webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

117

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

 

 

 

บทที่ 117 คาดเดา

 

พอมาถึงที่สถานีโทรทัศน์แล้ว เธอกับเผยอี้ก็เดินเข้ายังห้องโถงรับแขกขนาดใหญ่และเตรียมตัวแยกกัน ผู้ช่วยประจำตัวของจ้าวร่างอย่างเสี่ยวฉินเองก็มารอเธอสักพักแล้วด้วย พอเห็นว่าเธอกับเผยอี้กำลังยืนคุยกัน ก็เกิดความแปลกใจขึ้นมาทันที แถมยังแอบลอบมองเขาด้วยความสงสัยอยู่หลายครั้ง

แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในแวดวงวงการบันเทิงนี่ไม่มีเรื่องไหนปิดเสี่ยวฉินได้หรอก และเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนักแสดงหญิงสองคนของ ‘99 Love Letter’ เขาเองก็รู้ดี 

เกี่ยวกับเรื่องที่จูพ่านวิ่งหาพวกบริษัทเน็ตเวิร์คเพื่อที่จะเหยียบเจียงเซ่อลง แต่กลายเป็นว่าหล่อนกลับดันไปยุ่งกับคนที่ไม่สมควรยุ่งเข้าเสียแล้ว และเรื่องที่เธอโดนเหยียบกลับมาบ้าง เสี่ยวฉินเองก็ได้ยินมาหมดแล้ว

การที่พวกกลุ่มทายาทตั้งใจกำจัดจูพ่าน ทำให้ช่วงนี้พวกเบื้องบนของบริษัทซื่อจี้หยินเหอเองก็แตกตื่นไม่น้อย ได้ยินมาว่าต้องวิ่งรอกไปทั่วเพื่อขอความช่วยเหลือ และเริ่มคิดที่จะเทจูพ่านแล้ว 

ดาราใหม่คนนี้มีคนคอยหนุนหลังอยู่ ไม่น่าเข้าไปยุ่งด้วยสักเท่าไหร่

พอตอนนี้มาได้เห็นว่าเจียงเซ่อกำลังยืนคุยอยู่กับเผยอี้ ในใจก็เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น และเริ่มคิดว่าพวกทายาทที่คอยหนุนหลังให้กับเจียงเซ่อ อาจจะเป็นคนๆ นี้นี่แหละ

“เดี๋ยวจะรอพวกอาต้านมากันก่อน แต่ถ้าเธอมีเรื่องอะไรละก็ โทรมาหาฉันได้เลยนะ”

เผยอี้บีบมือเธอเบาๆ ไม่อยากจะปล่อยมือเธอเลย

“ถ้าหิวก็บอกฉันล่ะ” คิ้วเขาขมวดเข้าหากัน รู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้

“อยากกินอะไรก็บอกฉันได้เลย”

เจียงเซ่อหันไปมองเสี่ยวฉินแวบหนึ่ง “ดูท่าคงจะไม่ได้กินแล้วล่ะ”

รายการ ‘คนดังนั่งคุย’ จะออกอากาศถ่ายทอดสดในช่วงเวลาทองอย่างตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง ตอนนี้มันก็บ่ายสามเข้าไปแล้ว นอกจากรายละเอียดปลีกย่อยของกฎระเบียบที่ทางทีมงานของสถานีโทรทัศน์ได้กำชับเอาไว้แล้ว เธอยังต้องไปแต่งหน้า ต้องแต่งตัว ปล่อยให้ตัวเองโดนรุมทึ้งแบบนั้นจนถึงห้าโมงหกโมงนู่นเลย และพอแต่งหน้าเสร็จแล้ว แน่นอนว่าคงจะกินอะไรไม่ได้อีก

พอเผยอี้ได้ยินแบบนั้น เขาก็เกิดไม่พอใจขึ้นมา

“นี่มันสัมภาษณ์บ้าอะไรกัน จะไม่ให้เธอกินอะไรเลยงั้นเหรอ”

ผู้คนในสถานีโทรทัศน์ที่ยืนอยู่ละแวกนั้นพากันหันมามองทั้งคู่ เพราะทั้งสองคนน่ะ ฐานะภายนอกแสนจะเหมาะสมกัน รูปร่างหน้าตารึก็โดดเด่น ไม่ใช่แค่เจียงเซ่อเท่านั้นที่สามารถดึงดูดสายตาผู้คนให้เหลียวมองได้ เผยอี้เองก็ตัวสูงสง่าผ่าเผยจนผู้คนต้องจ้องมองเหมือนกันนั่นแหละ

เขาขมวดคิ้ว ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีแถมยังจะล้วงกระเป๋ากางเกงเอามือถือออกมาอีก

 “ฉันจะโทรไปคุยกับพวกเขาเอง”

“เอาน่า อย่าก่อกวนสิ” เจียงเซ่อเอื้อมมือไปเขย่าแขนเขา เพื่อไม่ให้เขาทำแบบนั้น

“ไว้ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยออกไปกินกับนายก็ได้ แต่ถ้าระหว่างนั้นนายหิวก็กินก่อนเลยนะ นายรอพวกเนี่ยต้านตรงนี้ละกัน ฉันเข้าไปเตรียมตัวก่อน

เธอหมุนตัวจะเดินออกไป แต่เผยอี้ก็รั้งเธอเอาไว้ แล้วก้มหัวลงมา ท่าทางดูเขินๆ

“กอดฉันก่อน แล้วค่อยไป”

แววตาของเขาดูไม่อยากให้เธอไปไหนเลย แล้วก็ดูเหมือนไม่กล้าขออะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว

ตั้งแต่ที่เธอตอบตกลงไปว่า ‘ก็ลองดู’ ไป นี่มันก็ผ่านมาเดือนกว่าๆ แล้ว การจับมือถือเป็นสิ่งที่จะใกล้ชิดที่สุดแล้วสำหรับพวกเราสองคน อาจมีบ้างบางครั้งที่เผยอี้แอบโอบไหล่เธอหรือโอบตัวเธอ เจียงเซ่อก็ค่อนข้างพอใจกับระยะห่างที่เผยอี้รักษาเอาไว้เสมอ พอตอนนี้มาได้ยินคำของร้อง ‘เล็กๆ น้อยๆ’ แบบนี้แล้ว เธอก็กางแขนออกทันที เดินเข้าไปในอ้อมแขนของเขา แล้วกอดเอวเขาเอาไว้

ตอนแรกก็จะแค่กอดแล้วก็ไปเลยอยู่หรอก แต่เขากลับกอดเธอตอบเสียแน่น จนรู้สึกว่าการกอดนี้ เหมือนเป็นการเติมเต็มให้กับหัวใจของเขา เผยอี้ฝังหน้าลงกับศีรษะของเธอ สูดลมหายใจเข้าไปหนึ่งที แต่ก็อดไม่ไหวจนต้องจุ๊บลงไปเบาๆอีกหนึ่งทีก่อนจะปล่อยเธอออก

พอเจียงเซ่อเดินไปพร้อมกับเสี่ยวฉินแล้ว เสี่ยวฉินเองก็ยังหันหลังไปมองเผยอี้อยู่เป็นระยะๆ

“เอ่อ คุณเจียง คนๆ นั้น……”

 เผยอี้เองก็ยังมองตามแผ่นหลังของเจียงเซ่อที่ค่อยๆ เดินไป แม้แต่ตาก็ไม่ยอมกะพริบด้วยซ้ำ

“เขาเป็นแฟนของฉันน่ะค่ะ” เจียงเซ่อเข้าใจว่าเขากำลังถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเผยอี้ หลังจากที่ตอบไปแล้ว เธอก็ถามต่อ

“ทางผู้กำกับจ้าวมาถึงกันหรือยังคะ?”

“อ๋อ มาถึงแล้วครับ!” เสี่ยวฉินรีบเก็บอาการสงสัยของตัวเองไป แล้วรีบนำเจียงเซ่อเข้าไปยังสถานีโทรทัศน์

พวกจ้าวร่างนั้นไม่ได้มาอยู่รวมกันที่หลังเวที แต่พวกเขามีห้องพักรับรองเป็นของตัวเองที่แยกออกไปอีกห้อง

ตอนนี้เจียงเซ่อยังไม่ได้เซ็นสัญญากับทางค่ายไหน ข้างกายก็ไม่ได้มีผู้ช่วยมาคอยจัดการเรื่องสัมเพเหระให้ มาสถานีโทรทัศน์ก็เป็นครั้งแรกที่มา เพราะจ้าวร่างกลัวเธอจะไม่ชิน เลยให้เสี่ยวฉินไปรับเธอเข้ามาที่นี่

พอส่งถึงมือสไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าแล้ว เสี่ยวฉินก็ก้มดูนาฬิกาแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

หลังเวทีนี่คนเยอะเลยทีเดียว ข้างในนี้มีดารามากมาย รวมไปถึงนักแสดงของหัวเซี่ยที่คุ้นหน้าคุ้นตา พวกเขากำลังพักผ่อนที่หลังเวทีแห่งนี้ และบางคนก็กำลังท่องจำบทอยู่          

ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวฉินพาเธอเข้ามาส่ง ก็เริ่มมีสายตามากมายมองมาที่เธอแล้ว

มีบางคนที่จำได้ว่าเสี่ยวฉินคือใครและก็พอจะเดาได้ว่าเจียงเซ่อเป็นใคร คืนนี้เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งจะมีการถ่ายทอดสดรายการ ‘คนดังนั่งคุย’ และพิธีกรดำเนินรายการอย่างเซิ่งจิ้งจือจะเป็นคนสัมภาษณ์จ้าวร่าง แล้วก็ได้ยินมาว่าจ้าวร่างเองก็ได้พานักแสดงในหนังของตัวเองมาด้วย หรือแม้แต่คนที่เล่นเป็น ‘หญิงสาวในฝัน’ ก็มาเช่นกัน

ตอนนี้เจียงเซ่อเป็นคนแปลกหน้า รูปร่างหน้าตาก็สวยสง่า มีหลายคนก็เริ่มพอจะเดาได้ว่าหญิงสาวที่เสี่ยวฉินพาเข้ามาก็คือ ‘หญิงสาวในฝัน’ นั่นเอง 

ผู้คนที่ยืนอยู่ ณ ตรงนั้นเริ่มพากันส่งเสียงพูดคุย เจียงเซ่อไม่ได้สนใจสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมาที่ตัวเองสักนิด สไตล์ลิสต์ที่ยืนอยู่มองเธออย่างแปลกใจ จึงถามออกไปทันที

“คุณได้เอาพวกเสื้อผ้ากับเครื่องประดับมาไหมคะ?”

เจียงเซ่อส่ายหน้า เธอยังเป็นแค่ดาราใหม่ แน่นอนว่าการที่จะมีเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับอะไรมากมายคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีของแบรนด์เนมมาเป็นสปอนเซอร์ให้กับเธอ

ยังดีที่สถานีโทรทัศน์มีพวกแบรนด์เล็กๆ น้อยๆ มาร่วมมือด้วย เลยได้จัดเสื้อผ้าเอาไว้ให้อยู่ สไตล์ลิสต์สำรวจเจียงเซ่อครู่หนึ่ง แล้วเลือกเป็นชุดกระโปรงผ้าไหมออแกนซ่าสีฟ้าอ่อนออกมา(ผ้าไหมออแกนซ่า Organza = เนื้อผ้าคล้ายผ้าซีฟองแต่แข็งกว่า) จากนั้นก็รีบพาเธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ

ชุดกระโปรงชุดนี้แบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นข้างในสีจะค่อนข้างเข้มกว่า ความยาวของมันอยู่ประมาณกลางขาอ่อน ส่วนชั้นนอกเป็นผ้าไหมออแกนซ่าเบาบางแต่มีมาตรฐาน สีอ่อนและทิ้งตัวยาวถึงข้อเท้า เสื้อที่ถูกออกแบบมาอย่างนี้ ทำให้ได้เห็นขาเรียวยาวของเธอมากขึ้น และดูไม่เชยด้วย

เสื้อด้านบนนั้นเป็นสีฟ้าที่เข้มขึ้นมาอีกนิดและปกปิดเนื้อหนังหน้าอกของหญิงสาวได้เรียบร้อย ทั้งแขนเสื้อ ปกคอ ต่างเชื่อมติดกันทั้งหมด แต่ผ้าบางๆ นั่นก็ไม่สามารถปกปิดเรือนร่างได้รูปของเธอได้เลย รวมไปถึงกระดูกไหปลาร้าและไหล่ที่ตั้งสง่าผ่าเผย

เสื้อสีอ่อนๆ มองดูเย็นสบายตาแบบนี้ช่างเหมาะกับบุคลิกท่าทางอันเย็นชาของเธอจริงๆ ถึงจะไม่ใช่ชุดที่เป็นแบรด์ดังอะไรนัก แต่พอมันมาอยู่บนตัวเธอแล้ว เสื้อตัวนี้ก็ดูดีไม่แพ้กับเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆ เลย

ตัวเธอสูงพอที่จะสวมชุดกระโปรงยาวๆ แบบนี้ได้ แต่ดูท่าเธอจะผอมไปนิด สไตล์ลิสต์จึงต้องหาเข็มกลัดมาเก็บผ้าตรงเอวคอดของเธอไว้ และนั่นก็ยิ่งทำให้ดูน่าทึ่งเข้าไปอีก

 สไตล์ลิสต์สำรวจตัวเธออีกครู่หนึ่ง ยิ่งมองก็ยิ่งพอใจ พอจัดชายกระโปรงให้เธอเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“คุณเจียง ขอถามหน่อยได้ไหมเอ่ย คุณเป็นคน ที่แสดงเป็น ‘หญิงสาวในฝัน’ ในเรื่อง ’99 Love Letter’ ใช่ไหมคะ?”

บุคลิกท่าทางของเธอมันโดดเด่นมากจริงๆ ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้แต่งหน้า ยังเป็นแค่ใบหน้าที่ยังไม่ได้แต่งเติม แต่มันก็สวยเป็นธรรมชาติเหลือเกิน ความสวยแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นที่ต้องตาต้องใจ

เพราะสไตล์ลิสต์เองก็เป็นแฟนคลับเล็กๆ ของชุยซิ่งเหมือนกัน

 “ถ้าคนที่พี่ซิ่งของฉันเห็นแล้วตกหลุมรักคือคุณ ฉันเองก็จะยอมยอมรับและยอมแพ้เลยค่ะ!”

 พวกกลุ่มของจูพ่านยังไม่มากัน ก่อนหน้านี้ที่ได้ดูหนังไป สไตล์ลิสต์เองก็มองว่าจูพ่านนั้นก็หน้าตาไม่เลวเลย แต่พอตอนนี้ได้มาเห็นเจียงเซ่อ หล่อนจึงคิดว่าถ้าเจียงเซ่อเป็นคนที่แสดง ‘หญิงสาวในฝัน’ จริงๆ ละก็ งั้นจูพ่านก็คงเทียบอะไรกับเธอไม่ได้แล้วล่ะ

 เจียงเซ่อพยักหน้า ทันใดนั้นสไตล์ลิสต์ก็เกิดหน้าแดงขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะควักมือถือขึ้นมา

“คุณเจียง ช่วยถ่ายรูปกับพวกเราหน่อยได้ไหมคะ?”

 พอหล่อนพูดจบ ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจียงเซ่อยังไม่ได้แต่งหน้าเลย ดาราผู้หญิงหลายคน ที่เวลายังไม่ได้แต่งหน้า จะไม่ยอมให้ถ่ายรูปเด็ดขาด