webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

087

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 87 เชื้อเชิญ

เผยอี้กำมือถือแน่น แล้วคว่ำหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ความคิดที่กำลังแล่นอยู่ในหัวสมองหยุดลง แต่หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องรูปที่ขยายใหญ่บนหน้าจอมือถือ แทบจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร

เขานี่มันโง่จริงๆ ทั้งๆ ที่โชคชะตาบันดาลให้เขาขนาดนี้ ให้เขาได้เจอกับเจียงเซ่อตั้งสามครั้งสามครา แต่เขาก็กลับไม่สนใจ แถมมองเธอไปในทางอื่นอีก

ถ้าหากคืนนั้นเขาไม่ได้ไปเมาที่จิ่วหลงถาง และไม่ได้ลงไปผิดชั้นแล้วบังเอิญได้เจอเธอแล้วทำตัวแบบนั้น ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะปล่อยให้ระหว่างพวกเขาคลาดกันไปตลอดชีวิตแบบนี้งั้นเหรอ?

วีดิโอที่จิ่วหลงถางจะเก็บเอาไว้แค่เดือนเดียวเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอฟังผิด และถ้าเนี่ยต้านกับคนอื่นๆ ไม่พาเขากลับไปที่บ้านเผยพร้อมกับหัวเราะเขา เขาก็คงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจและคงไม่ค้นหาอะไรเลย

เผยอี้แทบไม่อยากจะคิด ถ้าหากเขาได้ไปเจอกับ ‘เฝิงหนาน’ แล้วพบว่ามีอะไรแปลกๆ ไป ตัวเขาเองจะทำยังไงนะ?

ความเจ็บปวดค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวัง เขาเคยคิดพิจารณามาแล้ว ถ้าเจียงเซ่อคือเฝิงหนาน เขาจะจีบเธอดีไหม? และคำตอบคือ แน่นอน

แต่เขาก็จะทำแบบแต่ก่อนไม่ได้

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเนี่ยต้านจะพูดอะไรไม่ค่อยเข้าหู แต่ก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่

เฝิงหนานไม่เคยคิดกับเขาในทางความรักแบบนั้น ในใจของเธอ เขามันก็เป็นแค่น้องชาย เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ แต่ในความรู้สึกทางด้านนั้นเธอไม่เคยคิดมาก่อน

ดังนั้นตอนที่เธอได้ยินสิ่งที่ตระกูลเฝิงจัดเตรียมให้เธอ เรื่องที่ต้องไปสนิทสนมกับจ้าวจวินฮั่น และพอเธอเห็นว่าเขามีอาการลนลานและโมโหแบบนั้น เธอจึงเผยสีหน้าไม่เข้าใจออกมา

แต่ตอนนั้นเขากลับทำให้เธอต้องมีแววตาที่เศร้าหมอง และตัวเองก็หันหลังให้เธอ พร้อมกับหนีไปฝรั่งเศส

และตอนนี้เรื่องทั้งหมดมันก็กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาจะไม่มานั่งโทษในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปในอดีตอีกแล้ว

ถึงเขาจะจำเธอได้ แต่เขาก็ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าไปถามเธอ ถ้าหากว่าถามออกไปแล้ว เรื่องทั้งหมดอาจจะพลิกผันไปอีกก็ได้ เหมือนกับเมื่อก่อน

แต่ตอนนี้มีเรื่องบางอย่าง ที่ในใจเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้

แต่เรื่องพวกนี้ที่รู้อยู่แก่ใจ เขาก็จะไม่พูดเหมือนกัน เวลาที่จีบเธอ เธอจะได้ไม่เอาแต่นึกถึงความผิดชอบชั่วดีอีก

ในส่วนของ ‘เฝิงหนาน’ เผยอี้ลูบๆ มือถือ แววตาเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา ก็ถ้าตระกูลเฝิงอยากจะให้เฝิงหนานแต่งานกับไอ้ทายาทเจียงหัวกรุ๊ป ก็ทำไป

เมื่อคืนหลังจากกลับมาถึงหอแล้ว กว่าจะนอนได้ก็ดึกมาโข วันหยุดสัปดาห์ก็ไม่มีเรียนอยู่แล้ว ตอนที่เจียงเซ่อตื่นมา เพื่อนคนที่เหลือก็ยังหลับสบายกันอยู่เลย

ตอนบ่ายเธอคิดว่าจะไปฝึกซ้อมการแสดงที่โรงละครแห่งชาติเสียหน่อย วันนี่ฉางยวี่หูค่อนข้างมีงานยุ่ง แต่เมื่อวานเธอก็บอกว่าให้เธอไปที่นั่นได้

ตอนที่เผยอี้โทรเข้ามา เธอเพิ่งจะอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ พอเห็นเบอร์ที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอ เร็วเท่ากับความคิด เจียงเซ่อยื่นมือไปกดตัดสายทันที

เธอกับเผยอี้รู้จักกันมาหลายสิบปี มีบางอย่างที่แทบไม่ต้องใช้ความคิดหรือใช้สมองไปจำมันด้วยซ้ำ มันเป็นความคุ้นชินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

เผยอี้ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์มือถือ แค่เห็นเบอร์ที่ขึ้นเธอก็จำได้แล้ว

แต่การที่เผยอี้โทรมาหาคนธรรมดาๆ แบบเธอ แสดงว่าจะต้องอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแน่ๆ

พอเมื่อคืนกลับมาคิดๆ ดูเธอก็รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา โดยเฉพาะเรื่องที่เธอไปฟังคำว่า ‘หนานหนาน’ ของเผยอี้เป็นคำว่า ‘หน่ายนาย(คุณย่า) ไปเสียได้ และเธอก็รู้สึกกลุ้มที่ตัวเองปากมากพูดออกไปตั้งหลายคำ’

พอเหลือบตาไปมองเบอร์ที่ไม่ได้รับบนหน้าจอ ก็หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ได้เห็นหน้าจอมือถือของเผยอี้ แล้วก็นึกถึงจูบที่ตัวเองไม่ทันได้ปัดป้องนั้นด้วย รู้สึกปวดหัวขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ

ฝั่งเผยอี้เองก็กำลังตื่นเต้นไม่น้อย สุดท้ายเขาก็โทรไปจนได้ แถมยังเกิดความรู้สึกว่าตอนที่รอเธอรับสาย เวลามันผ่านไปตั้งหมื่นล้านนาทีแล้ว แต่ที่ไหนได้ เสียงรอสายขึ้นอยู่สองสามทีเท่านั้น มันก็โดนตัดสายไปทันที

เขานิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา

แต่พอลองโทรไปอีกครั้ง เสียงรอสายก็ดังไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีใครรับสายเลย

เฉาซวงที่กำลังนอนอยู่ลุกขึ้นแล้วขยี้ตา แล้วยื่นหัวออกมาจากเตียง

“เซ่อเซ่อ?”

มือถือของเธอดังอยู่หลายรอบ เสียงเรียกเข้าแบบนี้คงไม่ใช่ของเพื่อนคนที่เหลือแน่ๆ มันต้องเป็นของเจียงเซ่อที่ยังใช้มือถือรุ่นเก่ากึกขนาดนี้ ก่อนหน้าทั้งสามก็ได้เห็นมือถือของเจียงเซ่อไปแล้ว และก็ยังสงสัยอีกด้วยทำไมเธอถึงยังใช้มือถือที่เก่าจนแม้กระทั้งคนแก่ยังไม่ซื้อแบบนี้ได้ ดังนั้นพวกเธอเลยจำเสียงมันได้ดี

“รบกวนเธอเธอหรอ?”

เจียงเซ่อกำลังยืนเหม่อ แต่พอเห็นว่าเฉาซวงตื่นขึ้นมา ก็รีบขอโทษออกไป

“ขอโทษด้วยนะ”

ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าจะมองหน้าเผยอี้ยังไงดี โดยเฉพาะเรื่องที่ไปเจอรูปในมือถือนั่น

แต่ทว่าถึงแม้เสียงเรียกเข้าจะดับไปแล้ว แต่ไม่กี่วิเผยอี้ก็โทรเข้ามาอีก ราวกับว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รับก็ตาม เธอยกมือนวดขมับ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย

พอปลายกดรับ เผยอี้ก็นิ่งเงียบไปสองสามวิ แต่ก็รีบดึงสติกลับมา

“เจียงเซ่อ?”

มือข้างหนึ่งของเขาจับมือถือ อีกข้างก็จับพวงมาลัยแน่น

“ใช่ ฉันเอง”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเผยอี้ได้ยินเจียงเซ่อตอบกกลับมาแบบนั้น ในใจของเขามันก็สั่นระรัวขึ้นมา

ความไม่แน่ใจบางอย่างที่ยังมีอยู่ในใจมันสลายหายไปหมด แทบจะทนไม่ไหวที่จะได้เห็นหน้าเธอ

“เรื่องเมื่อคืนที่จิ่วหลงถาง เธอน่าจะจำฉันได้นะ ฉันอยากจะคุยกับเธอหน่อย”

เจียงเซ่อรู้ดีว่ายังไงสถานการณ์แบบนี้ต้องมาถึงตัวเองแน่ๆ ถ้าหากว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ไปเห็นมือถือของเขาเข้า สำหรับเผยอี้ที่เธอมองว่าเป็นคนที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนเป็นน้องชายของเธอ ถ้าเขาโทรมาเชิญแบบนี้ แต่ก่อนเธอคงไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเลยด้วยซ้ำ

แต่พอได้เห็นรูปในมือถือของเขาแล้ว และได้ยินชัดๆ ว่าเขาเรียกหา ‘หนานหนาน’ สิ่งดีๆ ที่เผยอี้เคยทำให้เธอแต่ก่อนก็เหมือนล้มครืนไป เธอเลยไม่รู้ว่าจะมองหน้าเผยอี้ได้อย่างไร

และพอตอนนี้ยินว่าเผยอี้อยากจะเชิญเธอไปคุยกันหน่อย เธอก็เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องถึงสองรอบ

“ตอนบ่ายฉันมีธุระแล้ว” เธอตอบปฏิเสธ

“คงจะไม่มีเวลาให้”

“มีธุระอะไรกัน?” เผยอี้ถามออกไป

ตอนบ่ายเจียงเซ่อมีธุระจริงๆ นั่นแหละ พอเขาถามขึ้นมา เธอก็ตอบทันที

“ตอนบ่ายฉันต้องไปที่โรงละครแห่งชาติ” เธอตอบออกไปเพื่อไม่ให้เป็นการบอกปัด และยังย้ำอีกที “ไม่มีเวลาจริงๆ”

“งั้นเธอลงมาสิ เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง”

พอเธอบอกว่าจะไปที่โรงละครแห่งชาติ เผยอี้ก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้เธอรับเล่นหนัง เนี่ยต้านบอกว่าเธอเพิ่งรับเล่นหนังใหม่ที่โหวซีหลิ่งเป็นคนเขียนบท ชื่อเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ แต่ในข้อมูลไม่ได้เขียนบอกเอาไว้ว่าเธอจะไปทำอะไรที่โรงละคร

พอเขาพูดอย่างนั้นขึ้นมา เจียงเซ่อก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงไป

จะผัดวันประกันพรุ่งเรื่องนี้ไปก็ไม่มีความหมายอะไร ยังไงซะเผยอี้ก็เจอเธอแล้ว และเขาคงไม่มีทางที่จะปล่อยเธอและลืมเรื่องนี้ไปได้ วันนี้ไม่เคลียร์ วันหน้าเขาก็มาอีก

เธอนัดกับเผยอี้ว่าจะไปเจอกันที่ประตูมหา’ลัยทางทิศตะวันออก แล้วก็วางสายไป จากนั้นก็หยิบกระเป๋าแล้วออกมาทันที

ที่จริงเผยอี้ยังอยากจะได้ยินเธอพูดเยอะๆ กว่านี้ แต่ยังไงเดี๋ยวก็จะเจอกันแล้ว

แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าใจร้อนไปมันก็จะเสียหมด พอปลายสายวางไป ก็กลายเป็นเสียงสัญญาณตัดขึ้นทันที เขานั่งยิ้มเป็นคนบ้าอยู่นานถึงจะรีบขับรถไปรอที่หน้าประตูมหา’ลัยทางทิศตะวันออก

พอไปถึงที่นัดแล้ว เจียงเซ่อก็ยังไม่มาเลย

ตรงนี้มันห่างจากหอพักหญิงไม่ไกลนัก เดินมาประมานเจ็ดแปดนาทีก็คงถึง แต่เขาเป็นคนขับรถเร็ว เลยมาถึงไวหน่อย