webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

098

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

 

 

บทที่ 98 คู่แสดง

 

 

ตัวเผยอี้ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าหลังจากที่เฝิงหนานกลายเป็นอีกคน แล้วจะกลายเป็นคนที่น่าเอือมระอาแบบนี้

 

เขารีบเอากล้องขึ้นมาข้างบน ดูจากสายตา อุปกรณ์กล้องพวกนี้ดูๆ แล้วก็คงหนักไม่น้อย แต่เขากลับยกมันขึ้นได้อย่างสบายๆ ในปากก็คาบเอาหนังสือคู่มือที่แม้แต่พลาสติกที่ห่อไว้ก็ยังไม่ได้แกะด้วยซ้ำมาด้วย  

ตอนที่เจียงเซ่อเห็นเขาเอาพวกอุปกรณ์ขึ้นมา เธอก็ได้แต่เหนื่อยใจและพยามยามควบคุมสติตัวเองเท่านั้น เธอยกบทหนังขึ้นมา ในระหว่างที่รอเขาติดตั้งนู้นนี่ เธอก็จดจำฉากและบทของโต้วโค้วเองไว้อีกรอบ

 

ที่จริงเธอก็อ่านเรื่องThe Occasion of Beiping มาหลายรอบแล้ว จำพูดต่างๆ ในบทได้เป็นอย่างดี

ตัวละครของโหวซีหลิ่งถือว่าเป็นตัวละครที่เสน่ห์เอามากๆ ทุกครั้งที่กลับมาอ่านอีกครั้ง ก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

 

พอเผยอี้ติดตั้งอุปกรณ์ขาตั้งกล้องและตัวกล้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลองเช็คมุมกล้องดูอีกทีเพื่อความชัวร์

ตอนที่ไอ้เซี่ยงชิวหร่านตามจีบนางแบบก็ได้ซื้อพวกของเหล่านี้ไว้เสียมากมาย แต่ก็เหมือนกับไม่ได้ใช้มันเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแผงควบคุมไฟอะไรพวกนั้นก็มีหมด แต่ก็ทิ้งเอาไว้ที่เขาแบบนี้ แถมยังทิ้งสะเปะสะปะอีกต่างหาก

เขาลองกดอัดวีดิโอดู พอแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาถึงค่อยเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เจียงเซ่อ เธอกำลังก้มหน้าอ่านบทอย่างตั้งใจ เลยไม่ได้สนใจอะไรเขานัก

 

 เผยอี้จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างอดไมได้

 

“เซ่อเซ่อ เธอพร้อมหรือยัง ถ้ายังไง ให้ฉันช่วยเธอดีไหม?”

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจพวกเรื่องการถ่ายหนังพวกเรื่องแสดงอะไรนัก แต่เขาก็แค่หวังว่าจะได้คุยกับเธอมากขึ้นเท่านั้นเอง อยากให้สายตาของเธอมองมาที่ตัวเขาบ้าง มองเขาเยอะๆ เลย

 

      พอเผยอี้พูดจบ เจียงเซ่อก็เงยหน้าขึ้นมา

ถ้าเผยอี้มาเป็นคู่ซ้อมของเธอมันก็คงจะดีไม่น้อย แต่เธอยังแปลกใจนิดหน่อย “นายไม่เคยถ่ายหนังเสียหน่อย”

 

 

“เธอสอนฉันสิ” เขาคึกคักขึ้นมา จากนั้นก็แอบเขยิบเข้าไปหาเธอแบบไม่ค่อยจะเนียนนัก “ต้องทำยังไง เธอก็คอยบอกฉันก็ได้”

 

พอเจียงเซ่อคิดไปคิดมามันก็มีเหตุผลดี ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงไม่เป็น แต่ความจริงแล้วเธอเองก็เพิ่งจะเข้าวงการบันเทิงได้ไม่นาน หนังที่ได้เล่นก็มีแค่สามเรื่อง แถมยังไม่ใช่บทที่สำคัญอะไรอีกด้วย

 

แล้วถึงยังไงเผยอี้ก็แค่มาช่วยเธอซ้อมบท เขาไม่ได้จะเข้าวงการนี้เสียหน่อย แถมไม่ได้เป็นเป็นตัวละครในหนังเรื่องนี้ จะแสดงดีหรือไม่ดีเรื่องนั้นก็คงไม่จำเป็นอะไรนัก ขอแค่เขามาช่วยอ่านบทของตัวละครอื่น เพื่อที่เธอจะได้เข้าถึงบทได้เร็วขึ้นเท่านั้น

 

พอคิดได้แบบนั้น เจียงเซ่อก็พลิกบทหนังกลับไป เธอคิดว่าจะลองซ้อมสักฉาก และแน่นอนว่ามันต้องเป็นตอนที่โต้วโค่วปรากฏตัวเป็นครั้งแรก เจียงเซ่อจึงเขยิบเข้าไปหาเผยอี้อีกนิด

 

 

“ฉากนี้นายต้องช่วยฉันแสดงเป็นคนนี้นะ” เธอชี้ไปที่ตัวละครชายตัวหนึ่ง บทของตัวละครนี้มีไม่เยอะนัก ตอนนั้นที่ไปลองออดิชั่นบทโต้วโค่วที่บริษัทซ่างเจีย ก็เคยได้แสดงกับทีมงานคนหนึ่งมาแล้ว

 

“บทพูดมีแค่ท่อนเดียว ถึงตอนนั้นนายก็แค่อ่านมันออกมาก็ได้” เธออธิบายให้เผยอี้ฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

แต่พูดอยู่นาน ในหูของเผยอี้กลับได้ยินแต่เสียงอันนุ่มนวลของเธอเท่านั้น น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ เธอกับเขานั่งใกล้กันมากๆ มีบางครั้งที่แขนของเธอมาโดนเขาด้วยซ้ำ ชั่วนาทีนั้นในหัวเขาจิตนาการขึ้นมามากมาย แถมใจมันก็ล่องลอยไปไกล

เจียงเซ่อพูดอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเผยอี้ไม่ตอบเธอเลย จึงเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าเขากำลังจ้องมาที่เธออย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ฟังที่เธอพูดบ้างหรือเปล่า

 

“นายได้ยินที่ฉันพูดไหมเนี่ย?”

 

“ได้ยินสิ ได้ยิน” เขารีบพยักหน้าทันที พร้อมกับสายตาที่รีบหลุบลงมองไปที่บทหนัง นิ้วชี้ของเธอยังอยู่บนแผ่นกระดาษอยู่เลย นิ้วที่เรียวสวยน่ามองจนเขาต้องเผลอเหม่ออีกครั้ง เจียงเซ่อเห็นแบบนั้นก็ทำท่าจะเก็บบทหนังไป

 

“ฉันซ้อมเองคนเดียวดีกว่า”

 

“ฉันช่วยเองๆ” เขารีบเอามือกดบทหนังเอาไว้ ตอนนี้ไม่กล้าแบ่งใจไปมองเธอแล้ว เขาจ้องดูบทฉากที่เจียงเซ่อชี้และอธิบายให้ฟังคร่าวๆ อย่างตั้งใจ แต่แล้วในใจก็เกิดมีแผนบางอย่างขึ้นมา

 

บทที่เธอจะให้เขาช่วยแสดงมีคำพูดไม่มากนัก ดูๆ แล้วก็แค่สองประโยคเอง

 

       พอพร้อมแล้ว เผยอี้ก็กลับไปเช็คกล้องอีกรอบว่ามันไม่มีอะไรผิดพลาด ปรับมุมเรียบร้อยแล้วเจียงเซ่อก็ให้สัญญาณทันที เขารีบยกบทขึ้นมาดูแล้วอ่านมันออกมา

 

“คุณผู้หญิงโต้วโค่ว มาดูละครหรือครับ?”

 

“ใช่ วันนี้คนที่ขึ้นแสดง คือ ‘กว่างเต๋อโหลว’ ใช่หรือไม่?”

พอเธอพูดจบ เผยอี้ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เหมือนว่าจะลืมบทไปเสียแล้ว

  เจียงเซ่อก็ไม่ได้สนใจเขา และนึกถึงบทละครแทน เธอแสดงอารมณ์ของโต้วโค่วออกมา และเดินไปนั่งโซฟาตามบท

พอแสดงฉากนี้เสร็จ เธอก็ลุกขึ้นอ้อมไปดูกล้อง เพื่อที่จะได้รู้ว่าเธอแสดงออกมาเป็นอย่างไร

เผยอี้เองก็เข้ามาช่วยเธอย้อนวีดิโอ ถึงแม้ว่าไฟในห้องจะไม่ค่อยสว่างนัก แต่ก็ดีที่กล้องของเซี่ยงชิวหรานมันถ่ายออกมาได้ดีทีเดียว ถึงแม้ว่าทั้งสองคนถ่ายในห้องที่มีไฟแบบนี้ แต่กล้องก็ถ่ายออกมาได้อย่างชัดเจน

        

 แต่สิ่งที่ทำให้เจียงเซ่อต้องตกใจ มันไม่ใช่เพราะว่าเธอแสดงออกมาได้ไม่ดี แต่เป็นสายตาเผยอี้ต่างหาก เพราะตั้งแต่จ้นจนจบคลิป สายตาของเขาก็จ้องมองมาที่เธออยู่ตลอด

 เลนส์กล้องได้ถ่ายความรู้สึกของเขาเวลาอยู่ตรงหน้าเธอเอาไว้หมดแล้ว สายตาของเขาตามมองเธอไปทุกย่างก้าว แววตาที่บ่งบอกว่าชื่นชอบมากแค่ไหนของเขาก็สื่อผ่านกล้องออกมาได้อย่างชัดเจน 

เขายังถามขึ้นมาด้วยความดีอกดีใจอีกว่า

 

“ฉันแสดงเป็นยังไงบ้าง?”

เจียงเซ่อไม่คิดเลยว่าเผยอี้ในกล้องจะเป็นแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพราว่าทุกวันก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สังเกตเขามากพอ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเผยอี้บอกว่าจะจีบเธอ แต่ในใจตอนนั้น เธอกลับคิดว่าเขาคงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ หรอก

        ถึงแม้ว่าหลังจากที่ได้เกิดใหม่และได้มาเจอกับเขาอีกครั้ง เธอก็พยายามที่จะรักษาท่าทีและนิสัยของเธอมาโดยตลอด และอีกทั้งที่เธอค่อยๆ รู้ว่าความในใจของเผยอี้ที่มีต่อเฝิงหนานมันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่เธอมีแล้ว เธอเลยไม่ได้เทความสนใจไปคิดเรื่องนั้นนัก

 

เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันรบกวนใจเธอไม่น้อย เผยอี้ที่อยู่ข้างๆ ก็ยังถามต่อ 

 

“ฉันแสดงเป็นไงบ้าง?”

 เจียงเซ่อเลยพยักหน้าส่งๆ ไป แต่นั่นก็เหมือนทำให้เขายิ่งตื่นเต้นและได้ใจเข้าไปอีก เขาชะโงกหน้าเข้ามาดูอย่างร่าเริง

“ฉันก็ว่าไม่เลวเลยนะ” จากนั้นเผยอี้ก็เร่งให้เธอซ้อมต่อ

มีเขาคอยมาช่วยส่งบท เจียงเซ่อเองก็คิดว่ามันทำให้เธอเข้าถึงบทบาทได้เร็วเหมือนกัน

 

เธอลองซ้อมถึงฉากที่โต้วโค่วได้ไปเจอกับเซียวจือในงานเลี้ยงโดยบังเอิญ ในบทที่เขียนถึงฉากๆ นี้ ตัวละครกำลังอยู่ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ทั้งบรรยากาศในงานคึกคักไม่น้อย ผู้คนทั้งดื่มทั้งเต้นรำร้องเพลงอย่างมีความสุข โต้วโค่วและอันจิ่วยวี่ก็อยู่ในงานด้วยเช่นกัน เพียงแค่เธอก้าวเท้าเข้าไปในงาน เรือนร่างและใบหน้าที่สวยหยาดเยิ้มของเธอก็สามารถเรียกผู้คนให้หันมาจดจ้องเธอได้ไม่ยาก

ทั้งๆ ที่ในงานเลี้ยงนั้นกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแท้ๆ แต่โต้วโค่วกลับไม่รู้สึกชอบความคึดคักและมีสีสันแบบนี้เลยสักนิด ในตอนที่อันจิ่วยวี่กำลังพูดคุยกับคนในงาน เธอก็แอบปลีกตัวไปอีกมุมๆ หนึ่ง และนั่นก็ทำให้เธอได้บังเอิญพบกับเซียวจือ ในตอนนั้น เขากับลังยืนคุยเรื่องราวเก่าๆ กับใครอีกคน

 

         

 เพียงแค่แวบเดียวเธอก็จำเซียวจือได้แล้ว ในชั่ววินาทีนั้นหัวใจของโต้วโค่วมันสับสนอย่างที่สุด มันคงจะเป็นความตื่นเต้นที่มาพร้อมกับความดีใจอย่างล้นพ้น เธอไม่สามรถจะควบคุมมันได้เลย

คงจะเป็นเพราะตอนที่เธอได้พบกับเซียวจือ ชีวิตของเธอก็ได้ผ่านเรื่องราวมากมายแล้ว อีกทั้งการที่เธอมาพร้อมกันกับอันจิ่วยวี่ คนทั้งงานก็คงพูดถึงเธอกันหมดแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว ว่าระหว่างเธอและเซียวจือมันห่างไกลเกินจะเอื้อม มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีก

แต่เอาจริงๆ ในตัวของเธอเองมันก็แอบมีความหวังเล็กๆ เธอค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้เซียวจือโดยไม่ให้เขารู้ตัว  แต่แล้วก็ต้องได้ยินเพื่อนเก่าของเขาถามขึ้นมา “แกยังได้ยินข่าวคราว ของโต้วชวี่เอ๋อร์บ้างหรือเปล่า?”

 

             

โต้วชวี่เอ๋อร์ มันเป็นชื่อจริงๆ ของโต้วโค่ว มันก็นานมามากแล้วที่เธอไม่ได้ยินคนอื่นเรียกชื่อตัวเองแบบนี้ พอตอนนี้มาได้ยินใครอีกคนพูดถึงเธอต่อหน้าเซียวจือขึ้นมา เธอชะงักนิ่งไป กลั้นหายใจรอคำตอบจากปากของเซียวจือ

 

          

โหวซีหลิ่งเขียนฉากนี้ได้อย่างงดงามและยอดเยี่ยมที่สุด เขาได้ใช้การอ้างถึงตำนานในราชวงศ์ถังมาบรรยาย