webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

090

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 90 ตามจีบ

เจียงเซ่อไม่ทันได้รู้ตัวเลย ว่าตอนที่เผยอี้เห็นการกระทำของเธอดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา และเขาก็เลือกที่จะนั่งลงตรงข้ามเธอ ที่มีเพียงโต๊ะกั้นเท่านั้น

ขาของเจียงเซ่อยาว เขาเองก็ขายาวมาก เขาสูงเกือบจะร้อยเก้าสิบเซ็นแล้วด้วยซ้ำ พอนั่งลง เข่าก็ไปโดนเธอพอดี

เธอตกใจจนรีบชักขาหนี ใต้โต๊ะไม่ได้กว้างอะไรนัก เขาเองก็เหมือนอยากจะชักขาหลบเหมือนกัน แต่ก็กลับงอไปโดนน่องของเธอเสียได้

ถึงจะมีผ้ากาเกงกั้น แต่เธอกลับยังสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่ขาเขาได้ ทั้งแข็งแรงและมีพละกำลัง แตกต่างกับเธอลิบลับ

เจียงเซ่อนิ่งไม่ขยับตัวอีก เผยอี้เองก็ชักขากลับ ถึงจะเคยโดนตัวกันแบบไม่ได้ตั้งใจมาแล้ว แต่มันก็ทำให้เขาใจเต้นได้ทุกครั้ง เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องไปที่เจียงเซ่อ

“จะเอาเหมือนเดิมเลยไหม?”

แต่ก่อนที่เคยมาสองคนบ่อยๆ ตอนที่เขาสั่งอาหาร ก็มักจะถามแบบนี้ออกมาเป็นประจำ

พอตอนนี้ได้ยินเขาถามแบบนั้น เธอเผลอพยักหน้าไปอย่างไม่รู้ตัว

แต่พอพยักหน้าไปแล้ว ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมา และรีบหยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ เธอเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก พอกำลังจะถามเขา เผยอี้ก็ดันยิ้มขึ้นมา

“อ่า ถามผิดน่ะ แต่ก่อนฉันมาที่นี่กับเพื่อนอีกคนบ่อยๆ เลยเผลอคิดว่าเธอเป็นเธอคนนั้น”

เจียงเซ่อจึงยิ้มตอบกลับไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

แต่ทว่าตอนที่สั่งอาหาร เผยอี้ก็สั่งอาหารแต่ละอย่างที่เคยสั่งด้วยกันบ่อยๆ ทั้งสิ้น ที่นี่มีอาหารให้เลือกมากมาย พอสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย พนักงานก็เดินออกไปทันที

เธอเป็นคนพูดไม่เยอะ จุดๆ นี้ไม่เปลี่ยนไปเลย

แต่ก่อนก็เป็นแบบนี้เสมอ เวลาที่เผยอี้ชวนเธอคุย เธอก็ตอบแค่คำสองคำ

“ที่ไปโรงละครตอนบ่ายสามครึ่ง มันมีเรื่องอะไรเข้าฉายเหรอ?”

เขาจิบชาอู่หลงไปหนึ่งจิบ สายตายังคงจ้องไปที่เธอ

ข้อมูลที่เนี่ยต้านหามามันมีแค่นิดเดียวเท่านั้น มีแค่ข้อมูลสั้นๆ หลังจากที่เกิดเรื่องในโรงแรมรุ่ยจี๋หลังจากนั้นเนี่ยต้านก็ไม่ได้หามาอีก

พอตอนนี้มานึกถึงขึ้นมาเผยอี้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย มือก็คว้าเอามือถือขึ้นมา เพื่อที่จะหาว่าบ่ายวันนี้มีหนังเรื่องอะไรที่จะขึ้นแสดง

“ฉันไปซ้อมละครน่ะ” เธอส่ายหน้า พอเห็นว่าในสายตาของเผยอี้ยังมีคำถาม เธอจึงอธิบายเพิ่ม

“รับแสดงหนังเรื่องหนึ่งเอาไว้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำให้ฉันมาเรียนการแสดงเพิ่ม“

ประโยคนั้นทำเอาเผยอี้ร้อนรนใจขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“หนังเรื่องอะไร? อาจารย์คนไหน? เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?”

แต่เจียงเซ่อก็ทำแค่มองเขาด้วยสายตาข้องใจ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”

ถามแค่ประโยคเดียวเล่นเอาเผยอี้พูดไม่ออก แล้วใบหน้าของเขาก็ปรากฏความน่าสงสารขึ้นมา

แขนทั้งสองข้างของเธอวางไว้อยู่บนโต๊ะ มือทั้งสองข้างประสานกันเอาไว้ แต่แล้วเขาก็มีท่าทางจริงจังขึ้นมา อีกทั้งยื่นมือไปจับมือเธออีกด้วย

“บอกฉันหน่อยเถอะนะ”

ขาของเผยอี้ยาว มือก็ใหญ่อีกต่างหาก และเพราะตอนที่เผยอี้ยื่นมือเข้ามา เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ เลยไม่ทันได้ป้องกันและโดนเขาจับมือเอาไว้

เธอพยายามดึงออกอยู่สองที แต่เขาก็จับไว้แน่นมาก แต่ก็เหมือนจะพยายามกะแรงเพื่อไม่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว

“ถ้านายยังทำแบบนี้อีก ฉันจะกลับแล้วนะ” เจียงเซ่อยืนมืออีกข้างไปหยิบกระเป๋า และเธอก็ลุกขึ้นแล้วด้วย แต่เผยอี้ก็รีบยกขายาวๆ ของตัวเองขึ้นมาตั้งไว้บนโซฟาฝั่งเธอ เพื่อกั้นเอาไว้ไม่ให้เธอออก

แต่ก่อนเขาก็กลัวเธอจะเป็นแบบนี้แหละ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอต้องโมโห เลยต้องระวังเป็นอย่างมาก

แต่ตอนนี้กลัวมากจริงๆ ว่าเธอจะไม่พอใจ พอเริ่มนิดหน่อยเธอก็จะหนีเสียแล้ว เขาเลยรีบขอโทษออกไปทันที

“โอเคๆ ฉันจะไม่ถามอะไรแล้ว เธออย่าเพิ่งไปเลยนะ”

ตาของเขามีประกายอ้อนวอนออกมา แถมยังเขย่ามือเธอไปมาอีกด้วย เหมือนกับว่ากำลังออดอ้อนอย่างไรอย่างน้ัน เจียงเซ่อเห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เธอเลยวางกระเป๋าและนั่งลงอย่างจำใจ

เผยอี้ที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที เขายกขากลับ แต่ก็ยังจับมือของเธอไว้อยู่

“ฉันรับเล่นหนังเรื่องหนึ่งเอาไว้ คนเขียนบทเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งที่เคยเขียนหนังสือดีๆ เอาไว้หลายเล่ม” เธอมองเผยอี้ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปแงะนิ้วมือเของเขาออกจากมือตัวเอง แต่สุดท้ายมือทั้งสองข้างก็โดนเขารวบเอาไว้ในมือเดียว “ปล่อยนะ”

แรงเขาไม่ใช่น้อยๆ เลย เขาตั้งใจจับมือเธอไว้ ตั้งใจให้เธอดิ้น เหมือนกำลังแกล้งหยอกเธอ

“อาจารย์คนไหน?”

ที่จริงตอนที่เจียงเซ่อพูดขึ้นมา เผยอี้ก็จำเรื่องที่เนี่ยต้านพูดขึ้นมาได้แล้ว มันบอกว่าตอนนี้เจียงเซ่อรับเล่นหนังของบริษัทซ้างเจีย คนเขียนบทคือโหวซีหลิ่ง ‘อาจารย์’ ท่านนั้นที่เธอพูดถึง ก็คงจะเป็นโหวซีหลิ่งแน่ๆ

“พูดไปนายก็ไม่รู้จักหรอก” เธอพยามยามดึงมือตัวเองอีกครั้ง เผยอี้ได้ยินอย่างนั้นก็พูดขึ้นด้วยความจริงใจ

“แล้วถ้าฉันรู้จักล่ะ?”

เจียงเซ่อถอนหายใจออกมา “งั้นปล่อยก่อนสิ ฉันจะดื่มชา”

มืออีกข้างของเขายกแก้วชาของเธอขึ้น แล้วยื่นเข้าไปใกล้ปากของเธอ

“เดี๋ยวฉันป้อนเธอเอง”

เจียงเซ่ออดไม่ได้ที่จะเขม็งตาใส่เขา “นายต้องการจะทำอะไรหลกันแน่?”

ทั้งสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ และเผยอี้ที่เธอรู้จักก็ไม่ใช่คนแบบนี้ ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างว่าเขากับพวกเนี่ยต้านไม่ค่อยเชื่อฟังและดื้อแต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอ เผยอี้จะเป็นคนที่ประพฤติตัวดีเสมอ ไม่เคยทำตัวแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

เผยอี้กลัวว่าเธอจะโกรธ พอเห็นเธอทำหน้าแบบนั้น เขาก็รีบปล่อยมือเธอทันที พอเธอได้อิสระกลับคืนมา เธอก็รีบถอยตัวนั่งติดพนักเก้าอี้โซฟา นั่งให้ห่างจากเผยอี้ให้มากที่สุด

เผยอี้รู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำแบบนั้นของเธอนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ตอบออกไปตรงๆ

“ฉันจะจีบเธอ”

ประโยคนั้นพุ่งเข้าชนกับหัวใจเจียงเซ่ออย่างแรง เธอไม่นึกมาก่อนว่าเผยอี้จะพูดแบบนี้ แค่ครู่เดียว แก้มทั้งสองข้างของเธอก็ขึ้นสีจัด “เหลวไหล! พวกเราจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”

เขาในใจของเธอ ก็เหมือนเป็นแค่น้องชายเท่านั้น เหมือนญาติใกล้ชิด เธอห่างจากเขาถึงห้าปี แต่ก่อนเวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าเธอก็เชื่อฟังมาโดยตลอด ไม่มีทางที่จะพูดอะไรแบบนี้แน่ๆ แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย

เธอเอื้อมมือจะไปหยิบกระเป๋าอีกครั้ง วันนี้เธอไม่มีอารมณ์จะทานข้าวเสียแล้ว

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”

พอเขาได้ยินแบบนั้นก็เริ่มไม่พอใจ เขาวางแก้วชาลง รีบลุกขึ้นแล้วไปนั่งลงข้างๆ เธอ ทำแบบนั้นก็เหมือนทำให้เธอไม่มีทางออกแล้ว

“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้กัน?”

หางคิ้วเขายกขึ้น และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย่อง “ฉันคิดว่าได้นะ ฉันยังไม่มีแฟน แถมแก่กว่าเธอหนึ่งปี” เขาอยากจะทำตัวหน้าหนาเข้าไปกอดเธอเหมือนอย่างในคลิปกล้องวงจรปิดอีกสักครั้ง แต่พอไม่ได้เมาก็เกิดลังเลขึ้นมา แถมไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง

แต่พอนั่งใกล้ๆ เธอแบบนี้ นิ้วมันก็เหมือนกับจะไปแตะตัวเธอให้ได้ และเผยอี้ก็รู้สึกพึงพอใจกับความใกล้ชิดแบบนี้มาก

“ครั้งที่แล้วในโรงแรมรุ่ยจี๋ ฉันช่วยเธอกำจัดไอ้คนที่กำลังกวนใจเธออยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบแทนอะไรฉันเลย” เขากล้าที่จะบิดเบือนเหตุผลความจริงและพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ “พอวันนี้ฉันอยากจะจีบเธอ แล้วทำไมมันจะไม่ได้กัน?”

การทานอาหารมื้อนี้เป็นอะไรที่น่าวุ่นวายใจสำหรับเจียงเซ่อมากจริงๆ หลังจากที่เผยอี้พูดว่าจะจีบเธอ สายตาคู่นั้นก็ไม่เคยมองไปทางไหนนอกจากเธอเลย

เธอกำลังคิดว่า ถ้าเกิดเผยอี้รู้ว่าเธอเป็นใคร ไม่แน่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนอาจจะกลับไปเหมือนเดิมก็ได้

แต่ทว่า ตอนนี้เธอมาเกิดใหม่แล้ว และไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเฝิงหนานเลย

คนๆ เดียวกัน แต่พอได้เห็นการแสดงออกทางกิริยาต่อหน้าแล้ว ก็รู้สึกแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ถ้ายังเป็นแบบนี้ เจียงเซ่อรู้สึกได้ว่ามันต้องวุ่นวายมากแน่ๆ

ก่อนถึงบ่ายสามโมง เผยอี้ก็พาเจียงเซ่อมาส่งที่หน้าโรงละคร และไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปเลย

เขามาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ก่อนก็เหมือนจะเคยมาเป็นเพื่อนเฝิงหนานด้วย หลังจากจอดรถในที่จอดเรียบร้อย เขาก็ตามเจียงเซ่อลงมาจากรถด้วย