webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

097

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 97 สะเทือนอารมณ์

มุมปากเขายกขึ้น ก้มตัวลงเปิดตู้รองเท้าแล้วหยิบสลิปเปอร์ออกมาวาง

หลังจากที่คาดเดาไว้แล้วว่าเจียงเซ่อก็คือเฝิงหนาน เขาก็เวลาเตรียมมันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว สลิปเปอร์ที่เตรียมเอาไว้ก็เป็นไซส์ที่พอดีกับเท้าของเจียงเซ่อนั่นเอง

 

เนี่ยต้านกับพวกที่เหลือมาที่นี่แล้ว ในห้องรับแขกรกไปด้วยพวกเครื่องอุปกรณ์กล้องถ่ายรูปเต็มไปหมด กล่องก็วางทิ้งไว้คนละทิศคนละทาง กระจัดกระจายจนแทบไปมีที่ให้เหยียบเท้าเข้าไปเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ใบหน้าของเผยอี้บึ้งตึงลงในทันที

  ตอนนี้ในห้องรับแขกมีของรกเต็มไปหมด ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าต้องเป็นฝีมือของพวกเนี่ยต้านที่หวังจะเอาคืนเขา แม้แต่กล้องราคาแพงที่เซี่ยงชิวหรานซื้อมา พวกเนี่ยต้านก็เอามันไปทิ้งลงในถังขยะ แล้วแบบนี้จะให้รู้สึกใจเย็นได้ยังไง

 

เผยเข้าไปเปลี่ยนกางเกงออกมา ก่อนจะกัดฟันพูดขึ้น

 

“เธอขึ้นไปอยู่ข้างบนก่อนก็ได้ ฉันจะหากล้องก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะเอาขึ้นไปให้นะ”

 

เขาเตะของออกไปให้พ้นทางเดินแล้วดึงเจียงเซ่อขึ้นไปชั้นบน

 

ความจริงแล้วแต่ก่อนเจียงเซ่อเองก็เคยมาที่นี่ แต่ก็ไม่บ่อยนัก

ด้านบนชั้นสองนี้ นอกจากจะมีห้องนอนและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาแล้ว ยังมีห้องๆ หนึ่งที่เป็นห้องติดกระจกกันแสงบานใหญ่ล้อมเอาไว้ กับอีกห้องที่เป็นห้องหนังสือ

ที่จริงห้องหนังสือคงไม่เหมาะนักที่จะเอาพวกอุปกรณ์กล้องเข้ามา แต่แน่นอนว่าห้องนอนของเผยอี้เธอคงจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ดังนั้นชั้นสองก็คงจะมีแค่ห้องกระจกที่พอจะเข้าไปได้

 

ห้องนี้ดัดแปลงมาจากดาดฟ้าขนาดใหญ่ เฟอร์นิเจอร์เครื่องตกแต่งต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่เยอะไป ในห้องมีรั้วกั้นไว้ป้องกันอยู่ติดกับตัวกระจก มีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากไม้หวาย เป็นโต๊ะสำหรับการนั่งดื่มน้ำชามากๆ อีกทั้งยังมีพืชประดับตกแต่งเอาไว้เสียด้วย

เผยอี้ส่งเธอเสร็จก็รีบเดินลงบันไดไปทันที และเธอก็ได้เจอบางอย่างที่น่าแปลกใจ เพราะจุดที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ สามารถมองเห็นบ้านที่เธอซื้อไว้ในอดีต และห้องกระจกตรงนี้ มันก็ตรงกับห้องที่เธอเคยอยู่พอดี

เธอมองได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ ไฟในบ้านนั้นก็พลันสว่างขึ้นมา เจียงเซ่อนึกถึงที่รปภ.บอกขึ้นมาทันที ว่าคุณหนูเฝิงก็มาที่นี่เช่นกัน มือทั้งสองข้างของเธอจับราวเอาไว้แน่น

ผ้าม่านบ้านฝั่งตรงข้ามไม่ได้ถูกรูดปิดไว้ นอกจากเธอจะเห็นเฝิงหนาน เธอยังเห็นจ้าวจวินฮั่นที่เคยพบกันอีกด้วย ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องเดียวกัน เฝิงหนานยื่นมือทั้งสองข้างเข้าไปลูบลงบนร่างกายของเขา จากนั้น ก็โน้มคอเขาลง

ถึงจะพูดว่าได้เกิดใหม่แล้ว และเคยเดาเอาไว้ว่าใครบางคนในร่างของตัวเธอก็คงจะเกิดใหม่เช่นกัน แถมยังก่อเรื่องมากมายไปแล้วด้วย

แต่สิ่งที่เธอเคยคิดเอาไว้ กับสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้ พอได้เห็นร่างจริงๆ ของตัวเองในอดีต เห็นว่าร่างนั้นกำลังทำท่าท่างไม่น่าดูแบบนั้น แน่นอนว่ามันกระทบจิตใจของเธออย่างที่สุด

 

ความรู้สึกแบบนี้มันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งอยู่ในฝันร้าย ร่างทั้งร่างมันสั่นไปหมด

 

“เป็นอะไรไป?”

เสียงเรียกของเผยอี้ทำเอาเจียงเซ่อตื่นตกใจ เธอหันหน้ากลับไปมอง แต่พูดอะไรไม่ออกสักคำ

ในห้องนี้เปิดฮีตเตอร์เอาไว้ เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้ว ตอนนี้เขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตและปลดกระดุมบนออกถึงสองเม็ด ทำให้เห็นกระดูกไหปลาร้าวับๆ แวมๆ

และเขาก็เปลี่ยนกางเกงแล้วด้วย เขาเปลี่ยนมาใส่กางเกงยีนส์ และนั่นมันก็ทำให้เขาดูสูงขึ้นไปอีก พอเห็นว่าเธอมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี เขาก็รีบก้าวเข้าไปหาเธอทันที

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

เขาวางน้ำลงบนโต๊ะน้ำชาแล้วถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย

 

เจียงเซ่อไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารีบยื่นมือไปกุมมือของเธอที่อยู่บนรั้วกั้น ตัวเธอเย็นไปหมด และสั่นเสียด้วย

แทบไม่ต้องรอให้เจียงเซ่อพูดออกมา เผยอี้เองก็ได้เห็นภาพฝั่งตรงข้ามนั่นด้วยตัวเองเช่นกัน เฝิงหนานกำลังกอดจูบกับจ้าวจวินฮั่น... แค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงมีท่าทางแบบนั้น

 

ใบหน้าของเขาเผยความดุร้ายออกมา เขาหันหลังกลับหวังจะเดินออกจากห้อง แต่เจียงเซ่อเองก็สังเกตเห็นและรีบดึงเขาเอาไว้

“จะทำอะไร?”

 

“ฉันจะไปฆ่าพวกมันให้ตาย” เขากำหมัด นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกหลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศส ที่เขาได้เห็นเฝิงหนานอีกครั้ง และมาเจอเธออยู่ในสภาพแบบนั้น

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะรู้แล้วว่านั่นเป็นแค่ร่างกายภายนอกของเฝิงหนาน และนั่นก็คงไม่ใช่เฝิงหนานตัวจริงแน่ๆ

 

แต่ว่าภาพที่ได้เห็นนี่มันเกินไปจริงๆ ถึงจะรู้แล้วว่าเฝิงหนานคนนั้นจะไม่ใช่เฝิงหนานจริงๆ ก็ตาม แต่พอเห็นว่าใครบางคนกำลังใช้ร่างของเฝิงหนาน ทำเรื่องทุเรศๆ แบบนั้น ในใจเผยอี้มันก็อดไม่ได้ที่จะรังเกียจและโมโห

เธอคนนั้นแค่เป็นพวกหัวขโมยร่างของคนอื่นและทำให้ร่างนั้นเกิดความด่างพร้อย เผยอี้รู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด

หลังจากที่เจียงเซ่อเจอเรื่องที่แสนสะเทือนอารมณ์ ตอนนี้เธอก็เริ่มที่จะใจเย็นลงบ้างแล้ว

ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เธอเกิดใหม่เมื่อครึ่งปีก่อน จิตใจของเธอก็เริ่มที่จะรับเรื่องราวต่างๆ ได้แล้ว และระหว่างเธอกับเฝิงหนาน คงไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป

 

ในสายตาของเฝิงหนาน เธออาจจะคิดว่าร่างกายร่างนั้นเป็นของเธอแล้ว เธออยากจะทำอะไร มันก็เป็นสิ่งที่เธอเลือกและกำหนดเองได้

แต่ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะพยายามคิดหาเหตุผลแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่สามารถที่จะทำใจให้เย็นกับเรื่องที่เฝิงหนานไปสนิทแนบชิดกับจ้าวจวินฮั่นขนาดนั้น มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ เธอถึงได้ใจลอยและไม่มีสติอยู่แบบนี้

 

มือของเผยอี้กำแน่นจนกระดูกลั่น เธอปล่อยมือออก ก่อนจะรีบค้ำตัวนั่งลงบนโซฟาหวาย และไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ใบหน้าของเธอซีดขาว เผยอี้ที่กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ พอเห็นว่าเธอเป็นแบบนั้น ความกังวลห่วงใยก็เข้ามาแทนที่ความเดือดดาลที่มี

ในตอนที่เผยอี้กำลังโกรธแทบบ้า ในใจของเจียงเซ่อมันก็กำลังรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด เขารีบดึงม่านปิด เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เข้ารีบหันไปคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงเซ่อ แล้วพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

 

“รอฉันแป๊บนึงนะ” เขายื่นมือออกไปแล้วลูบผมเธอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก เหมือนว่ากำลังจะโทรคุยกับใครบางคน เพียงครู่เดียวก็กลับมาแล้ว

 

“ดีขึ้นรึยัง?”

 

เขาเองก็นั่งลง แล้วเอียงตัวไปหาเธอ “ฉันจะเรียกหมอมาให้”

“ไม่ต้องหรอก” เจียงเซ่อส่ายหน้า เธอเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันคงทำใจไม่ได้ง่ายๆ แต่อย่างไรเสีย ก่อนหน้าที่เธอจะมาเกิดใหม่ ยังไงตระกูลเฝิงก็จะต้องทำให้เธอไปใกล้ชิดกับจ้าวจวินฮั่นอยู่แล้ว

 

เธอเกิดใหม่มาได้นานพอสมควร ไม่แน่ว่าตอนนี้ทั้งเฝิงหนานและจ้าวจวินฮั่นก็อาจจะมีการมั่นหมายเกี่ยวดองกันแล้วก็ได้ และการที่ทั้งสองจะสนิทแนบชิดกันขนาดนั้นก็คงไม่แปลก

 

เจียงเซ่อพยายามปรับอารมณ์ตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่ามันยากที่จะยอมรับ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

เผยอี้ก้มตัวไปหยิบขวดน้ำมา เปิดฝาแล้วส่งให้เธอ

เธอรับมันไปพร้อมกับขอบคุณ ปลายนิ้วของเธอยังเย็นอยู่ไม่น้อย แล้วน้ำขวดนั้นก็เพิ่งเอามาจากตู้เย็นเหมือนกัน เขารู้สึกแย่ขึ้นมาที่ตัวเองไม่ยอมคิดให้ดีๆ ก่อน

 

ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่ห้องนี้มานานแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดที่จะใส่ใจใยที่นี่เลย ในตู้เย็นนอกจากน้ำเปล่ากับเหล้าก็ไม่มีอะไรอีก ตอนเขาเปิดออกมาก็ไม่มีอะไรให้กินสักอย่าง

ในห้องครัวมีอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม แต่กลับไม่เคยใช้มันเลยสักชิ้น แล้วส่วนมากที่เดินเข้าไปในห้องครัวก็เพื่อไปเอาแก้วเหล้าเท่านั้นเอง

หรือบางครั้งที่พวกเนี่ยต้านมา พวกมันก็หอบของกินมากันเอง พวกเช้าอีกวันก็มีคนมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย

 

เพราะมันเป็นแบบนั้น พอเขาพาเจียงเซ่อมาที่บ้านก็เลยไม่มีอะไรให้เธอกินสักอย่าง

 

“กี่โมงแล้ว?”

เจียงเซ่อถามขึ้นมา ภาพที่เจอเมื่อกี้มันทำให้เธอไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ตอนนี้เธอเลยคิดว่าจะงดซ้อมแล้วกลับก่อนดีกว่า ไว้วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้

 

แต่เหมือนเผยอี้จะอ่านใจเธอออก พอเห็นว่าเธอมีท่าทีว่าอยากกลับ เขาก็เกิดลนลานขึ้นมาทันที

 

“ยังเช้าอยู่เลย ฉันหากล้องเจอแล้วนะ เดี๋ยวเอาขึ้นมาให้ เธอรีบท่องจำบทไปก่อน ยังไงก็ถือโอกาสให้ฉันช่วยเธอก็ได้นะ” พอเขาพูดจบก็ไม่รอให้เธอได้ปฏิเสธ รีบวิ่งปึงปังลงบันไดไปข้างล่างทันที

เขารู้ว่าเรื่องที่เธอเจอเมื่อกี้มันสะเทือนใจไม่น้อย ที่จริงเขาเองก็โกรธแทบบ้า แต่เขาก็จัดการโทรหาใครบางคน ไม่นานสองคนนั้นก็คงจะออกไปแล้ว