webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

107

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

       ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

 

 

บทที่ 107 ผู้ชม

 

ครั้งนี้ถือว่าจ้าวร่างวางหมากได้ยิ่งใหญ่มาก ก่อนหน้านี้ที่เขาได้พูดถึงตัวเนื้อเรื่องหนังไป ก็สามารถดึงความไม่พอใจของแฟนคลับของชุยซิ่งและจูพ่านออกมาได้

แต่ตั้งแต่แรกทีมงานของ ‘99 Love Letter’ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่จ้าวร่างก็กลับตั้งใจให้สถาณการณ์มันแย่ลง และเรื่องนี้ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

ที่จริงแล้วเหอฉงเองคนรู้จักที่อยู่ในวงการบันเทิงเช่นกัน จึงรู้ว่านี่คือการโปรโมทหนังอย่างหนึ่งที่จะทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น 

แต่สำหรับเธอแล้ว ทั้งๆ ที่หนังก็มีทั้งจ้าวร่าง ชุยซิ่งและจูพ่านเป็นเครื่องยืนยันอยู่แล้ว เพราะงั้นจ้าวร่างก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะยืมมือนักแสดงเล็กๆ หรอก

แต่เขาก็ดันใช้คำพูดในหนังมาเรียกความสนใจจนได้ นั่นก็เลยทำให้เหอฉงรู้สึกไม่ดีกับเขามากพอสมควร

โดยเฉพาะตอนที่เจ้าร้างทิ้งคำพูดไว้ว่า ถ้าขายบัตรได้เกินร้อยล้าน ก็จะให้ทุกคนได้เจอกับ ‘หญิงสาวในฝัน’ คนนั้น จึงมีคนไม่น้อยที่รอหัวเราะเขาให้ได้

 

ในงานหนังรอบปฐมทัศน์แห่งนี้ นอกจากการที่เหอฉงที่มาปรากฏตัวที่งานอย่างไม่คาดคิดแล้ว ก็ถือว่าเป็นความตั้งใจของจ้าวร่างด้วย

เขาไม่ได้ปล่อยหนังเต็มๆ ออกมาให้ดู แต่แค่ตัดบางช่วงบางตอนของหนังมาเท่านั้น เป็นเพียงแค่วีดิโอสั้นๆ สี่สิบนาที

ทันทีที่หนังเริ่มขึ้น ไฟในห้องจัดงานก็ค่อยๆ มืดลง ภาพหน้าจอยังคงมืดสนิท แต่กลับมีเสียงบรรเลงของเปียโนดังขึ้นมา เป็นดนตรีที่แสนไพเราะ ท่ามกลางความมืดสลัวที่แผ่ปกคลุมเข้ามา คิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันก็ค่อยๆ คลายออกทันที

จ้าวร่างก็ยังคงเป็นจ้าวร่าง เพราะไม่ว่าเขาจะทำสิ่งที่เหอฉงไม่ชอบ แต่หนังของเขาก็ยังคงมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครอยู่ดี

เสียงของเปียโนที่ดังขึ้นมามันให้อารมณ์ราวกับหยดน้ำค้างที่แสนสะอาดในยามเช้าตรู่ ทุกวินาทีที่ได้ยินราวกับว่ากำลังได้รับการให้ที่ยิ่งใหญ่

 

คนที่มาเข้าร่วมงานแห่งนี้ต่างก็รู้กันว่า จ้าวร่างได้จ่ายเงินไปอย่างมหาศาล อีกทั้งด้วยอิทธิพลเส้นสายของเขาอีกส่วน ถึงจะสามารถเชิญให้นักดนตรีของฮ่องกงอย่างซือเจียต้งและกลุ่มนักดนตรีอื่นมาฝึกซ้อมกันถึงหลายปีกว่าจะได้มันออกมา

พอตอนนี้มาได้ฟังแล้ว ถือว่าแปลกใหม่และโดดเด่นมากๆ

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่ได้ฟังเสียงเปียโนแบบนี้ก่อนที่จะดูหนัง มันก็เหมือนกับการทานอาหารมื้อใหญ่ ที่ก่อนจะเริ่มกินจะต้องเลือกทานสิ่งทีทีรสเปรี้ยวและเผ็ดก่อน เป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกสดชื่นสบายใจ

และพอเสียงดนตรีค่อยๆ เบาลง เสียงของผู้คนที่ดูเหมือนคนกำลังเร่งรีบก็ค่อยๆ ดังขึ้น ราวกับว่าได้ตื่นออกมาจากความฝันและเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง หรือถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนคือ พอเสียงเหล่านั้นดังขึ้นมาก็มีคนไม่น้อยที่ขมวดคิ้วเข้ากัน ราวกับว่าจิตใจของคนดูทั้งหลายเริ่มที่จะโดนท่วงทำนองของหนังควบคุมเอาไว้แล้ว

 

“ขอทางหน่อยนะครับ”

เสียงของชุยซิ่งในหนังดังขึ้นมา เขาสวมเสื้อผ้าที่เก่าแสนเก่า ผมเผ้าก็ดูเชยสุดๆ ใบหน้าของเขามีความกระดากอายและตื่นเต้น

เขากำลังแบกน้ำแร่ถังหนึ่งเอาไว้ รองเท้าหนังเก่าๆ ที่เขาสวมอยู่ทำให้รู้ว่าฐานะทางครอบครัวของเขาไม่ได้ดีนัก

แต่สิ่งที่เหอฉงสังเกตเห็น คือตอนที่เขากำลังแบกถังน้ำแร่เอาไว้นั้น มือคู่นั้นของเขามันดูเรียวสวยไม่เข้ากับบนเนื้อตัวของเขาเลยสักนิด ภาพหน้าจอที่ใหญ่ขนาดนี้ ถึงแม้ว่ากล้องจะถ่ายในส่วนของมือเขาแค่แวบเดียว แต่ก็เป็นช่วงเล็กๆ ที่สามารถทำให้คนดูสังเกตเห็นมือของเขาได้

เพราะทั้งมือและเล็บของเขามันดูสะอาดสะอ้าน ในชีวิตที่ต้องวิ่งเต้นอยู่ตลอดเวลา กับการที่ต้องแบกรับความสภาพแวดล้อมที่แสนลำบากแบบนั้น เขาก็ยังพยายามที่จะดูแลมือคู่นั้นของตัวเองเสมอ ถึงแม้ว่าบนหน้าผากของเขาจะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อก็ตาม

 

หลี่ชิงหยางแบกถังน้ำแร่นั่นขึ้นไปบนตึก รปภ.ที่ยืนเฝ้าก็เปิดประตูให้เขาเข้ามา เขาค่อยๆ วางถังน้ำแร่ลง ก่อนจะถอดรองเท้าไว้ข้างนอกและจัดมันเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ พอจัดการติดตั้งถังน้ำแร่เรียบร้อยแล้วก็รับเงินสามสิบหยวนมา

ในบ้านของลูกค้าคนนี้มีเปียโนหลังหนึ่งตั้งเอาไว้ หลังจากที่เขาติดตั้งขวดน้ำเสร็จแล้ว สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่เปียโนอยู่นานแสนนานกว่าจะออกมาจากที่นั่น

วันทั้งวันของเขายุ่งอยู่กับการวิ่งวุ่นส่งน้ำไปยังที่ต่างๆ เมื่อได้รับเงินค่าบริการมาแล้วก็ต้องนำมันกลับไปให้เถ้าแก่ รับเงินค่าแรงของวันนั้นแล้วถึงจะออกมาจากที่นั่นได้ ทำแบบนั้นทุกวันจนเหมือนว่าหลังของเขาจะงอลงไปเสียแล้ว

เถ้าแก่ยังคงนั่งพูดเป็นต่อยหอยอยู่ที่ร้านไม่หยุด ในมือก็นับเงินของวันนี้ไปด้วย หลังจากที่เขาเดินออกมาจากร้าน เขาก็เดินเลี้ยวขวาไปตามถนนทันที เดินเข้าไนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านเปียโน

สีหน้าอารมณ์ของเขาทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ ในร้านนั้นเปิดไฟสว่าง ในร้านมีเปียโนหลายหลังตั้งเอาไว้อย่างสง่างาม เขายืนอยู่ข้างนอกกระจกนั่น แค่ยืนมองมันอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะหันหลังจากไป

ที่บ้านของเขายังมีแม่ที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ หลังจากที่เขากลับไปถึงแล้ว เขาก็เก็บความรู้สึกซึมเศร้าของตัวเองไว้ หยิบเงินค่าแรงในวันนี้ออกมาจนหมด

พอเหอฉงเห็นภาพนั้นแล้ว เธอก็ถูกหนังของจ้าวร่างดึงดูดเข้าไปเสียแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะแรงสั่นของมือถือที่สั่นขึ้นมาจนทำให้เธอตกใจตื่นขึ้นมา เธอก็คงจะตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของหนังจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว

หนังเพิ่งจะเริ่มแต่ก็มีจุดสำคัญเผยออกมาให้เห็นแล้ว นั่นก็คือบทหลี่ชิงหยางของชุยซิ่ง บทที่มีชีวิตอันแสนยากลำบากแต่กลับมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นเปียโน

 

ผู้ชายในฝันของเธอแสดงได้ดีจริงๆ นั้นแหละ กับคนที่มีความฝัน แต่กลับมีชีวิตที่ต้องบีบบังคับตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ในข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาในมือถือคือคำถามของแฟนคลับที่ติดตามเธอมานานคนหนึ่ง เพราะเรื่องที่เธอได้มาเข้าร่วมงานปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ นี้ เธอได้บอกเอาไว้บนเวยป๋อแล้ว ตอนนี้คงจะมีหลายคนที่ใจร้อนอยากจะรู้ถึงเนื้อเรื่องของหนัง

 

‘ฉากแผ่นหลังของหญิงสาวในฝันมาหรือยังคะ?”

ในแชทส่วนตัวของเธอเริ่มมีแฟนคลับบางคนไล่ทักมาถามแล้ว เธอตอบกลับไปว่า ‘ยัง’ แล้วจากนั้นก็หันไปให้ความสนใจกับหนังต่อทันที

 

ชีวิตของหลี่ชิงหยางไม่ได้ราบรื่นสวยงามนัก แต่ก่อนพอเขาทำงานในไซต์ก่อสร้าง แต่โชคไม่ดีเกิดอุบัติเหตุจนกลายเป็นคนพิการ จึงทำได้แค่งานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ส่วนแม่ของเขาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย

เขาชอบเปียโน และเขาก็เป็นคนที่ทีพรสวรรค์มากๆ คนหนึ่ง แม้แต่คุณครูสอนดนตรีในโรงเรียนก็ยังยินดีที่จะคอยสอนเขา

แต่ก็น่าเสียดายที่ครอบครัวเขาฐานะไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครมีความสามารถพอที่จะซื้อเปียโนให้เขาได้ฝึกซ้อมและสิ่งที่เขาชอบทำมากที่สุด ก็คือเวลาที่เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา เขาก็จะไปที่ห้างสรรพสินค้า ไปยืนอยู่ตรงหน้าร้านเปียโนขึ้นชื่อของประเทศเยอรมันเพื่อจ้องมองมัน มองดูความสวยงามไม่มีที่ติของเปียโนแต่ละหลัง ดูจนกระทั่งเกิดความหวังขึ้นมาในใจ

ส่วนจูพ่านนั้นแสดงเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าในใจของเขาคิดอะไร ทุกครั้งที่หลี่ชิงหยางทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เธอก็มักจะวาดรูปเปียโนขึ้นมา แล้วมอบให้เขา

ความสนิทสนมของชายหญิงในหนังเรื่องนี้ พวกเขาสามารถแสดงออกมาได้อย่างสมจริงและดีมากๆ เหอฉงได้เห็นภาพตอนที่ทั้งสองคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกได้ถึงความหวานที่พุ่งขึ้นมา

มีบางอย่างทำให้เกิดความหลงใหล เดินเข้าไปตรงร้านเปียโนร้านนั้น

จากตอนแรกที่ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปเพราะยังมีความลังเล แต่ก้าวถัดมามันก็เริ่มใหญ่ขึ้น พอใกล้จะถึงแล้ว เขาก็วิ่งเข้าไปทันที จนผมของเขามันลู่ตามแรงลมที่ปะทะเข้ามา

การก้าวเท้าที่แตกต่างกันไปสามแบบในคราเดียว แสดงให้เห็นได้ชัดถึงความปรารถนาที่อยู่ในใจของหลี่ชิงหยาง ผู้ชมในโถงจัดงานแห่งนี้ต่างก็อินไปกับท่าทางและอารมณ์ของเขา และในขณะเดียวกันก็เกิดความแปลกใจขึ้นมาด้วย

ในร้านเปียโนนั่นค่อยๆ มีเสียงดีดเปียโนดังออกมา มันเป็นเสียงเพลงเปียโนในทำนองเดียวกันกับตอนที่เริ่มหนังนั่นเอง หลี่ชิงหยางตะลึงงัน ฝีเท้าค่อยๆ เดินช้าลงจนมาถึงตรงหน้ากระจกใสบานใหญ่

สิ่งที่เขาทำคือหลับตาลงเพื่อฟังเสียงเปียโนนั้นอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นเพื่อมองไปยังเปียโนตัวนั้น

 

ในชั่วนาทีนั้นกล้องก็โฟกัสไปที่ใบหน้าของเขา หลี่ชิงหยางเบิกตากว้าง รูม่านตาแผ่ขยายออกเพียงเสี้ยววิก็หดกลับไปเหมือนเดิม ภาพเหล่านั้นถูกกล้องถ่ายเอาไว้หมดแล้ว