娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง
ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr
ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน
บทที่ 111 ความเป็นจริง
เพราะบางที ในอนาคตก็อาจจะกลายเป็นคนที่เดินสวนผ่านกันไปมา และบางที หลี่ชิงหยางก็อาจจำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นการที่เขาพลาดโอกาส ก็คือพลาดจริงๆ ในอนาคตก็จะต้องหลงเหลือความรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้มีโอกาสคบหากับเธอ ดังนั้นในตอนนั้นเขาถึงได้ดูเหม่อลอยราวกับวิญญาณหลุดลอยไปอย่างนั้น
ตอนนี้เผยอี้กระชับมือของเจียงเซ่อให้แน่นขึ้นด้วยความสุข หลี่ชิงหยางพลาดโอกาสจากรักครั้งแรกไปแล้ว แต่โชคดีเหลือเกินที่เขาไม่ได้พลาดโอกาสไป
‘หญิงสาวในฝัน’ ได้ออกฉากเพียงไม่กี่วิเท่านั้นเอง แต่กลับทิ้งผลกระทบให้คนได้รู้สึกถึงความลึกซึ้งมากมาย
ไม่ว่าจะทำให้หลี่ชิงหยางกลายเป็นคนเหม่อลอย หรือแม้แต่หลังจากนั้นที่เขาเขียนจดหมายรักแต่ละฉบับออกมา
แค่ได้เห็นด้านหลังของเธอเท่านั้น กลับทำให้รู้ถึงความในใจของหลี่ชิงหยางได้
การมีอยู่ของ ‘หญิงในฝัน’ ในหนังนั้น เหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
การแสดงของชุยซิ่งคงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ฝีมือการแสดงของจูพ่านก็ยังน่าชมเชยเหมืนเดิม แต่ในตอนที่เดินออกมาจากโรงหนังนั้น อารมณ์ในใจมันก็ยังรู้สึกหน่วงๆ อย่างบอกไม่ถูก
ตอนที่ได้ดูครั้งแรก ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งกับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ชิงหยางและจ้าวหรงที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ดีใจ ที่พวกเขาได้กลายมาเป็นครอบครัวกัน แต่พอได้ดูรอบที่สองแล้ว กลับได้อะไรหลายๆ อย่างที่แฝงไว้ในหนังเรื่องนี้มากมาย
หลังจากที่ได้ดูหนังจบจนกลับมาถึงบ้านแล้ว เวลาล่วงมากว่าตีสาม แต่ครึ่งค่อนคืนแบบนี้ เหอฉงกลับไม่มีอาการง่วงเลยสักนิดเดียว
เธอเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น เพื่อที่จะเขียนความรู้สึกลงไป
หลังจากที่หนังจบลงแล้ว เผยอี้ก็จูงมือเจียงเซ่อเดินออกมา พลางหันหน้าไปถามเธอ
“หนาวไหม?”
ในตอนที่ออกมาจากโรงหนัง ร้านรวงที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ต่างก็ปิดกันหมดแล้ว และรู้สึกหนาวขึ้นมาไม่น้อย ทำให้เผยอี้และเจียงเซ่อต้องรีบพากันเดินเข้าไปในลิฟต์เพื่อไปยังชั้นจอดรถ
เป็นเพราะว่าบัตรหนังของโรงหนังที่นี่ได้ถูกเผยอี้ซื้อเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นที่นี่จึงมีแค่เขาและเจียงเซ่อ เขาเปิดเสื้อออกเล็กน้อย จากนั้นก็ถึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
หลังจากที่เธอตอบตกลงว่าเราสองคนจะคบกันดู การกระทำหลายๆ อย่างเธอยังไม่ค่อยชินนัก แต่ก็ไม่ได้คิดจะต่อต้านอะไร
เผยอี้รู้สึกว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วอารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด เหมือนอยากจะพูดอะไรออกไปแต่ก็ไม่ได้พูด
จากประสบการณ์ที่ได้มาดูหนังในวันนี้ อาจเป็นเพราะมีคนข้างๆ เลยทำให้รู้สึกสนุกไม่น้อยเลย
ตอนที่เขาขับรถออกมาก็ยังไม่ปล่อยมือที่จับเจียงเซ่อออก คิดไปคิดมาก็ย้อนแย้งไม่น้อย
“เซ่อเซ่อ เธอหวังที่จะให้ตั๋วขายได้เท่าไหร่เหรอ?”
เธอหันหน้าไปมองเขา สายตาคู่นั้นวาววับจ้องมองไปที่เขา เพื่อรอให้เขาพูดต่อ
“จ้าวร่างบอกเอาไว้ในเน็ตนี่ ว่าถ้าบัตรวันแรกขายได้เกินร้อยล้าน เขาก็จะพาเธอไปงานโปรโมตด้วย”
ความคิดเขาตีกันไปมา ถ้าหากว่าเจียงเซ่ออยากจะเข้าสู่วงการนี้จริงๆ เผยอี้ก็รู้ดีว่างานโปรโมตนี้จะมีผลดีต่อเธอมาก
แต่พอคิดว่าหลังจากที่โปรโมตไปแล้ว เธอก็จะต้องมีคนรู้จักมากขึ้น และในอนาคตก็จะต้องมีคนมาชอบเธอมากมาย เขาก็เกิดรู้สึกหวงของของเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เธออยากจะทำยังไงเหรอ?”
เขาเอนตัวไปหาเธออีกนิด แล้วถามเธอออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“อาอี้ แต่ก่อนฉันมักจะโดนคนอื่นคอยบงการและวางแผนชีวิตให้เสมอ จะทำอะไร ต้องทำยังไง โตขึ้นมาจะเป็นอย่างไรหรือแม้แต่การเลือกเรียน ทุกอย่างมีคนคอยวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ” เจียงเซ่อหลุบตาลง รอยยิ้มเล็กๆ เผยขึ้นมา
“จนกระทั่งมีวันหนึ่งที่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ฉันก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ฉันจะเลือกไม่ใช่เรื่องที่ใครคนอื่นจะสั่งหรือรับรู้ ในอนาคตจะได้เป็นภรรยาของใคร ก็ต้องขึ้นอยู่กับการคบหา”
ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว หลังจากที่ไปส่งเจียงเซ่อเสร็จเรียบร้อย เผยอี้ก็ติดต่อหาพวกเนี่ยต้านกับพวกเฉิงหรูหนิงทันที สั่งให้พวกนั้นติดตามข่าวคราวของหนัง ’99 Love Letter’ ใน Box office เสียหน่อย “ถ้าแค่ Box office ไม่พอ ก็เพิ่มช่องทางอื่นเข้าไปด้วย”
จริงๆ พวกหนังแนวรักๆ แบบนี้ขายไม่ค่อยดีนักในประเทศ หลังจากที่เนี่ยต้านได้รับโทรศัพท์จากเผยอี้แล้ว ก็พอดีกับที่พวกเฉิงหรูหนิงดูหนังกันเสร็จและเตรียมที่จะไปดื่มสังสรรค์กันต่อ แต่พอได้รับสายจากเผยอี้แล้ว ทุกคนก็เปลี่ยนเป็นเส้นทางไปที่บ้านของเผยอี้แทน
ทุกคนต่างพากันพูดถึงหนังที่ได้ดูในวันนี้ เนี่ยต้านพูดขึ้น
“พี่อี้ พี่สะใภ้ในหนังเรื่องนี้นี่สุดยอดไปเลยนะ ผมได้ข่าวมาว่า จ้าวร่างประทับใจในตัวเธอมาก ถ้าทำให้มีแบคนิดหน่อย หนทางของพี่สะใภ้ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ”
เขาเขย่าแกว่งแก้วเหล้าสีอำพันไปมา เขาไม่ได้ดื่มมัน แค่ดมเล็กน้อย “แต่ถ้าเกิดดังขึ้นมาแล้ว ต่อไปจะกระทบกับพี่รึเปล่า?”
คุณปู่ของเผยอี้ค่อนข้างมีตำแหน่งหน้าที่ค่อนข้างสูง เขาไม่ค่อยจะสนใจคนที่อยู่ต่ำกว่าตัวเอง ถึงเผยอี้จะเป็นหลานรักของตระกูล แต่ครอบครัวของเขาก็มีแผนการไว้ให้เขาเสมอ และคงจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีอคติกับวงการบันเทิง
เผยอี้เลียริมฝีปาก เขานั่งอยู่บนโซฟา แขนทั้งสองข้างกางออกและเขาส่ายหัวอย่างมั่นใจ
“ไม่หรอก”
ก็ถ้าเกิดเป็นแค่ดาราเล็กๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่เจียงเซ่อไม่ใช่ เพราะคนที่แอบหลบซ่อนตัวอยู่ในร่างของเจียงเซ่อก็คือเฝิงหนาน ทั้งบุคลิกท่าทาง และการศึกษาต่างก็มีทุกอย่างที่หญิงสาวที่เพียบพร้อมพึงจะมี
แต่ว่า เรื่องพวกนี้ก็ยังไม่สามารถจะคุยกับพวกเนี่ยต้านได้ เขายกขาขึ้นไขว่ห้าง
“สบายใจเถอะ เซ่อเซ่อน่ะเรียนที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ถ้าเกิดดังขึ้นมาจริงๆ การเลือกที่จะแสดงอะไรเธอมีการวางแผนอยู่ในใจเสมอ และสิ่งที่เธอทำให้เธอเข้าใกล้วงการนี้อีกนิด นั่นก็คืออาจารย์โหวซีหลิ่งที่อยู่ในวงการวรรณคดีมาอย่างยาวนาน และคนที่สอนการแสดงให้เธอคือฉางยวี่หู”
และเพราะเหตุผลเหล่านั้น ก็สามารถหลุดออกจากหนังธรรมดาๆ ทั่วไปได้แล้ว “ยิ่งไปกว่านั้นคือฉันชอบ เรื่องพวกนี้ ฉันมั่นใจเลย ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอต้องกังวลแน่นอน”
ท่าท่างเขาดูมุ่งมั่นและตั้งใจมาก นี่แค่เพิ่งจะเริ่มคบกันนะเนี่ย แต่ก็วางแผนอะไรขนาดนี้แล้ว
เนี่ยต้านรู้สึกจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้น และมองเจียงเซ่อว่าเป็นคนสำคัญขึ้นมาเช่นกัน เฉิงหรูหนิงพูดขึ้นต่อ
“พูดก็พูดนะ รุ่นน้องคนนี้หน้าตาไม่เลวเลย ดาราสาวๆ ในวงการบันเทิงยังเทียบเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ”
พอเขาพูดจบ และกำลังจะรินเหล้าใส่แก้วต่อ เผยอี้ก็ยกขาขึ้นมา ถีบลงไปบนขาของเฉิงหรูหนิงจนเขาล้มคุกเข่าลงกับพื้น
ยังที่บนพื้นเป็นโซฟา เอาเข่าล้มลงไปแบบนั้นเลยไม่เจ็บอะไรนัก แต่เซี่ยงชิวจี๋ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชากลับยิ้มกว้างออกมา
“โอ้ พี่หนิง ทำไมจู่ๆ ก็อยากทำความเคารพซะล่ะ?”
เฉิงหรูหนิงโมโห หันไปหาเผยอี้อย่างไม่พอใจ
“พี่อี้ นี่ถีบผมทำไมเนี่ย?”
“รุ่นน้องเป็นชื่อที่แกไว้เรียกเหรอ?” เผยอี้มองไปที่เขาอย่างเฉยเมย แล้วเฉิงหรูหนิงก็เพิ่งรู้ตัวขึ้นมาว่าตัวเองเผลอเรียกขึ้นมาแบบนั้น เพราะเห็นปกติทุกคนก็เรียกกันแบบนั้นนี่
แต่คนๆ นี้เป็นคนที่มีความอดทนต่ำ แถมยังเป็นคนคุมทุกคนอีก ตอนนี้มาโดนเขาจับได้เฉิงหรูหนิงเองก็ไม่กล้าจะไปแย้งอะไรหรอก เขาลูบๆ ขาตัวเอง จากนั้นก็ลุกขึ้นเขยิบไปนั่งให้ห่างจากเผยอี้อีกหน่อย
“เอาเถอะ ผมผิดก็ได้”
“พี่อี้” เซี่ยงชิวจี๋ถามขึ้นมา “ยังไงซะก็จะต้องเป็นภรรยา ยังไงให้หาใครสักคน เอาเรื่องนี้ไปปล่อยในเน็ตดีไหม ถือเป็นการเรียกกระแสไง?”
“ไม่ต้องแล้ว!” เซี่ยงชิวหรานที่นั่งเขี่ยมือถืออยู่ไม่ไกลก็เงยหน้าขึ้นมา “เพราะแค่ตอนนี้บนเน็ตก็ดังจะแย่อยู่แล้ว”
’99 Love Letter’ เพิ่งจะเข้าฉายไป แต่ในเน็ตก็มีการถกเถียงพูดคุยถึงเรื่องนี้กันแล้ว มีบุคคลที่มีชื่อเสียงในอินเทอร์เน็ตหลายคนที่ออกมาเขียนวิจารณ์ถึงหนังเรื่องนี้ ทำให้มันดังกว่าเดิมอีก
“ดูนี่ดิ เป็นคอลัมน์พิเศษของนักเขียน”
เซี่ยงชิวหรานส่งลิ้งค์หน้าข่าววิจารณ์ไปให้ทุกคน พอเผยอี้เปิดขึ้นมา ชื่อไอดีคนที่เขียนบทวิจารณ์ถึงหนังเรื่องนี้ที่มีชื่อว่า ‘เหอฉวี่เหอฉง’ หล่อนตั้งหัวข้อเอาไว้ว่า ‘เปิดเผย’ เผยอี้กดเข้าไปดู ก็ได้เห็นคำวิจารณ์ที่เธอเขียนเอาไว้