webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

089

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 89 ปวดใจ

เพราะว่าเมื่อคืนตอนที่เธอหยิบมือถือของเผยอี้ขึ้นมาเธอก็ได้เห็นมันแล้ว

แต่พอตอนนี้มาได้ยินเผยอี้พูดถึงเฝิงหนานขึ้นมาอีก มันก็ทำให้เธอรู้สึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมาเสียเฉยๆ

เธอก้มหน้าลง สายตาคู่นั้นไม่ได้มองมาที่เขา แต่เขาก็ยังหาเรื่องมาคุยจนได้

"ทำไมเธอถึงอยากจะเข้าวงการบันเทิงล่ะ"

ที่จริงทั้งคนก็ห่างหายกันไปถึงครึ่งปีแล้ว ช่วงเวลาครึ่งปีนั้น เธอเองก็เปลี่ยนไปมาก

คนอย่างเธอที่เกิดมาในมีชาติตระกูลที่ดี และได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างเคร่งครัด แต่ก่อนเธอใช่ว่าจะสนใจพวกเรื่องวงการบันเทิง และคนที่อยู่รอบๆ เธอก็เป็นคนธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ

แต่ผู้อาวุโสอย่างเฝิงจงเหลียง เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ค่อยจะชอบวงการบันเทิงเลย

แต่ว่าตอนนี้เธอกลายเป็นเจียงเซ่อไปแล้ว แถมยังเข้าวงการบันเทิงอีกต่างหาก

ในข้อมูลที่ได้มาก็มีแค่คำบอกเล่าไม่กี่คำ เผยอี้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เขาอดรนทนไม่ไหวอยากจะรู้อยากจะเข้าใจเธออีกสักนิด อยากจะรู้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเธอไปเจออะไรมาบ้าง อยากจะ เข้าใกล้เธอมากกว่านี้

สายตาอันแวววาวของเผยอี้เอาแต่จ้องมองไปที่เจียงเซ่อ แต่ก็ใช่ว่าเจียงเซ่อจะไม่รู้สึกตัว เธอเลยหันหน้าไปพูดกับเขาอย่างจำใจ

"ตั้งใจขับรถหน่อย"

แล้วเขาก็ยิ้มออกมาจนโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว และพยักหน้าอย่างแข็งขัน

"โอเค"

เรือนผมสีทองอ่อนนั่นก็ขยับและปลิวไปตามการกระทำของเขา เจียงเซ่อจำได้ว่าผมของเขาสุขภาพดีมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขามีความคิดที่จะย้อมสีให้เป็นสีทองทั้งหัวแบบนี้ หลายครั้งที่โดยคุณปู่เผยดุด่าเอา แต่เขาก็ไม่คิดจะไปแก้มัน สุดท้ายคุณปู่ก็ขี้เกียจที่จะพูดแล้ว

เธออดไม่ได้ที่จะเม้มปาก พิงศีรษะลงกับกระจกรถ แล้วนึกถึงคำถามของเขาขึ้นมา

"ไม่มีเงินเลยเข้าไปน่ะ"

เธอหวนนึกถึงตอนที่ไปได้ไปกินเลี้ยงงานปิดกล้องของ 'ฝันที่เป็นจริง' ที่โรงแรมรุ่ยจี๋ เธอนั่งคุยกันไต้เจียอยู่โถงรับแขกข้างล่าง

ตอนนั้นไต้เจียถามเธอว่า ทำไมเธอไม่เห็นถามหล่อน ว่าทำไมต้องไปเล่นเป็นตัวแสดงแทนของจ้าวรั่วจวินด้วย แต่ไต้เจียก็พูดเองตอบเอง บอกว่าเธอไม่มีเงินพอ

คำถามคำถามนั้นมันเหมือนกันกับคำถามของเผยอี้ในตอนนี้ 

และวิธีถามมันก็เหมือนกันเสียด้วย เธอตอบออกไปอย่างยิ้มๆ พอพูดจบก็นึกถึงสีหน้าของไต้เจียในวันนั้น เธอหัวเราะออกมาราวกับสิ่งที่เธอตอบมันไม่ใช่ความจริง แต่ทว่า เผยอี้ที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น เขากลับรู้สึกถึงความเจ็บปวด มันบีบหัวใจของเขาจนเจ็บไปหมด และเท้าของเขาก็เหยียบลงไปบนเบรกทันที

รถที่กำลังวิ่งจอดลงอย่างรวดเร็ว ร่างของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในรถเหมือนถูกกระชากไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วง โชคดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ จึงรั้งไม่ให้ทั้งคู่ต้องชนเข้ากับคอนโซลด้านหน้า

เธอหันไปมองเผยอี้อย่างแปลกใจ สองมือของเขาจับพวงลัยเอาไว้เสียแน่น และหลังมือของเขาก็มีเส้นเลือดนูนออกมาอย่างเด่นชัด

คิ้วของเขาขมวด ริมฝีปากก็เม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง โหนกแก้มดูกระตุกเบาๆ เหมือนกับว่ากำลังกัดฟันอยู่

"เป็นอะไรไป?"

เผยอี้นึกถึงสภาพชีวิตของเธอในตอนนี้ขึ้นมา ตอนนี้เธอไม่ใช่เฝิงหนานที่แสนร่ำรวยและไม่เคยขาดแคลนอะไรอีกแล้ว แต่ตอนนี้เธอคือลูกเลี้ยงของบ้านครอบครัวตู้ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

การใช้ชีวิตในทุกๆ วันของเธอ ไม่เพียงแต่อ่านหนังสือ ไปเรียน และทำสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น แต่เธอยังต้องทำเรื่องที่มันน่ากลัดกลุ้มอีกด้วย

ตอนที่เขารู้สึกมีความสุข ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ดูจะเปลี่ยนไปอีก พอปัญหาที่ว่าอายุของเธอห่างจากเขาถึงห้าปีหมดไป ก็กลับมีเรื่องที่เธอต้องเข้าวงการบันเทิงเพื่อหาเงินมาแทน

คนๆ หนึ่งที่ไม่เคยต้องขาดแคลนเงินทอง แต่ตอนนี้กลับต้องมายิ้มแล้วตอบว่า "ไม่มีเงินเลยต้องเข้าน่ะ"

เขาพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ และเคลื่อนรถไปจอดตรงข้างทาง แล้วถามออกมา

"เธอชอบมันรึเปล่า?"

น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ท่าทีก็ดูแปลกๆ เจียงเซ่อมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ

"ก็โอเคนะ"

เขารู้สึกแย่กว่าเดิม

เมื่อเทียบกับชีวิตจริงๆ เมื่อก่อนแล้ว เจียงเซ่อก็เกิดรู้สึกขึ้นมาว่าเธออาจจะชอบตอนนี้มากกว่าเสียอีก

ทุกๆ วันมีเรื่องให้เธอได้ทำ ไม่ได้น่าเบื่อจำเจหรือวุ่นวายจนเกินไป

ถึงแต่ก่อนจะได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากเฝิงจงเหลียง แต่เขาก็ไม่ได้สอนเพื่อให้เธอเติบโตมาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับพวกผู้หญิงที่เป็นได้แค่ดอกไม้ประดับที่อยู่ในแจกัน แต่จะต้องเป็นแจกันที่มีมูลค่ามหาศาล เพื่อว่าสักวันหนึ่ง พอขายมันออกไปแล้วก็จะได้ราคาที่ดีกลับมา

ถ้าหากเธอไม่ได้มาเกิดใหม่ เธอก็พอจะเดาได้ว่าชีวิตต่อไปของเธอจะเป็นอย่างไร ถ้าต้องทำตามที่ตระกูลเฝิงกำหนดไว้ ทำความสนิทสนและแต่งงานกับจ้าวจวินฮั่น เกี่ยวดองสองตระกูลเข้าหากัน

ทั้งการศึกษา และความสามารถในการพูดของเธอ ที่จริงมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่จะเสริมให้เธอเป็นแต้มต่อที่ดีกับตระกูลจ้าวก็เท่านั้นเอง

แต่ตอนนี้เธอได้เกิดใหม่แล้ว สิ่งที่เธอได้เรียนมาในแต่ก่อน ก็เพิ่งจะได้มีโอกาสใช้มันจริงๆ ได้ใช้ความสามารถของตัวเอง ไม่ได้เป็นแค่ของที่ตั้งโชว์เพื่อความสวยงามอีกต่อไป

เผยอี้หันหน้าไปมองเธอ เสื้อผ้าที่เธอใส่ค่อนข้างที่จะเก่ามาก และก็ดูธรรมดาเหลือเกิน แม้แต่เครื่องประสักชิ้นก็ไม่มีบนตัวเธอ

เหมือนมีเลือดไหลออกมาจากหัวใจเขา แต่เชาก็ต้องยิ้มผ่านใบหน้าออกมา

"ครั้งหน้าถ้าจะไปที่จิ่วหลงถางอีกต้องโทรหาฉันนะ ไปคนเดียวไม่ปลอดภัยหรอก"

"เมื่อคืนวันเกิดเพื่อนในหอน่ะ" เจียงเซ่อตอบออกมาอย่างเนือยๆ "ไหนบอกว่าจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ?"

เขาจึงได้ฤกษ์ออกตัวรถสักที แต่ก็ยังพูดกับเธอไปด้วย "งั้นวันเกิดเธอเมื่อไหร่กันล่ะ?"

เธอเกิดรู้สึกแปลกใจขึ้นมา "นายไม่ได้หามาแล้วหรือไง?"

"......" ที่จริงก็หาแล้วนั่นแหละ ก็แค่หาเรื่องคุยเท่านั้นเอง ขอแค่ให้เขาได้คุยกับเธอเท่านั้น เขาจึงส่ายหน้า แล้วพูดโกหกหน้าตายออกมา

"ไม่นี่"

"ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันต้องสืบประวัติเธอด้วยล่ะ?"

ราวกับว่าเจียงเซ่อรอคำถามมานานแล้ว พอได้ยินเขาถามจบ เธอก็ยิ้มหวานออกมาทันที "ก็เพราะว่าฉันเองก็สืบหานายเหมือนกันไงล่ะ ครั้งที่แล้วที่เจอกันที่โรงแรมรุ่ยจี๋ ลืมไปแล้วเหรอ? ตอนนั้นที่นายต่อยคนในกองถ่ายที่ชื่อเหยาเสียง ฉันเลยไปถามพวกตำรวจมาน่ะ"

พอเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ได้เตรียมคำตอบที่แนบเนียนเอาไว้แล้ว และยังพูดเสริมเข้าไปอีกด้วย

"เพราะงั้น เมื่อคืนพอได้เห็นหน้านายแวบเดียวก็จำได้แล้วล่ะ แถมยังไปบอกพนักงานให้หาชื่อเพื่อนๆ ของนายให้พวกเขาส่งนายกลับบ้านด้วย พวกเขาไม่ได้บอกกับนายเหรอ?"

เผยอี้พูดอะไรไม่ออกทันที คิ้วก็กระตุกอีกด้วย

"ไม่นี่"

เขาแกล้งว่าตัวเองเชื่อในสิ่งที่เธอพูดไปแล้ว แต่แค่แปลกใจว่าทำไมแต่ก่อนเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเฝิงหนานก็มีมุมน่ารักๆ แบบนี้ด้วย เวลาที่เธอกำลังพูดโกหก รอยยิ้มของเธอทำเขาหัวใจของเขาวุ่นวายไปหมด ตอนนี้หัวใจของเขารู้สึกลังเล และสายตาของเขาก็ละออกจากใบหน้าของเธอไม่ได้เลย เขาคิดอยากจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเธออยู่หลายครั้งมาก

พอเจียงเซ่อได้พูดคำตอบที่เตรียมเอาไว้ออกไปหมดแล้ว และพอเห็นว่าเผยอี้เองก็ดูไม่ติดใจสงสัยอะไร ราวกับว่าเชื่อเธอแล้ว เธอก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สติก็เริ่มกลับมาอยู่กับตัวเองมากขึ้น

เขาทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ไปหาข้อมูลหรือได้ดูคลิปกล้องวงจรปิดนั่นจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะถามถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่หน้าห้องน้ำนั่นไปนานแล้ว

ตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกโล่งไปมากแล้ว ตอนที่ไปทานข้าวมื้อกลางวันกับเผยอี้ เธอเลยไม่ได้คิดจะปฏิเสธเขาอีก

มื้อเที่ยงที่เผยอี้พามาคือร้านอาหารกวางตุ้ง และมันก็เป็นร้านที่แต่ก่อนเธอมาบ่อยมากๆ

พ่อครัวคนหนึ่งที่นี่ทำน้ำซุปออกมาได้ดีมากๆ และอาหารหลายอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของมณฑลกวางตุ้งก็ทำออกมาได้อย่างดั้งเดิมเลยทีเดียว แต่ราคาของมันก็แพงมากเช่นกัน ถ้าเป็นคนทั่วๆ ไปคงยากที่จะเข้ามาทานอาหารในที่แห่งนี้

ตอนที่เผยอี้พาเธอมา เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขากับเธอเคยมาที่นี่ด้วยกันหลายครั้งแล้ว กระทั่งตอนที่พนักงานต้อนรับเชิญพวกเขาทั้งสองไปยังห้องอาหารที่นั่งกันประจำ เธอก็ยังเลือกที่นั่งที่ที่ตัวเองในสมัยก่อนชอบนั่งอีกด้วย

นอกจากอาหารที่แสนอร่อยจนเธอต้องมาบ่อยๆ แล้ว ก็มีตำแหน่งที่นั่งนี่แหละที่ทำให้เธอชอบ

ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บริเวณที่มีบานไม้แกะลายฉลุกั้นเอาไว้ และโซฟาที่นั่งก็อยู่ติดกับแผงกระจกบานใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน

และตรงนี้ก็สามารถได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารที่กำลังปรุงอยู่ในห้องครัวอีกด้วย