webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

092

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 92 ปฏิเสธ

เผยอี้ค้นพบว่าช่วงที่เขาไม่ได้เจอเธอมานานนี้ เฝิงหนานเปลี่ยนไปมาก

ตอนที่เธอขึ้นเวทีแสดงเป็นขอทานและพูดบทกับนักแสดง เขานั่งอยู่ข้างล่างเวที มองดูเธอเล่นละครกับเด็กสาวอีกคน แทบจะละสายตาไปไหนไม่ได้เลย

เขานึกถึงเฝิงหนานที่อยู่ในความทรงจำ นึกถึงเจียงเซ่อที่โดนเหยาเสียงคอยตามรังควานที่โรงแรมรุ่ยจี๋ และได้เห็นเจียงเซ่อทำท่าทำทางบนเวที แสดงเป็นหญิงสาวขอทานคนหนึ่งที่กำลังหิวโซ และคิดถึงตอนที่เขาถามเธอว่าทำไมอยากจะเข้าวงการบันเทิง เธอยิ้มกลับมาและตอบว่าไม่มีเงิน นั่นมันทำให้เขารู้สึกแย่มากจริงๆ

ในข้อมูลที่หามา เจียงเซ่อเกิดก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายอะไรนัก เธอเป็นลูกเลี้ยงของครอบครัวตู้ ในทุกวันที่อยู่ในบ้านครอบครัวนั้นก็ใช่ว่าจะผ่านไปด้วยดี

และหลังจากที่ผู้ดูแลโรงละครเวทีแห่งนี้รู้ว่าเจียงเซ่อแค่มาฝึกการแสดง เขาก็สามารถเข้าใจได้ถึงเจตนาของฉางยวี่หูทันที หลังจากที่ให้เจียงเซ่อลองแสดงเป็นขอทานดูแล้ว เขาก็ยังเอาบทอื่นๆ ในเรื่องให้เธอแสดงอีกด้วย

การซ้อมละครดำเนินมาถึงตอนประมานหกโมงเย็น และนักแสดงทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป

ตอนที่เจียงเซ่อเดินลงมาจากเวที เผยอี้ก็ยังนั่งรออยู่ที่ข้างล่างเวทีนั่น ดูท่าทางเหม่อลอยไม่น้อย

เขาดูใจลอย ราวกับว่าได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง นั่งอยู่ตรงนี้มาถึงสามชั่วโมง เขาคงจะเบื่อและไม่พอใจไม่น้อย

“ถ้าจะรอแล้วเบื่อแบบนี้ นายก็น่าจะกลับไปก่อนนะ”

เจียงเซ่อหยิบเสื้อคลุมตัวเองมาพาดบ่า หน้าผากของเธอชื้นเหงื่อไม่น้อย

เผยอี้เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าจากตัวเธอมา จริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่เอาใจและจะดูแลขนาดนี้ แต่พอนึกถึงตอนที่ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน เจียงเซ่อหยิบกระเป๋าจะหนีไปตั้งสองรอบแน่ะ

“ไม่เบื่อหรอก......” เขาเปลี่ยนเป็นถือหูกระเป๋าแทน ในใจรู้สึกแย่นิดหน่อย เพราะเขาไม่อยากให้เธอต้องลำบาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

“ไปกันเถอะ”

เขารออยู่นาน และตอนนี้ก็ยังไม่มีแพลนที่จะแยกกับเธอ เจียงเซ่อมองเขาที่กำลังก้มหน้าลง แววตาก็ดูไม่ค่อยสดใสเลย แล้วก็ดูไม่ค่อยร่าเริงด้วย

“เป็นอะไรไป?”

ทั้งสองคนเดินเข้ามาในลานจอดรถ เจียงเซ่อดึงหนังยางมัดผมที่เริ่มหลวมออก แล้วสางผมเบาๆ พอหันไปก็พบว่าเผยอี้กำลังมองเธออยู่

แววตาของเขาดูมึนๆ ตอนนี้เขาจ้องจนเธอเริ่มจะกลัวเสียแล้ว

เผยอี้เองก็รู้สึกอึดอัดเพราะมีเรื่องที่อยากพูดอยู่ในใจ เงียบอยู่นานถึงได้พูดออกมา

“เธอจะมาที่นี่อีกไหม? ฉันรู้สึกว่าพวกเขาไม่ค่อยดีกับเธอเลย”

เธอแค่มาซ้อม ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาแย่งบทละครของพวกเขาเสียหน่อย แต่มันก็ยังไม่ได้ถึงวันงานจริงๆ นี่ ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริงรึเปล่า

และเพราะเวินกังที่เป็นคนดูแลการซ้อมละครก็ได้เปลี่ยนบทให้เธอลองเล่นไปเรื่อยๆ ด้วย และคนเหล่านั้นที่โดนเปลี่ยนบทให้เธอแสดงก็อดไม่ได้ที่จะระแวงเธออยู่ในใจ ตอนที่เป็นช่วงพักซ้อม พวกกลุ่มนักแสดงก็พากันไปนั่งอยู่อีกฝาก ส่วนเธอก็ถือบทละครมานั่งอีกฝากคนเดียว เหมือนตั้งใจจะกันเธอออกไป

พอเขาเห็นภาพแบบนั้นแล้ว ในใจมันก็ร้อนรุ่มและกระวนกระวายไปหมด มีแวบหนึ่งที่เขาตัดสินใจขึ้นมาอย่างเด็ดขาดว่า จะทำทุกอย่างให้เธอได้กลายเป็นนางเอกซะเลย แล้วถีบคนพวกนั้นออกจากโรงละครเสียให้หมด แต่อีกใจมันก็กลัวว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วเธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ

ตลอดช่วงบ่ายเขาคอยดูเธอแสดงไปเรื่อยๆ ดูจนใจเขาวุ่นวายไปหมด

“ฉันรับเล่นหนังของบริษัทซ่างเจียเอาไว้เรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง The Occasion of Beiping ที่โหวซี่หลิ่งเป็นคนเขียนบท แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยแสดงหนังมาก่อน ฝีมือการแสดงเลยยังไม่ค่อยดี อาจารย์โหวเลยวานให้อาจารย์ฉางมาช่วยสอนฉันน่ะ”

เพราะเจียงเซ่อรู้ว่าที่เผยอี้พูดหมายถึงอะไร เธอเลยอธิบายออกไป

“อาจารย์ฉางสั่งให้ฉันมาลองแสดงที่โรงละครซักระยะหนึ่ง ถือว่าเป็นการทดสอบฉันไปในตัวด้วย แน่นอนว่าฉันต้องมาที่นี่อีก”

เธอยกมือขึ้นไปรวบผมใหม่อีกครั้ง แต่แล้วมือถือเธอก็ดังขึ้นมา

เจียงเซ่อปล่อยมือออกจากผมจนมันตกลงเคลียบ่าอีกครั้ง

เธอหันหน้ามองหากระเป๋าของตัวเอง เผยอี้จึงรีบยื่นกระเป๋าให้เธอไป เธอก็เพิ่งนึกได้ว่าตอนที่เดินออกมาจากโรงละคร กระเป๋าของเธอก็ถูกยึดไปตั้งแต่แรกแล้ว

เธอรีบล้วงมือถือออกมา พอเผยอี้เห็นเจียงเซ่อหยิบมือถือเก่าๆ ออกมาแบบนั้น มือของเขาก็กำแน่นกว่าเดิม

เป็นทีมงานของกองถ่ายหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ นี่เอง เขาบอกว่าหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ จะเข้าฉายในเดือนมกราคมนี้ ที่โทรมาก็เพื่อเตือนเธอ ว่าช่วงการโปรโมทหนังอาจจะต้องเลื่อนเข้ามาอีก ไม่เป็นเดือนพฤศจิกา ก็ธันวา และอาจจะเชิญเธอไปร่วมโปรโมทหนังด้วย

เธอเอียงคอเล็กน้อย ดูตั้งใจในการฟังคนปลายสายพูด ในรถก็ไม่ได้กว้างอะไร และดูเหมือนว่ากลิ่นหอมๆ จากตัวเธอมันจะฟุ้งกระจายไปทั่วจนเผยอี้ได้กลิ่นอย่างชัดเจน

เขาจ้องมองไปที่แก้มขาวๆ ของเธอ ภายใต้แสงไฟสลัวในรถ ดวงตาของเธอหรี่ลง ขนตายาวงอนสวย กะพริบขึ้นลงเป็นจังหวะ

เส้นผมที่ยังไม่ถูกมัดขึ้นค่อยๆ ตกลงเคลียหน้าอกของเธอ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ มันดัง ตึกๆๆ มันกลบเสียงอ่อนโยนของเธอที่กำลังพูดคุยกับปลายสายได้เลย

พอนิ้วของเขาสัมผัสได้ถึงเส้นผมเย็นๆ ของเจียงเซ่อ และเธอก็ไม่ได้ปัดป้องหรือหลบการกระทำนั้นของเขาเลย

ในชั่ววินาที่นั้น หัวใจของเผยอี้มันวุ่นวายไปหมด

เขารู้ว่าเจียงเซ่อเป็นใคร และเจียงเซ่อเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาคือใคร ทั้งคู่ต่างก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมา

ตอนที่ตัวเองสัมผัสโดนเธอ เธอก็ไม่ได้หลีกหนี นี่มันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า จริงๆ แล้วในใจของเธอ นั้น ไมได้คิดที่จะปฏิเสธเขาอยู่แล้ว

แต่ทว่าแต่ก่อนเขากลับไม่มีความกล้าที่จะทำแบบนี้ แม้แต่ลองสักครั้งก็ไม่เคย

ถ้าหากแต่ก่อนเขากล้ากว่านี้หน่อย ไม่แน่ว่าเฝิงหนานอาจจะเป็นของเขาไปตั้งนานแล้วก็ได้

เขาชักมือกลับมา นิ้วมือมันสั่นไปหมด แต่การกระทำเล็กๆ ที่แสนจะสนิทสนมแบบนี้ มันก็ผ่านการพิจารณาของเขามาแล้ว

เธอวางสายไป ไม่ได้สังเกตถึงการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเผยอี้ แต่รู้สึกแค่ว่าเขาดูแปลกๆ ไป เธอเก็บมือถือลงในกระเป๋า แล้วถามออกไป

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาส่ายหัว แล้วหันไปพยายามจะสตาร์ทรถอย่างลนๆ แต่มือเขาก็สั่นแรงมาก กี่ครั้งๆ ก็กดปุ่มสตาร์ทรถไม่ได้สักที เหมือนกับเพิ่งทำเรื่องไม่ดีมาแล้วไม่กล้ามองหน้าเธออย่างนั้น

เจียงเซ่อสางผมอยู่สองสามรอบ เขาก็หันมาถามเธอ

“คนที่โทรมามีธุระอะไรกับเธอหรอ?”

เพิ่งจะผ่านมาครึ่งปีเอง แต่รอบๆ ตัวเธอก็มีคนมากมายที่เขาไม่รู้จักเสียแล้ว และนั่นถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งของเขาเลย

วงการบันเทิงเป็นวงการที่ไม่น่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเท่าไหร่ แต่ก่อนเธอเป็นคนที่อ่อนโยนและงดงามเสมอ มันง่ายมากที่จะมีคนมาชอบเธอ แต่ตอนนี้สวยกว่าเดิมอีก 

ง่ายเหลือเกินที่จะทำให้ผู้คนเข้ามาหลงใหลและจ้องตาเธอเป็นมัน

“อืม หนังเรื่องหนึ่งที่ฉันแสดงไปจะเข้าฉายแล้ว ทางทีมงานเลยโทรมาขอให้ช่วยโปรโมทน่ะ”

พอเจียงเซ่อพูดจบก็พิงหัวลงกับเบาะนั่ง แล้วผินหน้ามามองเขา “ตอนค่ำมีธุระอะไรรึเปล่า? ฉันจะเลี้ยงข้าวนาย”

ตอนเที่ยงเขาเลี้ยงข้าวเธอไป แถมยังนั่งรอเธอตั้งนาน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะพูดว่าจะจีบเธอ จะทำเอาเธอปวดหัวไม่น้อย แต่ว่าแต่ก่อนเธอกับเขาก็สนิทกันมากๆ หลังจากที่เจียงเซ่อมาเกิดใหม่แล้วมีโอกาสได้ทานข้าวกับเขาอีกครั้งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากๆ แล้ว

แน่นอนว่าเผยอี้ไม่มีทางที่จะปฏิเสธเธออยู่แล้ว แต่พอคิดว่าทุกวันนี้เธอมีปัญหาเรื่องเงิน เขาจึงต้องจำใจปฏิเสธออกไป

“ยังไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่น่ะ”

พอพูดออกไปแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย “หรือว่าให้ฉันเลี้ยงดี”