webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

096

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 96 ขีดความอดทน

รอยยิ้มของรปภ.คนนั้นค่อยๆ เจื่อนไปทันทีที่กระจกค่อยๆ ลดลงจนเห็นใบหน้าของเจียงเซ่อ สวยมาก สวยมากจริงๆ แต่ดูไม่คุ้นตาเลย

การที่จะเขามาเข้าเวรที่นี่ ก็ถือว่าต้องมีความจำที่ดีไม่น้อย เขาจำได้แม่นเลยว่านี่คือรถของเผยอี้ แถมป้ายทะเบียน 666 แบบนี้ คงไม่มีใครจะผิดแน่ๆ

“คุณหนูเฝิง?”

เจียงเซ่อถามออกไป รปภ.คนนั้นพยักหน้า

เขาเห็นแล้วว่าตรงที่นั่งคนขับมีคนนั่งอยู่ แต่หญิงสาวคนนี้กำลังชะโงกตัวข้ามที่นั่งมา มือข้างหนึ่งค้ำไว้บนไหล่ของเผยอี้ ส่วนอีกข้างก็ค้ำลงกับประตูรถ ท่าทางของเธอดูจริงจังไม่น้อย

ถึงแม้ว่าคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับจะโดนเธอบังเอาไว้ และทำให้เห็นได้ไม่ชัดนัก แต่พอเห็นเรือนผมสีทองนั่นแวบๆ ก็เดาได้ว่าคงเป็นเผยอี้แน่ๆ

จากตอนแรกที่หวังจะมาหาความดีความชอบ แต่รปภ.คนนั้นก็ต้องหน้าเจื่อนไป

เขาเดาว่าตัวเองคงจะทำให้เสียเรื่องแน่ๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าเผยอี้กำลังพาหญิงสาวเข้าบ้าน แต่เขาดันมาพูดถึงคุณหนูเฝิงขึ้นมา เลยอาจจะไปทำให้หญิงสาวคนนี้เกิดความหึงหวงขึ้นมา

ใบหน้าของเผยอี้ถูกบดบังเอาไว้ เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาโมโหหรือเปล่า

รปภ.คนนั้นเกิดอาการหวาดๆ ขึ้นมาทันที แต่เจียงเซ่อก็ถามขึ้นก่อน

“คุณหนูเฝิงคนไหน?”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าควรจะพูดหรือไม่ควรพูดออกไป

รปภ.คนนั้นรู้สึกเสียดายอย่างมากที่ตัวเองไม่ยอมดูในรถให้ดีๆ ก่อนที่จะวิ่งมาขนาดนี้ พอมาโดนเจียงเซ่อถาม แม้แต่เผยอี้ที่อยู่ในรถก็ไม่ได้ห้ามอะไรออกมา ชายหนุ่มที่สวมชุดเครื่องแบบก็หัวเราะออกมาสองที

“เธอเป็นเจ้าของบ้านที่นี่เหมือนกันน่ะครับ เป็นเพื่อนบ้านของนายน้อยเผย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ พวกเราไม่สามารถเปิดเผยได้ครับ”

ตอนที่เจียงเซ่อกำลังคุยกับรปภ. เผยอี้ที่โดนค้ำอยู่ใจเต้นเร็วแรง ราวกับว่ามันจะเด้งออกมาให้ได้

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวทำให้จิตใจของเขาเริ่มจะไม่แข็งแรงเสียแล้ว ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้แตะตัวเขาเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าชาไปทั้งร่างกาย สติมันกระจายไปหมดแล้ว

เส้นผมของเธอลู่ตกลงข้างแก้ม เส้นผมที่แสนอ่อนนุ่มทว่าเย็นเยือก ความรู้สึกหวั่นไหวแบบนั้นทำเอาหลังเขากระตุกไปหมด และในเสี้ยวนาที่นั้นสติของเขาก็แทบกระจายหายไปหมด

เอวเล็กคอดแบบนั้น ให้เขาจับมือเดียวก็ยังได้เลย ตอนนี้แม้แต่ความคิดที่กลัวเธอจะโกรธก็ไม่เหลือแล้ว เขารู้สึกเหมือนโดนปลุกปั่น อยากจะยกมือขึ้นไปแตะเธอ แต่แขนมันก็ไม่ยอมฟังกันเลย

หูของเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังตึกตัก แถมยังเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจหอบถี่ขึ้น แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอจะได้ยินมันรึเปล่า

เพราะตอนนี้ความสนใจของเจียงเซ่อพุ่งไปที่เฝิงหนาน เธอเลยไม่ทันได้รู้สึกหรือสังเกตว่าเผยอี้มีอะไรแปลกๆ ไป หลังจากที่ได้ยินจากรปภ.ว่าหญิงสาวแซ่เฝิงก็เป็นเจ้าของบ้านที่นี่เหมือนกัน แถมยังเป็นเพื่อนบ้านของเผยอี้อีกต่างหาก ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองเดาถูกแล้ว

หรือพูดได้ว่า สิบห้านาทีก่อนหน้านี้ เฝิงหนานเองก็มาที่นี่เช่นกัน และเธอก็อยู่ข้างๆ บ้านของเผยอี้นี่เอง

มือคู่หนึ่งที่สั่นแล้วสั่นอีกค่อยๆ แอบยื่นออกมา มือคู่นั้นโอบเข้าที่เอวเล็กคอดของเธอ ไม่กล้าแม้แต่จะออกแรง เธอยังคงขมวดคิ้ว และคิดพิจารณาบางอย่างอย่างตั้งใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังแอบทำอะไร

พอรปภ.เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพ้นโทษแล้วก็เดินกลับไปประจำตำแหน่งตามหน้าที่เหมือนเดิม แต่เผยอี้ก็ยังไม่ได้ออกรถไปไหน

เขาแค่โอบเธอเอาไว้ แต่แค่นี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นและหวั่นไหวแทบบ้า เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ

การที่ได้โอบเธอแบบนี้ แต่ก่อนก็เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น เพราะเห็นว่าเธอกำลังขมวดคิ้วและคิดบางอย่างอย่างจริงจัง เขาเลยไม่คิดจะไปเรียกเธอ เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้ว เธอจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรและคงไม่ยอมมาด้วยอีกแน่ๆ

เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆ เธอ แล้วสูดหายใจลึกๆ ที่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็พูดขึ้นมา

“อาอี้ นายว่า......”

ยิ่งเธอพูดขึ้นมาแบบนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าขอบตาตัวเองมันร้อนขึ้นกว่าเดิม

หลังจากที่ได้รู้ว่าเจียงเซ่ออาจจะเป็นเฝิงหนานจริงๆ และไม่ว่าเขาจะพยายามทำตัวสนิทใกล้ชิดกับเธอแค่ไหน แต่เธอก็มักจะรักษาระยะห่างอยู่เสมอ อีกทั้งคอยระแวดระวังและเตรียมป้องกันตัวเองอยู่ตลอด ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวมากว่าความจริงมันจะรั่วไหลออกมา

เธอเรียกชื่อเขาไม่บ่อยนัก หรือเวลาเรียกก็มักจะเรียกทั้งชื่อทั้งนามสกุล

แต่ตอนนี้เธอจู่ๆ เธอก็เรียกขึ้นมา และเรียกเขาว่าอาอี้เหมือนแต่ก่อนด้วย

หลังจากที่เจียงเซ่อเรียกออกมาแล้ว เหมือนเธอเองก็รู้ตัว แล้วรีบหยุดพูดไปทันที และพอเห็นว่าตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในท่าทางที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดไปหน่อย เธอจึงรีบยันตัวเองกลับไปนั่งที่เดิม แต่เผยอี้กลับกลัวว่าสิ่งล้ำค่าจะหลุดออกจากมือไป สองมือของเขาก็รีบโอบรัดแน่นขึ้น จนทำให้เธอต้องตกลงมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา

ร่างกายของเธอมันนุ่มนิ่มกว่าเขามาก นิ่มนวลสมกับเป็นผู้หญิง นุ่มจนแนบติดกับแผ่นอกของเขา

“อย่ากวน” เจียงเซ่อตีเข้าที่แผ่นอกของเขา แม้แต่นิ้วเรียวสวยนั้นยังมีกลิ่นหอมๆ เลย ทำเอาเผยอี้จิตใจปั่นป่วนไปหมด จนตัวเองเองต้องรีบดันเธอให้ไปนั่งที่เดิมให้เรียบร้อย ก่อนที่ตัวเองจะหันไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที

ประตูถูกปิดเสียงดัง ’ปึ้ง’ ด้วยแรงผลัก เขาเอาตัวพิงรถ แล้วก็เอาแต่ยิ้มโง่ๆ จ้องมองมือทั้งสองข้างของตัวเองอยู่แบบนั้น

เขารู้สึกว่าตัวเองนี่โง่จริงๆ เพราะเขามันเอาแต่กังวลและกลัวเกิดไปที่จะทำอะไรแบบนี้ กลัวว่าตัวเองจะดูไม่ดีในสายตาเธอ

การกระทำมุทะลุเมื่อกี้นี้ เจียงเซ่อไม่ได้โกรธเขาเลย ทำให้เขาได้ค้นพบว่าตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่เขาไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆตัวเองได้เปรียบอีกฝ่ายอยู่เสมอ

และอาจจะเป็นเพราะว่าในใจของเฝิงหนานในแต่ก่อน เขาก็เหมือนเป็นแค่น้องชายคนหนึ่ง และในใจของเธอ เขาก็คงเป็นคนๆ หนึ่งที่สนิทชิดใกล้กับเธอมาก

ดังนั้นในตอนที่เขาไปเกลี่ยผมให้เธอ เธอก็ไม่หลีกหนี หรือแม้แต่ตอนที่จับมือเธอ เธอก็ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ชินแล้ว

แล้ววันนี้เขาก็ดันมากอดเธอเอาไว้อีก ตอนนั้นเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย แต่เธอก็ไม่ได้โกรธหรือต่อว่าเขาเลยแม้แต่น้อย เธอก็แค่ดุเขาให้ปล่อย แค่บอกกับเขาว่า “อย่ากวน”

ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงได้โง่ขนาดนี้นะ ถ้าเกิดตอนนั้นเขามีความกล้าอีกสักนิด เธอก็อาจจะเป็นของเขาไปตั้งนานแล้วใช่ไหมล่ะ?

ตอนนี้เผยอี้รู้สึกเสียดายทุกอย่างในตอนนั้น แต่ก็ดีใจที่เธอได้มาเกิดใหม่อีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน ทำให้เขาได้หลุดออกมาจากกรอบ และค้นพบว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไป

เขากลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง และเจียงเซ่อเองก็มัดผมใหม่เรียบร้อยพอดี แถมยังนั่งตัวตรงนิ่งๆ คาดเข็มขัดเสียเรียบร้อย ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรไม่มีสติเพราแค่ได้ยินคนพูดถึงเฝิงหนานขึ้นมา

เธอไม่ได้ถามว่าทำไปเมื่อกี้เผยอี้ถึงลงไปจากรถอย่างกะทันหันแบบนั้น และนั่นก็ทำให้เผยอี้รู้สึกโล่งใจไม่น้อย แต่ก็รู้สึกน้อยใจด้วย

พอรถเคลื่อนตัวมาจอดในโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งเหยาะๆ อ้อมมาเปิดประตูให้เธอ ทำใจกล้ายื่นมือไปโอบเอวเธอ แต่สุดท้ายก็โดนสะบัดออก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เปลี่ยนเป้าหมายไปจับมือแทน และครั้งนี้เธอก็ไม่ปัดป้องแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่แต่ก่อนเผยอี้อยากจะทำมากแต่ไม่กล้า เท้าทั้งสองข้างของเขาเหมือนมันไม่มีแรงเดินเลย ราวกับว่าตัวเองกำลังลอย ถึงขนาดเดินเข้ามาในลิฟต์แล้วก็ยังไม่รู้ตัวอีก

ในบรรดาอสังหาริมทรัพย์ในนามของเผยอี้ บ้านที่นี่อาจจะไม่ใช่ห้องที่ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่การรักษาความปลอดภัยและระบบของที่นี่ก็ถือว่าดีมาก

เขายื่นมือไปใช้ลายนิ้วมือปลดล็อคลิฟต์ แล้วกดที่ชั้นสอง ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ไฟหน้าห้องก็เปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

หน้าประตูมีตู้รองเท้า ตู้พวกนั้นเป็นตู้ที่แม่ของเขาหาคนมาออกแบบไว้ให้เลยทีเดียว มันเป็นสีขาวเหมือนเม็ดข้าว ด้านบนของตู้เป็นหินอ่อนทั้งแผ่น เขาสังเกตเห็น ว่าเจียงเซ่อเธอเอากระเป๋าวางไว้บนนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ จุดเดียวกับที่เฝิงหนานเอาไว้ตรงนั้นเป็นประจำ

ถึงแม้ว่าเฝิงหนานจะมาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่เธอมา สายตาเขาก็มักจะจับจ้องไปที่เธออยู่เสมอ เขารู้และจดจำทุกการกระทำของเธอได้อย่างแม่นยำ