webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

088

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 88 ความในใจ

ที่จริงแล้วเขาก็ไล่จีบเฝิงหนานมาหลายปี เผยอี้คิดว่าเขาเป็นคนที่ความอดทนสูงมาก แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าวันเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน ทุกวิทุกนาทีที่ผ่านไปมันช่างทรมาน ขนาดแค่นั่งรอตอนนี้ก็ยังกระวนกระวายแทบแย่

เขาเกิดกังวลขึ้นมาว่าเจียงเซ่อจะไม่มาเสียแล้ว แทบทุกๆ นาทีที่เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วยังเปิดกระจกชะเง้อมองไปที่หอพักอีกด้วย แทบไม่กล้ากะพริบตาเลย

ตอนที่เจียงเซ่อเดินเข้ามา เผยอี้ก็รีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกทันที

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ที่เจอเธอมาหลายครั้ง แต่เผยอี้ก็แทบจะไม่ได้สังเกตเธอเลย พอครั้งนี้มาได้เห็นอีกครั้ง เผยอี้ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองโง่ขนาดไหน

คนๆ หนึ่ง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนทั้งนิสัย บุคลิกและท่าทางได้มากขนาดนั้นหรอก

เขายืนพิงรถ มองดูเธอที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหา ความจริงแล้ว ตอนนี้ทั้งขาและร่างกายเขาเหมือนจะชาไปหมด และหัวใจมันก็รู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน

พอเจียงเซ่อเดินมาถึง เธอก็เตรียมและพร้อมแล้วที่จะตอบคำถามของเผยอี้

เรื่องที่มาเกิดใหม่แบบนี้คงจะเป็นเรื่องที่ดูเหนือธรรมชาติเกินไปหน่อย และยังไงก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นกับเฝิงหนาน เธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก และเธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกับคนที่คุ้นเคยและสนิทสนมแบบนี้ด้วย

เมื่อคืนที่ได้เจอกับเผยอี้ที่จิ่วหลงถาง ที่เธอเรียกชื่อเขาออกไปนั้น เจียงเซ่อคิดมาตลอดทางและคิดว่าถ้าเผยอี้ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เธอจะพูดย้อนกลับไปถึงตอนที่ได้เจอกันที่โรงแรมรุ่ยจี๋ จะบอกว่าหลังจากที่เขาต่อยเหยาเสียงนั้นเธอไปหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขามา

แต่ใครจะไปรู้ล่ะ พอเธอเดินมาถึงที่รถ เผยอี้ก็เดินอ้อมมาทันที เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับออก ไม่พูดอะไรสักคำ

เขายังเอามือไปกั้นไว้ตรงขอบประตูด้านบนด้วย ราวกับว่ากลัวว่าเธอจะไปชนมันเข้า

ที่จริงแล้ว แต่ก่อนทุกครั้งที่เขาไปรับเฝิงหนาน เขาก็จะทำแบบนี้เสมอ หรืออาจจะเพราะเขาทำแบบนี้ทุกครั้ง เธอเลยชินและไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไรในการกระทำนั้น

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เขายืนอยู่ใกล้มาก ร่างกายที่ผอมและสูงนั่น ทำให้เธอต้องคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่จิ่วหลงถาง ตอนที่เขาทำตัวนิสัยไม่ดีนั่น บนริมฝีปากเธอยังรู้สึกถึงความร้อนผะผ่าวอยู่เลยด้วยซ้ำ แถมจมูกก็ยังได้กลิ่นเหล้าอ่อนๆ จากตัวเขาอีก นั่นมันทำให้เธอใจเต้นขึ้นมาจริงๆ!

เธอจับกระเป๋าตัวเองไว้แน่น พยายามจะออกห่างจากเผยอี้ให้มากที่สุด และเข้าไปนั่งในรถทันที

เผยอี้รู้จักตัวเธอดีมากกว่าที่เธอจะรู้จักตัวเองเสียอีก ทุกๆ การกระทำของเธอที่ดูเปลี่ยนไป เผยอี้ล้วนแล้วจดจำเอาไว้

ตอนที่เขาไปเปิดประตูรถให้เธอ เจียงเซ่อก้มหน้าลง มือที่ถือกระเป๋าอยู่ก็จับแน่นขึ้น เหมือนว่าเธอกำลังตื่นเต้นและร้อนรนอยู่

ความคิดในสมองของเขากลับมาโลดแล่นอีกครั้ง นิสัยเธอเป็นยังไง เขารู้ดีที่สุด

เธอเป็นคนที่ใจเย็น การที่จะทำให้เธอเกิดอาการตื่นตกใจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เผยอี้คิดถึงส่วนที่เปลี่ยนไปของเธอก่อน เดาว่าที่เธอมีท่าทางแบบนั้นมันเป็นเพราะการที่เธอได้ไปเรียกชื่อพวกเนี่ยต้านหรือเปล่า แต่เขาก็ต้องลบความคิดนั้นออกไป

ตอนที่เธอเดินมา เห็นได้ชัดว่าเธอได้เตรียมตัวมาก่อนแล้ว แล้วการเปลี่ยนแปลงของเธอก็เผยออกมาอีกในตอนที่เขาเปิดประตูรถให้เธอ เขากับเธออยู่ใกล้กันมาก ในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้เผยอี้เกิดนึกถึงวีดิโอในจิ่วหลงถางขึ้นมา ตอนที่เขากดเจียงเซ่อลงกับกำแพง

แต่ถ้าเป็นแค่เรื่องนี้จริงๆ เธอคงจะไม่ทีท่าทีระแวดระวังตัวถึงขนาดนี้ คงเป็นเพราะตอนที่อยู่ในจิ่วหลงถางเขาไปลวนลามเธอเข้า

เผยอี้เกิดความรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดด้วย เมื่อคืนเขาเมามาก มากขนาดที่ว่าตื่นเช้ามาก็จำอะไรไม่ได้สักอย่าง

เขารีบเดินอ้อมไปขึ้นรถ พอไปเห็นตอนที่เธอดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ก็สังเกตเห็นว่านิ้วเธอเรียวยาว ผิวก็ขาวถึงขาวมาก ขาวจนบางทีก็เห็นเส้นเลือดเลยด้วยซ้ำ

ผิวของเธอขาวกระจ่างใส แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องที่เกิดในในจิ่วหลงถางเมื่อคืน ทำให้เธอดูกังวลและเหมือนจะนอนไม่พอ แววตาและสติของเธอเลยดูเหม่อๆ

เผยอี้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมา แล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าเขาบีบคั้นเธอมากไปหรือเปล่า

แต่พอเริ่มแน่ใจแล้วว่าเธออาจจะเป็นเฝิงหนานจริงๆ แค่วินาทีเดียวเขาก็จะไม่ปล่อยมันไปอีกแล้ว ยิ่งถ้าหากเขายังทำเหมือนเมื่อก่อน ถ้ามัวแต่กลัวว่าจะทำให้เธอลำบากใจอีกล่ะก็ เรื่องระหว่างเขาสองคนคงจะไม่หลุดพ้นจากช่วงชีวิตแบบนั้นเสียที

นั่งอดทนอยู่นาน เขาก็เป็นคนเริ่มพูดขึ้นมาเอง

“ได้นัดเวลาที่จะไปโรงละครไว้หรือเปล่า?”

เธอพยักหน้าตอบ ทิ้งสายตาไปที่มือบนหน้าตักของตัวเอง เหมือนว่าไม่อยากจะเงยหน้ามามองเขา

ในใจของเผยอี้รู้สึกร้อนรนกระวนกระวายไปหมด เขาอยากจะเอื้อมมือไปแตะเธอ แต่ก็ไม่กล้า ทำได้แค่กำหมัดแน่นๆไว้บนขาของตัวเอง

“กี่โมง?”

“บ่ายสามครึ่ง”

พอเผยอี้ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงด้วยซ้ำ เขาจึงรีบขับรถออกมา

“งั้นไปกินข้าวก่อนละกัน”

พอได้ยินแบบนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและอยากจะปฏิเสธออกไป แถมมือเธอก็เตรียมที่จะปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วด้วย

แต่เผยอี้หูตาไว มือก็ไวอีกต่างหาก มือใหญ่รีบไปจับมือเธอไว้

มือของเธอนุ่ม และมันก็เย็นนิดๆ ตอนที่เขาเอื้อมไปคว้าก็จับไว้เสียแน่น หัวใจของเขามันเต้น ‘ตึกตึก’ ราวกับว่ามีกระต่ายหลายตัวอยู่ในอก และพยายามหาทางที่จะหนีออกมา

แต่ก่อนทุกครั้งที่เขาอยู่ต่อหน้าเฝิงหนาน เขาทำตัวดีมาโดยตลอด ไม่กล้าแม้แต่จะล่วงเกินไปแตะตัวหรือพูดจาไม่ดีใส่ ยิ่งแบบเมื่อคืนยิ่งไม่ต้องพูดเลย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้จับมือเธอแน่นขนาดนี้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันช่างสวยงาม ราวกับได้ปลูกต้นกล้าเอาไว้ให้มันเติบโตจนผลิดอก ให้มันออกผลที่หวานหอมเหนือสิ่งอื่นใด ถึงแม้จะยังไม่ได้ลิ้มรสมันก็สามารถได้กลิ่นอันแสนหอมหวนของมันมาแตะจมูก

ชั่วนาทีนั้นเขามีความสุขเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าเธอจะขัดขืน จึงพยายามเก็บความรู้สึกตัวเองแล้วพูดออกไปอย่างจริงจัง

“ฉันต้องการจะคุยกับเธอเรื่องเมื่อคืนนี้”

จากนั้นเจียงเซ่อก็ไม่ขัดขืนอีก

ที่จริงตัวเขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปจับมือคนอื่น แต่ตอนนี้กลับไม่อยากจะปล่อยมือเลย แต่ก็ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรแล้วดึงมือกลับมาเกาจมูกตัวเอง

บ้าชะมัด... มือของเขายังมีกลิ่นหอมๆ เหมือนผลไม้จากเธออยู่เลย กลิ่นมันค่อนข้างอ่อน ถ้าไม่ดมดีๆ ก็คงไม่รู้หรอก

“เมื่อคืนที่จิ่วหลงถาง ฉันเห็นนายเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ เลยคิดว่าน่าจะหลงทาง ฉันเลยไปบอกกับพนักงานต้อนรับน่ะ” พอรถเริ่มออกตัว เจียงเซ่อก็หันไปยิ้มให้เขา

“ที่จริงมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ต้องมาตอบแทนฉันก็ได้นะ”

เธอคงจะเตรียมและเรียบเรียงคำพูดมาแล้ว เผยอี้ได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“เมื่อคืนฉันเมามาก” เขาอธิบายขึ้น แล้วหันหน้าไปมองเธอเป็นพักๆ “ได้ข่าวว่ามีใครบางคนคิดว่าฉันเรียกหา ‘หน่ายนาย (คุณย่า)’ ดังนั้นเพื่อนๆ ของฉันเลยใจดีพาไปส่งที่บ้าน พอเช้าวันนี้ตื่นมาก็เจอคุณย่านั่งอยู่ข้างๆ เลยล่ะ แถมเพื่อนๆ ฉันยังบอกว่าทั้งบ้านรู้เรื่องนี้หมดแล้วอีกต่างหาก”

ถึงเจียงเซ่อจะรู้แล้วว่าตัวเองฟังผิดไป และก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนบอกสารผิดแล้วด้วย แต่พอได้มาฟังที่เขาเล่า ก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะออกมา

ดูสิ พอเขาอยู่ต่อหน้าเจียงเซ่อ เขากลับพูดเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องอับอายและโมโหออกมาได้อย่างเป็นเรื่องปกติ พอเห็นว่ามุมปากเธอค่อยๆ ยกขึ้น เขาก็พูดต่อ

“แถมก่อนหน้านี้ลุงสามก็ยังโทรมาถามเรื่องที่ฉันเรียกหา ‘หน่ายนาย (คุณย่า)’ อีก”

เจียงเซ่อทนไม่ไหวหัวเราะออกมา แล้วเอ่ยขอโทษเขาด้วย

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันฟังผิดนี่”

“ฉันรู้” เขาพยักหน้าอย่างมีความสุข เขาชอบเวลาที่ตัวเองทำให้เธอยิ้มหัวเราะออกมาได้ มันน่ารักมากๆ เลยล่ะ “ที่จริงแล้ว เมื่อคืนฉันพูดว่า ‘หนานหนาน’ น่ะ”

ตอนที่เขาตั้งใจพูดชื่อของเฝิงหนานออกมา และเขาก็ปรับน้ำเสียงอารมณ์ให้ดูจริงจังมากขึ้นด้วย และก็เห็นได้ชัดว่ามุมปากที่กำลังยิ้มของเธอค่อยๆ ลดลง

“ในมือถือฉันมีรูปของเธอด้วยนะ เธออยากเห็นไหม?”

เจียงเซ่อส่ายหน้า และตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่อยาก”