่หลี่ชิงหยางได้พบกับเธอในตอนนั้น เสียงเพลงเปียโนที่ดังขึ้นก็เป็นเพลงที่เจียงเซ่อเล่นเอง ถ้าทุกคนสนใจละก็ จะลองฟังดูอีกก็ได้นะครับ”

พอจ้าวร่างพูดจบ ในกล่องบล็อกคอมเม้นท์ก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมาอีก

ผู้ป่วยเหงา : เริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่าวงการบันเทิงในปีนี้จะต้องจะต้องมีคลื่นลูกใหม่พัดกระหน่ำเข้ามาแน่ๆ!

ปิดบ้านเล่นมีด : นี่มันบ้าจริงๆ เล้ย ในหนังฉันฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย แต่ยังไม่ได้ตั้งใจฟังมันดีๆ เลยสักครั้ง! ก็คิดไม่ถึงว่า ‘หญิงสาวในฝัน’ จะเป็นคนเล่นเองด้วย สงสัยจบนี่คงต้องไปเสียตังค์ซื้อตั๋วเข้าไปดูอีกสักรอบ คราวนี้จะตั้งใจฟังหญิงสาวในฝันให้ดีเลย!

ข้ามาแล้ว : คำพูดของจ้าวร่าง ฟังดูก็รู้แล้วว่ากำลังชักจูงให้พวกเราควักเงินซื้อตั๋วดูหนังอีกรอบ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้อ่ะ ทำไม่บอกให้เร็วๆ กว่านี้ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่บอก ทำไม……

คนแก่อายุเยอะ : มีแค่ฉันคนเดียวรึเปล่าที่สังเกตเห็น? ดาราใหม่แสนสวยคนนี้ ตั้งแต่ที่เข้ามาในห้องส่ง เธอก็นั่งตัวตรงสง่ามาตลอดเลย ไม่เหมือนกับจูพ่านที่เอาแต่เอียงหัวเอนตัวไปมา ดูก็รู้เลยว่าใครดีกว่ากัน

คอมเม้นท์ของไอดี ‘คนแก่อายุเยอะ’ ดึงดูดชาวเน็ตคนอื่นให้เริ่มพูดคุยกันคึกคักกว่าเดิม

ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อเดินเข้ามาอยู่ในห้องส่ง นอกจากที่พูดแค่สองสามคำในตอนที่ทักทายกับเซิ่งจิ้งจือแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงเธอพูดอะไรออกมาอีกเลย แต่เธอก็ไม่ได้มีท่าทางที่จะแย่งซีนอะไรเลย เธอทำแค่นั่งนิ่งๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่กลับดึงดูดให้ทุกคนมองเธอ

พอเทียบกันแล้ว จูพ่านก็ดูเหมือนจะขยับเนื้อขยับตัวไปมาอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็เสยผมเดี๋ยวก็เม้มปาก บางทีก็ทำเหมือนมีส่วนร่วมในบทสนทนาโดยการหัวเราะดังๆ ทำให้คนส่วนมากที่มองไปที่จูพ่าน ต่างก็รู้สึกถึงท่าทาง ‘อึดอัดแปลกๆ’ ของตัวหล่อนเอง

เซิ่งจิ้งจือได้ยินจ้าวร่าวพูดสนับสนุนแบบนั้นแล้ว ก็พูดต่อขึ้นมา

“ที่ผู้กำกับจ้าวพูดนี่ มันก็เหมือนเป็นการบอกให้ทุกคนต้องไปดูหนังอีกสักรอบเลยนะครับเนี่ย” แล้วเขาก็มองไปที่เจียงซ่ออีกครั้ง “ในหนังเรื่องนี้ ความสวยงามที่หาได้ยากของคุณเจียงเซ่อที่เผยให้ผู้ชมได้เห็น กับความสามารถที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ เกี่ยวกับด้านฝีมือการแสดง คุณเจียงมีความคิดเห็นต่อตัวเองยังไงบ้างครับ?”

ในใจของเขาคิดอยู่หลายตลบเกี่ยวกับคำถามนี้ และตัวเขาเองก็รับรู้ถึงจูพ่านที่ดูจะเงียบๆ ไปแล้วด้วย ตั้งแต่ที่เริ่มถ่ายทอดสดมา หัวข้อคำถามส่วนมากจะวนเวียนอยู่ที่ดาราใหม่คนนี้กับหนัง แต่นั่นก็เพราะตั้งแต่เจียงเซ่อเดินเข้ามาในห้องส่ง รูปร่างหน้าตาของเธอก็โดดเด่นและทำให้คนเกิดหวั่นไหวไม่น้อย เลยทำให้หลายคนเริ่มละความสนใจจากจูพ่านไป ตัวเองเขาเองก็กำลังหาทางวกกลับมาที่หล่อนเหมือนกัน

พอถามแบบนั้นออกไปแล้ว เขาก็คิดว่าเดี๋ยวพอเจียงเซ่อตอบคำถามเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเขาก็จะถือโอกาสถามจูพ่านบ้าง แต่ใครจะไปรู้ พอสิ้นเสียงคำถามของเขา จูพ่านก็แบะปากดูถูกออกมาเสียอย่างนั้น สีหน้าของเธอก็ดูเหมือนจะดูหมิ่นอีกด้วย

รายการนี้เป็นรายการสด แน่นอนว่ามันจะมาตัดต่อระหว่างถ่ายไม่ได้ และดูเหมือนว่า ailsa ที่ยืนอยู่หลังกล้องเองก็เห็นเหตการณ์นั้นทั้งหมดแล้ว เธอทำมือไปมาอย่างร้อนอกร้อนใจ สีหน้าก็ดูไม่น่าดูนัก

กล้องที่กำลังจับภาพเธออยู่รับแพนออกทันที แต่สีหน้าท่าทางเหล่านั้นก็ถูกเหล่าชาวเน็ตเห็นหมดแล้ว

ท่ามกลางผู้ชมที่อยู่ข้างล่างเวที เซี่ยงชิวหร่านส่ายหัวไปมา “ยัยดาราคนนี้นี่โง่ชะมัด”

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเป็นคนหนุนหลังเจียงเซ่อ ใช้อำนาจของตัวเองในการเหยียบจูพ่านลง แต่ตัวหล่อนเองก็ไม่รู้จักที่จะระงับอารมณ์ของตัวเอง ขนาดในเน็ตมีคนพูดถึงเธอขนาดนี้แล้ว ก็ยังจะกล้าทำหน้าตาแบบนั้นออกสื่ออีก

“เรื่องฝีมือการแสดง ดิฉันเป็นแค่คนใหม่ ยังมีอีกหลายจุดที่ยังทำได้ไม่ดีพอ ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เรียนรู้จากรุ่นพี่อาวุโส ตอนนี้ก็กำลังหมั่นฝึกฝนไปเรื่อยๆ หวังว่าจะพัฒนาให้มากยิ่งขึ้นค่ะ” เจียงเซ่อยิ้มออกมา คำตอบที่ตอบออกมาก็ฟังแล้วสมเหตุสมผลและเป็นกลาง แต่เพราะมีรอยยิ้มเหยียดของจูพ่านก่อนหน้านี้ ทำให้เซิ่งจิ้งจือรู้สึกดีต่อเจียงเซ่อมากกว่าเดิม

“เอ๋? รุ่นพี่อาวุโสงั้นหรือ? ขอถามได้ไหมว่าเป็นรุ่นพี่ท่านไหนกันเอ่ย?