webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

077

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 77 วันเกิด

“ความจริงแล้ว นอกจากเธอจะต้องควบคุมตัวเองในเรื่องคนดูที่จะคอยจับผิดแล้ว เธอยังจะต้องทนต่อแรงกดดันของตัวเองที่จะเกิดขึ้นด้วย พอขึ้นเวทีแล้ว ต้องฝึกที่จะใจกว้าง และฝึกรู้จักปล่อยวาง เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดไหม?” ฉางยวี่หูพูดกับเธออีก “ถ้าเธอมีเวลาว่างๆ ก็มีฝึกซ้อมที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะพูดกับต่งฉาวผิงไว้ให้”

เจียงเซ่อพยักหน้า และรู้ดีว่าการที่ฉางยวี่หูทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นผลดีต่อตัวเธอ โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะได้มาแบบง่ายๆ ตัวเธอเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ทำอะไรชุ่ยๆ จึงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ขอบคุณนะคะ อาจารย์ฉาง”

ฉางยวี่หูตบๆ ลงบนมือเธอ

“เมื่อกี้ที่ฉันได้ดูการแสดงของเธอแล้ว ตอนเริ่มก็ไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ แต่เธอก็สามารถปรับแก้มันได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีท่าทีว่าจะตกใจที่ตัวเองเริ่มได้ไม่ดีเลย เธอดูเด็กคนนั้นที่แสดงเป็นขอทานคนที่หนึ่งสิ ตั้งแต่เด็กๆ ก็เข้ามาที่โรงละครแล้ว อย่าไปมองว่าเขายังเด็ก เพราะฝีมือการแสดงของเขาก้าวหน้ากว่าเธอมาก”

หล่อนพูดถึงการแสดงของเจียงเซ่อที่ยังต้องแก้ไขออกมา เจียงเซ่อเองก็เก็บคำพูดของหล่อนเอาไว้ในใจไว้อย่างมั่นคง

ช่วงบ่ายเธอยังซ้อมต่ออีกสองรอบ และแต่ละรอบๆ ก็ดีขึ้นทุกครั้ง

พออกมาจากโรงละครแล้ว เวลาก็ปาเข้าไปถึงห้าหกโมงเย็น

ตอนที่เจียงเซ่อฝึกแสดงอยู่บนเวที เธอพยายามที่จะคิดเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เจออารมณ์ที่ตัวเองกำลังรู้สึกสักที แต่พอตอนนี้ออกมาจากโรงละครแล้ว เธอก็เพิ่งนึกได้ว่าเพราะว่าเธอท่องบทเอาไว้แล้ว ก็ได้รู้ถึงน้ำเสียงของตัวเองในตอนนั้น เธอจึงพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเอง แต่ก็เพราะว่าไม่คุ้นชิน ลำคอถึงได้แห้งและฝืดแบบนั้น

จากที่ตื่นเต้นอยู่ก็พยายามสงบมันลง ทั่วร่างของเธอก็เริ่มรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมา

“เธอเอาเบอร์ฉันเอาไว้สิ วันหลังถ้าเธอไม่เข้าใจ ก็โทรมาถามได้นะ”

ฉางยวี่หูยังมีธุระอย่างอื่นต่อ คนขับรถของหล่อนเองก็มารออยู่ข้างหน้าประตูสักพักแล้ว หล่อนกำชับเจียงเซ่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

พอแยกกับฉางยวี่หูแล้ว เจียงเซ่อเองก็เตรียมตัวที่จะกลับหอนอก

ข้างๆ โรงละครแห่งชาตินั้นเป็นหอสมุดขนาดใหญ่ ที่จริงที่เธอตามฉางยวี่หูมา กะว่าพอฉางยวี่หูสอนเธอเสร็จแล้วก็จะไปนั่งที่หอสมุดเสียหน่อย อยากจะเช่าหนังสือที่โหวซีหลิ่งและภรรยาของเขาได้พูดถึงตอนที่นั่งคุยกัน

แต่เป็นเพราะว่าช่วงบ่ายเธอได้ฝึกซ้อมไปตั้งหลายรอบ เธอจึงรู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ ความคิดที่จะไปห้องสมุดจึงต้องโยนทิ้งไปก่อน

ทางฉางยวี่หูได้ไปพูดคุยกับผู้ดูแลรัยผิดชอบโรงละครแล้ว ถึงอย่างไรเสียเธอก็ต้องมาที่นี่อีกหลายครั้ง เจียงเซ่อตัดสินใจแน่แล้ว แต่พอแค่หมุนตัว มือถือก็ดังขึ้นมา

สายที่โทรเข้ามาคือยวี๋เสี่ยวตานรูมเมทของเธอนั้นเอง พอเจียงเซ่อรับสาย หล่อนก็ตะโกนถามขึ้นทันที

“เซ่อเซ่อ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเฉาซวงล่ะ พวกเรานั่งคุยกันแล้วนะ ยังไงซะพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด ดังนั้นคืนนี้พวกเราเลยว่าจะรวมเงินกันออกไปฉลองวันเกิดให้เธอข้างนอก”

ถึงแม้ว่าหลังจากที่เธอได้เกิดใหม่ ทั้งความรู้สึกและความคิดของเธอนั้นก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกับเด็กสาวเหล่านี้ แต่ถ้าให้พูดแบบทั่วๆ ไปเลยละก็ สี่คนที่อยู่ในหอเดียวกัน การที่ได้รู้จักและและอยู่ด้วยกันก็ถือว่าไม่เลวเลย

ยวี๋เสี่ยวโจวมีนิสัยที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา เฉาซวงกับเฉินยวี่เวยนั้นก็ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างสนิทกัน ดังนั้นพอยวี๋เสี่ยวโจวพูดจบ เจียงเซ่อก็ตอบตกลงทันที

“งั้นเดี๋ยวฉันจะกลับไปที่หอละกัน”

ยวี๋เสี่ยวโจววางสายไปอย่างร่าเริง หลังจากที่เจียงเซ่อตอบตกลงหล่อนไปแล้ว แน่นอนว่าเธอก็คงไม่ไปที่หอนอกอีก และเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินกลับมหาวิทยาลัยแทน

ในห้องเด็กสาวทั้งสามต่างก็อยู่กันครบ ในตอนที่เจียงเซ่อกลับมาถึง ทั้งสามก็กำลังนั่งขัดสมาธิพูดคุยปรึกษากันอยู่ ว่าจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันดี

ส่วนเจียงเซ่อก็เลือกที่จะหยิบเสื้อผ้าและไปอาบน้ำก่อน พอออกมาก็เช็ดผมไปด้วย และฟังที่ยวี๋เสี่ยวโจวพูดไปด้วย น้ำเสียงหล่อนดูตื่นเต้นเอามากๆ

“เซ่อเซ่อ พวกเราคุยกันเรียบร้อยแล้วล่ะ”

หล่อนปรบมือ แววตาเป็นประกายเป็นอย่างมาก

“ในห้องนี้ฉันกับยวี่เวยอายุครบสิบแปดแล้ว เซ่อเซ่อเธออายุน้อยที่สุด ส่วนเฉาซวงเองก็จะสิบเก้าแล้ว พวกเรายังไม่เคยไปกินเหล้าด้วยตัวเองหรือไปเข้าผับอะไรพวกนั้นเลยอ่ะ”

เฉินยวี่เวยที่นั่งอยู่ข้างๆ กันก็พยักหน้าไม่หยุด

“เสี่ยวโจวบอกว่าในเมืองมีที่ที่หนึ่งชื่อจิ่วหลงถาง เป็นผับที่มีระดับมากๆ เลย ข้างในนั้นจะร้องเพลงหรือดื่มเหล้าก็ได้ ยังพวกเราก็ต้องรวมเงินกันอยู่แล้ว ลองไปดีไหมล่ะ?”

เจียงเซ่อที่เช็ดผมอยู่ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง

จิ่วหลงถางเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความบันเทิงในเมืองหลวง แน่นอนว่าเจียงเซ่อรู้จักมัน ข้างในนั้นมีกิจกรรมให้ได้ผ่อนคลายอารมณ์หลากหลายอย่าง แค่ค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ใช่เล่นๆ เลย คนที่อยากจะเข้าไปในนั้น แน่นอนว่าจะต้องเป็นพวกสมาชิกที่ทุ่มเงินรายเดือนไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นแน่นอน

ถ้าเด็กสาวพวกนี้อยากจะไปสนุกที่นั้น ก็คงได้แค่ร้องเพลงสนุกๆ เท่านั้น และเงินที่ต้องใช้จ่ายที่นั้น อย่างน้อยที่สุดก็คงหลักพันขึ้นไป

ฐานะครอบครัวของเด็กสาวพวกนี้ก็ถือว่าดี ในทุกๆ เดือนก็มีกินมีใช้เหลือเฟือ แต่ทว่าเด็กสาวเหล่านี้ก็ใช้เงินเก่งไม่น้อยเลย เพิ่งจะเปิดเรียนได้แค่ไม่กี่เดือน ในห้องก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้ากองใหญ่ ทั้งรองเท้าเอย กระเป๋าแบบต่างๆ เอย เธอจึงพูดเตือนออกไป

“ถ้าไปจิ่วหลงถาง คงทำได้แค่ไปร้องเพลง และค่าใช้จ่ายก็คงจะไม่ใช่ถูกๆ เลยนะ” ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะดื่มแอลกอฮอล์ ค่าใช้จ่ายจะต้องสูงกว่าเดิมมากแน่ๆ

ยวี๋เสี่ยวโจวพยักหน้า

“พวกเราก็ลองหาข้อมูลดูแล้ว วันเกิดของเฉาซวงคือวันพรุ่งนี้นี่นา งั้นพวกเราก็ไปกันดึกๆ หน่อยเป็นไง ออกจากหอสักประมาณห้าทุ่ม พวกเรานั่งรถแท็กซี่กันไป น่าจะถึงจิ่วหลงถางประมาณห้าทุ่มครึ่ง ตอนกลางคืนรถคงไม่ติดหรอกเนอะ”

ทั้งสามคุยกันแล้วว่าจะไปจิ่วหลงถาง ก็คงจะเตรียมแผนเอาไว้แล้ว

“เราก็จะได้อยู่กับซวงเอ๋อจนถึงอีกวัน และจะได้อวยพรวันเกิดให้เธอด้วย”

“แต่ว่าจิ่วหลงถางคิดเงินตามเวลาที่เราอยู่นะ ชั่วโมงหนึ่งก็น่าจะประมานหกร้อยแปดสิบหยวนแล้ว พวกเราไปแค่แป๊บเดียว หารกันก็ตกคนละสี่ร้อย แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะ”

เฉินยวี่เวยคำนวนดู และก็ได้ตัวเลขออกมา

เฉาซวงเองก็ดูท่าทางสนใจและร่าเริงเอามากๆ หล่อนเองก็พูดอีก

“เดือนนี้เป็นเดือนเกิดของฉัน นอกจากค่าขนมปกติแล้ว พ่อกับแม่ก็ให้ค่าขนมพิเศษด้วยล่ะ ได้มาตั้งหมื่นห้าแน่ะ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ค่อยลองสั่งเหล้าราคาไม่แพงมากมาก็ได้นะ”

ดูเหมือนว่าทั้งสามได้พูดคุยและวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว แถมยังคุยเรื่องแบ่งการออกเงินกันอย่างชัดเจนแล้วด้วย แล้วเจียงเซ่อจะยังมีความคิดเห็นอื่นๆ อีกได้หรือไง

“ในส่วนของค่ารถไปกลับนั้น ถึงเวลาพวกเราก็ค่อยหารให้เท่าๆ กันก็ได้ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ”

เฉาซวงอายุมากที่สุดในนี้ แถมยังเป็นเจ้าของวันเกิดอีกด้วย ดังนั้นทุกคนจึงลงความเห็นกันว่าจะเอาเงินไว้ให้หล่อนดูแล

ก่อนที่เจียงเซ่อจะกลับมา พอได้รับสายจากยวี๋เสี่ยวโจวและได้รู้ว่าจะมีการรวมเงินกัน เธอก็เตรียมกดเงินมาเอาไว้แล้วถึงสองพัน ตอนนี้ให้เฉาซวงเก็บไปก่อนสี่ร้อย ทุกคนต่างก็เอาเงินไว้ให้หล่อน จากนั้นยวี๋เสี่ยวโจวก็โทรศัพท์ไปจองห้องร้องคาราโอเกะที่จิ่วหลงถางทันที พอเรียบร้อยแล้วทั้งสามก็เอาแต่คุยเรื่องที่จะไปเที่ยวคืนนี้กันไม่หยุด

คืนนี้ต้องออกไปฉลองวันเกิดของเฉาซวง อย่างนั้นเจียงเซ่อก็คงนอนเร็วไม่ได้แล้ว ดังนั้นพอเธอเป่าผมจนแห้งดีก็รีบล้มตัวนอนเลย อย่างน้อยก็ขอพักร่างกายเสียหน่อย

ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว เด็กสาวสามคนนั้นพากันเปลี่ยนเสื้อเดินไปเดินมา จากนั้นก็แต่งหน้ากัน เจียงเซ่อเองก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน ตอนนี้จะเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว อากาศตอนกลางคืนก็เริ่มที่เย็นลง เธอเลือกสวมกางเกงยีนส์ และเลือกเป็นเสื้อสเวตเตอร์มาสวม และเธอก็เตรียมเสื้อคลุมไปด้วยอีกตัว เอามันมาคลุมตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา

กว่าสาวๆ ทั้งหลายจะเก็บของอะไรเสร็จก็สี่ทุ่มครึ่ง ยวี๋เสี่ยวโจวเองก็ได้โทรเรียกแท็กซี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่สาวๆ ออกจากหอดึกขนาดนี้ ทั้งตื่นเต้น และมันก็สนุกด้วย ตลอดทางที่นั่งรถก็เอาแต่พูดคุยหัวเราะกันไม่หยุด

ก็อย่างที่ยวี๋เสี่ยวโจวพูดเอาไว้ กลางคืนรถไม่ติด ตอนไปถึงที่จิ่วหลงถาง ก็ประมาณห้าทุ่มครึ่งพอดี

ถ้าสำหรับคนในยุคสมัยนี้แล้วละก็ ช่วงเวลาห้าทุ่มครึ่งแบบนี้ มันเหมาะสมเหลือเกินที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของชาวราตรี