webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

085

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 85 ประจวบเหมาะ

พอดีกับที่ทางทีมงานของกู้เจียเอ่อส่งวีดีโอที่ถ่ายเจียงเซ่อตอนออดิชั่นมาพอดี พอเนี่ยต้านส่งวีดิโอนั้นให้เผยอี้ เขาก็เปิดดูทันที

ในภาพนั้น ในมือของเจียงเซ่อกำลังถือบทหนังอยู่ เธอก้มหน้าอ่านมันอย่างตั้งใจ เผยอี้กดหยุด แล้วย้อนกลับไปเล็กน้อย แล้วเขาก็ยกมือถือตัวเองขึ้นพร้อมเปิดหน้าจอล็อกสกรีน

ลักษณะท่าทาง มันเหมือนกับเฝิงหนานไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นมือนิ้วมือที่กำลังจับกระดาษนั่น หรือจะเป็นตอนที่เธอถือหนังสือของโหวซีหลิ่ง รวมถึงลักษณะท่าทางที่เธอมองสิ่งต่างๆ เผยอี้จำมันได้ดี

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องงการพูดภาษาฝรั่งเศส ที่จริงแล้วเจียงเซ่อไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เรียนภาษาฝรั่งเศส

แต่เฝิงหนานไม่ใช่ ตั้งแต่เด็กๆ ที่เธอได้เรียนภาษามากมาย ภาษาฝรั่งเศษเป็นแค่หนึ่งในนั้น

แล้วมันเป็นยังไงกัน ที่สามารถทำให้คนทั้งสองคนที่แตกต่างกันขนาดนี้ กลายเป็นคนที่เหมือนอย่างกับเป็นคนเดียวกันได้?

เขาลูบนิ้วไปบนหน้าของเฝิงหนานบนหน้าจอ เลื่อนนิ้วไปบนหน้าจอเบาๆ

“อาต้าน หาข้อมูลได้หรือยัง?”

เขาเอาแต่เร่งไม่หยุด ทำเอาเนี่ยต้านแปลกใจขึ้นมา

“พี่อี้ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

วันนี้เผยอี้ดูทำตัวแปลกๆ ตลอดเวลาเลย และดูจะกระวนกระวายมากด้วย ผ่านไปแค่แป๊บเดียวก็เร่งเขาอีกแล้ว

ทำเอาเนี่ยต้านเองก็รู้สึกร้อนใจตามไปด้วย เขาโทรจิกไปแล้วหลายครั้ง และการถามของเผยอี้เมื่อกี้ก็ต้องทำให้เขากดหมายเลขโทรออกอีกครั้ง

“ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดสนใจขนาดนี้ขึ้นมาได้?”

เขาเองก็รีบโทรไปเร่งอีกฝ่าย คุยกันอยู่พักหนึ่ง พอวางสายไปยังไม่ทันจะได้หายใจ เผยอี้ก็ถามขึ้นมาแล้ว “ได้เรื่องอะไรไหม?”

“ช่วยเล่ามาคร่าวๆ พอ” ถึงแม้ว่าเนี่ยต้านจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เผยอี้เกิดสนใจเจียงเซ่อขึ้นมาได้ขนาดนี้ แต่พอเนี่ยต้านลองคิดดูดีๆ แล้ว นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี

เขาไล่ตามเฝิงหนานมาตั้งกี่ปีแล้ว? แล้วก็ไม่มีความคืบหน้าเลยแม้แต่น้อย

พี่น้องอย่างพวกเขาเองก็จนปัญญา เพราะทางเฝิงหนานไม่เคยคิดกับเผยอี้ไปในทางอื่นเลย

แล้วตอนนี้ตระกูลเฝิงก็ต้องการที่จะให้เธอเกี่ยวดองกับทางเจียงหัวกรุ๊ปอีก ความหวังของเผยอี้ก็แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว

หลายวันก่อนที่ผ่านมานี้ ในใจของเนี่ยต้านเองก็ไม่ได้มีความสุขอะไรนัก ถ้าหากเผยอี้เปลี่ยนใจตัวเองได้ก็คงจะดีไม่น้อย และอาจจะจีบติดได้ง่ายๆ ด้วยซ้ำ

พอคิดได้อย่างนั้น เนี่ยต้านก็ไม่แกล้งให้เผยอี้ร้อนใจอีก รีบพูดเรื่องที่ตัวเองได้ฟังมาให้เผยอี้ฟังทันที

“เห็นเขาบอกว่าช่วงนี้เธอรับเล่นหนังของซ่างเจียบันเทิงมีเดีย มีหลินซีเหวินเป็นคนกำกับ เห็นบอกว่าได้เล่นบทบทหนึ่งในเรื่อง แล้วตอนนี้ก็กำลังเรียนการแสดงกับฉางยวี่หูอยู่”

“ขอโทษนะพี่อี้ เรื่องที่ว่าทำไมเมื่อคืนเธอถึงไปอยู่ที่จิ่วหลงถางได้ เรื่องนี้ผมยังหาข้อมูลไม่ได้เลย”

แต่เขาก็ได้สำนึกผิดอยู่แค่สองวิเท่านั้น เพราะแค่เผยอี้พยักหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ก็สั่งเขาอีก

“รีบไปหามาว่าเรื่องที่เธอจะเล่นให้บริษัทซ่างเจียคือบทอะไร แล้วทำไมเธอต้องเล่นด้วย”

เนี่ยต้านลูบหน้าทีหนึ่ง “เรื่องนี้ไม่ยาก” แล้วเขาก็หันหน้าไปหาเซี่ยงชิวหราน “ช่วงนี้ชิวหรานตามจีบนางแบบอยู่ คงเข้าใจเรื่องวงการบันเทิงมากกว่าผมชัวร์ๆ”

ช่วงนี้เซี่ยงชิวหรานกำลังตามจีบนางแบบอยู่ เขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับวงการนี้ เข้าใจแบบ ฟรี ฟรี โดยไม่ต้อง เสียเงินซื้อ เลย ดังนั้นพอบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว ก็หางานหาโอกาสเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทนพวกเธอไป เขาเลยได้มีการติดต่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกับพวกคนในวงการบันเทิงมาสักพักแล้ว

และเขาก็หาข้อมูลได้เร็วจริงๆ แค่แป๊บเดียวก็ได้ข้อมูลมาแล้ว

“พี่อี้ หนังที่รุ่นน้องพี่แสดงชื่อ ‘The Occasion of Beiping’ เธอแสดงบทที่ชื่อ ‘โต้วโค่ว’” เพราะจู่ๆ เผยอี้ก็ดูจะสนใจเจียงเซ่อขึ้นมากขนาดนี้ เขาก็ต้องหาข้อมูลอย่างละเอียดเสียหน่อย

“เห็นบอกว่าที่จริงตอนแรกหลินซีเหวินจะให้เย่หยิงเฟยเล่นบทนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ภายนอก นิสัยและเสน่ห์ หลินซีเหวินเข้าใจว่ารุ่นน้องพี่คงไม่เหมาะกับ ‘บทนี้’ แต่สุดท้ายก็ได้เล่นบทนี้จนได้ พูดก็พูดนะ เธอก็ดูจะฉลาดไม่น้อยเลย เห็นบอกว่าเคยอ่านบทเรื่องนี้มาหลายรอบแล้ว เลยคุ้นเคยและเข้าใจเรื่องดีน่ะนะ”

เผยอี้พยักหน้า พยายามสงบใจ

“ใครเป็นคนเขียนบท?”

“ผมไม่เคยได้ยินนะ” เซี่ยงชิวหรานขมวดคิ้ว “เห็นบอกว่า แซ่โหว ชื่อโหวซีหลิ่ง”

เผยอี้ที่กำลังตึงเครียดจนตัวเกร็งไปหมด พอได้ยินประโยคนั้นเข้า เขาก็ล้มลงบนโซฟาทันที เหมือนร่างทั้งร่างมันเบาหวิวไปหมด

ตอนนี้สติเขาล่องลอยไปหมด มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งไปนั่งรถไฟเหาะมา พอมันจอดสนิทขาก็สั่นไปหมด

ผลการเรียนของเจียงเซ่อที่จู่ๆ ก็ดีขึ้น สอบติดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งได้ เฝิงหนานเองก็จบมาจากที่นั่น

จริงๆ แล้วเจียงเซ่อเล่นเปียโนไม่เป็น พูดภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ได้ แต่เฝิงหนานทำมันได้ทุกอย่าง

เธอชักจะเหมือนกับเฝิงหนานเกินไปแล้ว ทั้งกิริยาท่าทาง การกระทำเพียงเล็กๆ น้อยๆ เวลาที่เธอนั่งเล่นเปียโน ตอนที่เธอพูดภาษาฝรั่งเศส และหนำซ้ำยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง และชอบหนังสือของโหวซีหลิ่งเหมือนกัน

มันจะบังเอิญเหมือนกันขนาดนั้นเชียวหรือ?

หลักฐานต่างๆ นาๆกองอยู่ตรงหน้าเขา ทำเอาสมองเขาตื้อไปหมด ในตาก็ร้อนผ่าว และลำคอแห้งฝืดเหลือเกิน

สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้คงไม่ผิดแน่ๆ แต่ก็ยังมีเรื่องอีกมากมาย ที่ต้องรอเขาพิสูจน์ด้วยตัวเอง

เขาคิดถึงเฝิงหนานขึ้นมาเป็นอย่างแรก จากเฝิงหนานที่แสนร่ำรวย ต้องกลายเป็นลูกเลี้ยงของครอบครัวตู้ที่แสนยากจน ต้องไปอาศัยอยู่กับคนอื่น วันเวลาเหล่านั้นเธอจะต้องผ่านมันไปอย่างยากลำบากแน่ๆ

หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกอยากจะเย้ยหยันตัวเอง นี่มันไม่คู่ควรกับเฝิงหนานของเขาเลยสักนิด ถึงแม้ว่าจะเจอเรื่องที่แปลกประหลาดและเลวร้ายขนาดนี้ แต่เธอก็ยังปลอดภัยและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่มีท่าทีตื่นตะลึงหรือสับสน ไม่มีความหวาดระแวงและไม่กลัวที่จะทำอะไรผิดพลาด

ราวกับว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน เธอก็จะใช้ชีวิตสบายอกสบายใจเหมือนเดิม

สภาพแวดล้อมที่บ้านของครอบครัวตู้ไม่เหมือนกับที่คฤหาสน์ตระกูลเฝิง แต่เธอก็ยังคงใช้ชีวิตตามแบบแผนเดิม ยังคงเลือกที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ยังชอบอ่านหนังสือของโหวซีหลิ่งอย่างเคย

แต่มันทำให้เขารู้สึกเจ็บเหลือเกิน เป็นเพราะเธอยังอยู่ดี ราวกับว่าถึงจะไม่มีเขา ชีวิตของเธอก็คงไม่มีอะไรขาดหายและไม่มีผลกระทบอะไรกับเธอเลย

เผยอี้นึกถึงวีดีโอล่าสุดที่พนักงานจิ่วหลงถางส่งมาให้ดู คืนนั้นในจิ่วหลงถาง เธอจำเขาได้ แต่ก็ยืนนิ่งไปอยู่พักหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาเมา เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ว่าเฝิงหนานจะทักเขาแบบนั้นไหม

เพราะว่าตอนที่ได้เจอกันในลิฟต์ที่โรงแรมรุ่ยจี๋ เธอไม่มีท่าทีที่อยากจะพูดหรืออยากจะบอกอะไรกับเขาเลย แม้แต่ตอนที่เนี่ยต้านจะตามไปคุยกับเธอ เธอก็หันหลังเดินหนีไป

นี่เป็นนิสัยของเฝิงหนาน เขาควรจะเดาและรู้ได้ตั้งนานแล้ว

เขานั่งอยู่บนโซฟา เหมือนกับร่างทั้งร่างกำลังลอยอยู่บนทะเล ปล่อยให้คลื่นมันซัดไปมา สติก็ล่องลอยไปไม่อยู่กับตัว

เขามีโอกาสที่จะจำเธอได้ แต่เขาก็พลาด

เธอเองก็อยู่ใกล้เขาแค่นี้ แต่เขากลับไม่ได้ก้าวเข้าไป

แต่ว่าตอนนี้ก็ยังถือว่าไม่สายเกินไป เขาเคยต้องหวาดกลัวไปแล้วครั้งหนึ่ง และเขาก็เกือบจะเสียเฝิงหนานไปแล้ว แบบที่เสียไปเลยจริงๆ

เผยอี้ไม่กล้าที่จะคิดเลย ว่าถ้าหากวันหนึ่ง เฝิงหนานที่เขาเจอจะไม่ใช่เฝิงหนานอีกต่อไปแล้ว และถ้าหากเขาไม่รู้ตลอดไปว่าเฝิงหนานตัวจริงของเขานั้นไปแอบอยู่ที่ไหน เขาจะเป็นยังไงกันนะ?

ดังนั้นถ้าหากพิสูจน์แล้วว่ามันคือความจริง ไม่ว่ายังไง เขาก็จะไม่ปล่อยเธอไปอีก

เขาลองนึกถึงตอนที่ดูเทปวีดีโอวงจรปิดของจิ่วหลงถางอีกครั้ง เขากดเจียงเซ่อลงกับกำแพง เขารู้สึกแค่ว่าสติและสิ่งที่เขาคิดมันรวดเร็วไปหมด